ทหารประสานตำรวจดูแลพันธมิตรฯยึดทำเนียบชุมนุม

รอง ผบ.พล.1 รอ.เข้าพบตำรวจหารือแนวทางปฏิบัติร่วมกันระหว่างกองทัพกับตำรวจในการดูแลการชุมนุมของพันธมิตรฯในทำเนียบรัฐบาล หลังมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ขณะที่ “จงรัก” คลอดนโยบาย ปลุกใจข้าราชการตำรวจในการดูแลความสงบเรียบร้อยให้ประชาชน

วันนี้ (3 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร รองผบ.พล.1 รอ.พร้อมคณะ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น.เพื่อหารือเกี่ยวกับการประสานงานระหว่างตำรวจและกองทัพ ภายหลังมีประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน โดย พ.อ.พิสิทธิ์ ใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นจึงเดินทางกลับ พร้อมกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า วันนี้มาพูดคุยหารือกับ พล.ต.ต.วิบูลย์ เพื่อวางแนวทางในการทำงานร่วมกันระหว่างทหารและตำรวจ

มีรายงานว่า ภายหลังจากที่มีการประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินออกมา ตำรวจมีแนวทางในการทำงานเพียงแค่การป้องกัน กลุ่มผู้ชุมนุม 2 กลุ่ม ไม่ให้ปะทะกัน และรักษาความเรียบร้อย โดยเน้นทำเนียบรัฐบาลเป็นหลัก ส่วนมาตรการต่างๆ ที่จะเป็นข้อปฏิบัตินั้น ต้องรอการกำหนดข้อปฏิบัติจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉิน ส่วนการจัดกำลัง ก็ยังคงกำลังตำรวจประมาณ 22 กองร้อยในการรักษาความเรียบร้อยรอบบริเวณที่กลุ่มผู้ชุมนุมปักหลักอยู่ในทำเนียบรัฐบาล

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ผบช.น.รองผบ.ตร.รักษาการผบช.น. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น.เป็นผู้ประสานงาน การทำงาน ระหว่างตำรวจกับกองทัพ

ต่อมา พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.รักษาราชการการแทน ผู้บัญชาการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้มอบนโยบายให้กับข้าราชการตำรวจ ในกองบังคับการตำรวจนครบาล โดยนำนโยบายดังกล่าวมาแจกจ่ายให้กับสื่อมวลชนประจำ บช.น.ด้วย

นโยบายดังกล่าวของ พล.ต.อ.จงรัก ระบุว่า ให้ตำรวจถือปฏิบัติดังนี้ “จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ปัดเป่าความเดือดร้อนของประชาชน ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย” โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หมายความว่า ข้าราชการตำรวจทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่โดยยึดถือการถวายความปลอดภัยและถวายความปลอดภัยและถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสิ่งสำคัญสูงสุด

2.ปัดเป่าความเดือดร้อนของประชาชน หมายความว่า ข้าราชการตำรวจทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่ ปัดเป่าบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยถึงแม้ว่าขณะนี้จะมีสถานการณ์การชุมนุม ซึ่งตำรวจต้องเข้าไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยก็ตาม แต่ยังมีพี่น้องประชาชนอีกจำนวนมากที่อาจได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของกลุ่มมิจฉาชีพ เช่น การลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ตลอดจนการประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจทุกคนต้องเข้าไปบำบัดปัดเป่า ดูแลให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน

3.ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย หมายความว่า ข้าราชการตำรวจทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรมให้ความเสมอภาคแก่พี่น้องประชาชนโดยเท่าเทียมกัน โดยถือว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 10.00 น.พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.รักษาการ ผบช.น. พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น.และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางมาร่วมประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)

มีรายงานว่า จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังปฏิบัติหน้าที่ตามที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในฐานะ ผบ.เหตุการณ์สั่งการ คือ เตรียมกำลัง เพื่อป้องกันการปะทะกันหลังจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประกาศใช้เมื่อช่วงเช้าวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา โดยให้ดูแลพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ และเน้นเฝ้าระวังพื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาลเป็นหลัก และให้ พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น. เป็นผู้ประสานงาน ร่วมกับฝ่ายทหารในการปฏิบัติงาน หลังจากได้รับคำสั่งให้ทำงานร่วมกัน เพื่อจะดูแนวทางว่าควรปฏิบัติไปในแนวทางใด