xs
xsm
sm
md
lg

ดีเอสไอเตรียมเรียกบิ๊ก กทม.-ผู้ว่าฯ สอบฮั้วรถบีอาร์ที

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ดีเอสไอเตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องคดีฮั้วประมูลโครงการรถยนต์บีอาร์ที ตั้งแต่ระดับ ผอ.สำนักถึงผู้ว่าฯ กทม.เข้าให้การ หลังผลสอบสวนเบื้องต้นพบพิรุธส่อความผิด ยันคดีไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

วันนี้ (18 ส.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ประเวศ มูลประมุข พนักงานสอบสวน 8 ดีเอสไอ เปิดเผยความคืบหน้าคดีความไม่โปร่งในโครงการประกวดราคาจัดซื้อระโดยสารประจำทางด่วนพิเศษของกรุงเทพมหานคร (บีอาร์ที) ตามที่คุณหญิงณฐนนท ทวีสิน อดีตปลัดกรุงเทพมหานครได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษว่า ภายหลังการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้เสนอต่อที่ประชุมกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่มี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ เป็นประธาน จากนั้นที่ประชุมมีมติให้รับเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากคดีมีพฤติการณ์ส่อว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นในการฮั้วประมูลโครงการที่มีวงเงินสูงถึง 6,000 ล้านบาท ขั้นตอนหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะมีหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดกับโครงการรถยนต์บีอาร์ที รวมถึงการจ้างที่ปรึกษาโครงการ การจ้างบริษัทรับเหมาสร้างสถานีรถบีอาร์ที และการจ้างผู้บริหารระบบคือบริษัท กรุงเทพธนาคม เข้าให้การต่อพนักงานสอบสวน คาดว่าจะมีผู้เกี่ยวข้องที่ต้องเข้าให้ข้อมูล ตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการสำนักไปจนถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

พ.ต.อ.ประเวศ กล่าวถึงกรณีที่การสอบสวนคดีในช่วงใกล้จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.อาจถูกมองเป็นประเด็นทางการเมืองว่า ดีเอสไอสอบสวนคดีนี้ไปตามพยานหลักฐาน หากดีเอสไอรับคำกล่าวโทษร้องทุกข์ไว้แล้วไม่ดำเนินการใดๆ พนักงานจะถูกดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เสียเอง ที่ผ่านมาดีเอสไอใช้เวลานานพอสมควรในการรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้น จนพบข้อพิรุธน่าเชื่อว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น เช่น มีการล็อกสเปก การจัดจ้างให้บริษัท กรุงเทพธนาคม ขึ้นเป็นผู้บริหารจัดการโครงการบีอาร์ที อาจไม่ถูกต้องตามระเบียบ เพราะบริษัท กรุงเทพธนาคม ไม่มีความรู้เรื่องการเดินรถสาธารณะมาก่อน หากบริษัทบริหารงานไม่ดี กทม.จะฟ้องร้องเอาผิดกับใครไม่ได้ เพราะ กทม.เป็นผู้ถือหุ้นทั้ง 100% ในบริษัท กรุงเทพธนาคม

พ.ต.อ.ประเวศ กล่าวอีกว่า ในขั้นตอนการสอบสวนคดีรถบีอาร์ที ดีเอสไอยังไม่ได้ระบุว่า บุคคลใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หลังจากนี้ถือเป็นสิทธิของผู้ที่ถูกออกหมายเรียกจะต้องนำหลักฐานเข้าชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนในฐานะพยาน หากข้อชี้แจงรับฟังไม่ได้พนักงานสอบสวนจึงจะตั้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีต่อไป

สำหรับคดีนี้ เริ่มต้นขึ้นจากการร้องทุกข์กล่าวโทษของคุณหญิงณฐนนทซึ่งได้เข้าให้ข้อมูลกับดีเอสไอว่า ได้รับข้อมูลจากข้าราชการ กทม. ระบุว่าโครงการจัดซื้อรถบีอาร์ทีส่อไปในทางมีการฮั้วประมูล อีกทั้งสเปครถยนต์ผิดไปจากสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง จากเดิมกำหนดให้มี 37 ที่นั่ง แต่เมื่อส่งมอบรถยนต์เหลือเพียง 34 ที่นั่ง ในราคาสูงเกินความเป็นจริง เบื้องต้นทราบว่ามีการประมูลซื้อรถบีอาร์ทีคันละ 7 ล้านบาท ทั้งที่ราคาในท้องตลาดขายเพียง 4 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น