หนุ่มจัดหาสถานที่ถ่ายหนัง โฆษณาจมน้ำดับ ขณะล่องแพแม่น้ำแควน้อยกับกลุ่มเพื่อนที่เมืองกาญจนบุรี แม่พบพิรุธมีบาดแผลบริเวณต้นคอ กกหูซ้ายและลำตัว ไม่เชื่อลูกชายจมน้ำตายเพราะเป็นคนรูปร่างใหญ่ ว่ายน้ำเป็น สงสัยตายอย่างมีเงื่อนงำหลัง โร่แจ้งความกองปราบสางคดี
วันนี้ (19 ส.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นางพัชรนันท์ ชีวประเสริฐพร อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 335 หมู่ 21 ต.บ้านเพ็ชร อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ อาชีพรับเหมาก่อสร้าง เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมบัติ มาลัย พนักงานสอบสวน (สบ 3) กองปราบปราม เพื่อร้องทุกข์กรณีที่บุตรชายคือ นายศักนะลิน หรือคิม ชีวประเสริฐพร อายุ 32 ปี ได้จมน้ำเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ หลังจากไปล่องแพ “น้องเนย” ที่แม่น้ำแควน้อย อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา
นางพัชรนันท์ กล่าวว่า บุตรชายมีอาชีพรับจัดหาสถานที่ถ่ายทำหนัง ละคร และภาพยนตร์โฆษณา ซึ่งทำงานมาหลายปีมีเพื่อนทั้งในวงการและนอกวงการที่รู้จักมากมายเนื่องจากเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นและก่อนจะเสียชีวิตได้โทรศัพท์ติดต่อกันประมาณ 1 สัปดาห์ โดยบุตรชายบอกว่าจะไปล่องแพ ที่ จ.กาญจนบุรี กับเพื่อนซึ่งเป็นตำรวจที่เพิ่งรู้จักกัน จากนั้นตนก็ได้รับข่าวร้ายเมื่อตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ติดต่อมาว่าบุตรชายจมน้ำเสียชีวิต จึงรีบเดินทางไป จ.กาญจนบุรีทันที
นางพัชรนันท์ กล่าวต่อว่า เมื่อเดินทางไปที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี จึงทราบว่า ศพลูกชายถูกนำไปไว้ที่วัดใต้ สภาพมีบาดแผลที่กกหูด้านซ้าย ต้นคอ และบริเวณสีข้าง จึงไม่เชื่อว่าบุตรชายจะเสียชีวิตจากการจมน้ำอย่างแน่นอน ที่สำคัญคือบุตรชายตนมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดี อีกทั้งยังว่ายน้ำเป็น แต่ตำรวจก็เพียงลงความเห็นว่าเสียชีวิตจากการจมน้ำโดยไม่ได้ใส่ใจติดตามหาพยานหลักฐาน หรือสาเหตุที่แน่ชัดรวมทั้งส่งศพไปชันสูตรที่ รพ.แต่อย่างใด จึงต้องออกสืบหาพยานเอง และพบเจ้าหน้าที่กู้ภัยซึ่งเป็นผู้งมร่างบุตรชายขึ้นมาจากแม่น้ำ
“ดิฉันถามเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงทราบว่ามีคนแจ้งให้ไปงมศพบุตรชาย ทำให้ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าต้องมีคนที่รู้เห็นกับการเสียชีวิตของบุตรชายโดยเฉพาะผู้ที่ร่วมล่องแพไปด้วยกัน และศพบุตรชายก็ถูกส่งไปที่วัดใต้ โดยอ้างว่าติดต่อทาง รพ.พหลพลพยุหเสนาไว้แล้ว แต่ทาง รพ.บอกว่าห้องเต็มซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ นอกจากนี้ก็ได้รับถุงผ้าซึ่งภายในมีเสื้อผ้า เอกสารและเงินสดของบุตรชาย ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเก็บได้ ดิฉันก็รีบเอากลับมาตรวจสอบ” นางพัชรนันท์กล่าว
มารดาผู้ตายกล่าวอีกว่า รู้สึกสงสัยกลุ่มเพื่อนของบุตรชายที่ไปล่องแพในวันเกิดเหตุว่าอาจรู้เห็น หรือทำร้ายร่างกายบุตรชาย และนำร่างทิ้งแม่น้ำเพื่ออำพรางว่าจมน้ำเสียชีวิต และต่อมาก็พบนายตำรวจที่เดินทางไปในวันเกิดเหตุ ซึ่งบอกกับตนเพียงว่า เห็นบุตรชายไปซื้อกาแฟจากเรือขายสินค้า ก่อนจะจมน้ำไป แม้ตนจะพยายามคาดคั้นให้พูดความจริงแล้วจะไม่ติดใจเอาความ แต่นายตำรวจรายนี้ก็ยังยืนยันเช่นนั้น ซึ่งตนไม่เชื่อ นอกจากนี้ยังได้นำหลักฐานภาพถ่ายที่บุตรชายตนถ่ายเอาไว้เองบนแพที่เกิดเหตุ ก่อนจะเสียชีวิตมามอบให้กับทางตำรวจกองปราบปรามเพื่อช่วยสืบสวนและทำให้คดีนี้มีความกระจ่างชัดเพื่อให้ความเป็นธรรมกับบุตรชายตน
