กรมราชทัณฑ์จับมือกรมการปกครองจัดทำบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดแก่ผู้ต้องขังใกล้พ้นโทษนำร่อง 50 คน ด้านนักโทษดีใจที่ได้ความเป็นพลเมืองไทยกลับคืนตื่นเต้นแต่งตัวรอทำบัตรตั้งแต่เช้า
วันนี้ (15 ก.ย.) เวลา 11.00 น.ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ นายวิชัย ศรีขวัญ อธิบดีกรมการปกครอง ร่วมลงนามในพิธีบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือในการดำเนินงานด้านการจัดทำทะเบียนราษฎรและบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่บุคคลที่อยู่ในความควบคุมของเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศระหว่างกรมราชทัณฑ์และกรมการปกครอง เพื่อจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดให้กับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และผู้ต้องขังใกล้พ้นโทษ โดยครั้งนี้เป็นการนำร่องทำบัตรประชาชนให้กับผู้ต้องขังหญิงที่มีหลักฐานสำเนาทะเบียนบ้านจำนวน 50 คน
นายวิชัย กล่าวว่า การเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังได้ทำบัตรประจำตัวประชาชนในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่กรมการปกครองจัดหน่วยเคลื่อนที่จัดทำบัตรให้กับผู้ต้องขัง ซึ่งในเบื้องต้นจะจัดทำให้กับผู้ต้องขังใกล้พ้นโทษ ทั้งที่บัตรหมดอายุและสูญหายไปแล้วก่อน โดยผู้ต้องขังต้องมีหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นบุคคลที่มีตัวตน สามารถสืบค้นประวัติได้จากสำเนาทะเบียนบ้านหรือมีข้อมูลในทะเบียนราษฎร ส่วนผู้ต้องขังทั่วประเทศที่มีถึง 180,000 คน จะทยอยสำรวจข้อมูลและให้บริการเคลื่อนที่ไปจัดทำบัตรประชาชนให้กับผู้ต้องขังยังเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งผู้ต้องขังส่วนใหญ่มักมีทั้งบัตรประชาชนหมดอายุไปแล้วและสูญหาย จากการสำรวจพบว่ามีผู้ต้องขังที่ไม่เคยมีบัตรประจำตัวเลยถึงกว่า 500 คน ซึ่งจะต้องตรวจสอบประวัติทะเบียนราษฎรว่ามีชื่ออยู่ที่ใดและเป็นบุคคลเดียวกับที่มีชื่อในทะเบียนราษฎรหรือไม่ หากเป็นบุคคลที่ไม่มีหลักฐานเลยก็ไม่สามารถทำบัตรประชาชนได้ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้คนต่างด้าวสวมสิทธิ์
นายนัทธี กล่าวว่า การจัดทำบัตรประชาชนให้นักโทษถือเป็นครั้งแรก เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการจัดทำฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร เพราะที่ผ่านมาเมื่อผู้ต้องขังพ้นโทษจะไม่ทำบัตรประชาชน จนต้องกลายเป็นคนเถื่อนไม่สามารถสมัครงานได้ จึงต้องกลับมากระทำผิดซ้ำ นอกจากนี้ยังพบว่าอดีตผู้ต้องขังบางรายออกไปเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล เพื่อให้การสืบค้นประวัติอาชญากรทำได้ยากขึ้น แต่เมื่อกรมราชทัณฑ์จัดทำบัตรประชาชนให้กับผู้ต้องขังสัญชาติไทย ข้อมูลบุคคลและลายพิมพ์นิ้วมือจะถูกจัดเก็บไว้ในบัตรสมาร์ทการ์ด ซึ่งจะทำให้การตรวจสอบมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้าน น.ส.เก๋ นามสมมติ อายุ 39 ปี ผู้ต้องขังคดีค้าเฮโรอีน เปิดเผยว่า ถูกจับกุมและส่งตัวคุมขังในทัณฑสถานหญิงกลางตั้งแต่อายุ 19 ปี บัตรประชาชนที่มีอยู่ขาดอายุไปนาน ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในช่วง 20 ปี ที่มีโอกาสได้ทำบัตรประชาชนอีกครั้งจึงรู้สึกดีใจมาก และขอบคุณเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่เอื้อเฟื้อและให้โอกาสกับผู้ต้องขัง ถือเป็นการได้ความเป็นพลเมืองไทยกลับคืนอย่างเต็มตัว เพราะถ้าตนพ้นโทษไปแล้วต้องออกไปติดต่อกับส่วนราชการ เพื่อทำบัตรประชาชน ก็คงรู้สึกลำบากใจไม่รู้จะตอบคำถามกับเจ้าหน้าที่ว่าหายไปอยู่ที่ใหนถึง 20 ปี สำหรับตนต้องโทษจำคุกเป็นเวลานานและได้ใช้โอกาสฝึกฝนทักษะอาชีพจนมีความชำนาญด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์และงานศิลปะหลายชนิด โดยมีบริษัทแห่งหนึ่งติดต่อจะรับเข้าทำงานหลังพ้นโทษในเดือน ต.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการทำบัตรประชาชนให้กับผู้ต้องขังในทัณฑสถานหญิงกลาง นักโทษหญิงทั้ง 50 คน ได้เตรียมสำเนาทะเบียนบ้านมานั่งรอทำบัตรประชาชนตั้งแต่ช่วงเช้า โดยทุกคนมีท่าทีตื่นเต้นดีใจกับการถ่ายรูปทำบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดที่สามารถรอรับได้ภายใน 5 นาที ผู้ต้องขังบางรายก็จำไม่ได้แล้วว่าก่อนถูกคุมขังเคยประกอบอาชีพอะไร ส่วนใหญ่จะระบุว่ามีอาชีพค้าขายหรือรับจ้าง ขณะที่เรือนจำได้จัดหาเครื่องแต่งกายเป็นเสื้อสีขาวแขนยาว ที่ไม่ใช่ชุดนักโทษและยังจัดหาเสื้อแจ็กเกตสีเหลืองและสีดำไว้ให้นักโทษเลือกสวมใส่เพื่อถ่ายรูปติดบัตรประชาชนด้วย