“DSI มีหน้าที่อำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน ถือเป็นต้นธารของกระบวนการยุติธรรม หากปล่อยให้มีสิ่งสกปรกเจือปนไปแล้วก็ย่อมทำให้สายธารนั้นบริสุทธิ์ได้ยาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่างก็มีโอกาสถูกแทรกแซงได้ง่าย เพราะไม่ใช่องค์กรอิสระ สายงาน การบังคับบัญชาขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่มาจากภาคการเมือง”
“ต้องเร่งสร้างทัศนคติ และค่านิยมในด้านคุณธรรม และจริยธรรมให้เกิดในจิตใจข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษทุกคน เน้นสร้างระบบการควบคุมและตรวจสอบที่ดี ใช้ระบบคุณธรรมในการบริหารจัดการแทน ลดระบบอุปถัมภ์ ส่งเสริม และปกป้องคนดีไม่ให้ถูกรังแก รวมทั้งไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจ ที่สำคัญ ต้องเร่งสร้างกลไกการปฎิบัติงานสืบสวนสอบสวนให้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นธรรมตามหลักธรรมาภิบาล”
นั่นคือ....ข้อความบางส่วน ที่ นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้เขียนไว้ในวิทยานิพนธ์ “ความเป็นอิสระของ DSI จากการแทรกแซงที่มิชอบ” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบบประชาธิปไตย สำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 11 พ.ศ.2550 ของสถาบันพระปกเกล้า และอยากจะนำมาเตือนสติ เหล่าข้าราชการดีเอสไอ ในยุค รัฐบาลนอมินี ที่มี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง นั่งรักษาการ อธิบดีดีเอสไอ อีกสักครั้ง ก่อนที่ ดีเอสไอ จะกลับเข้าสู่ วังวน เดิมๆ (ทำคดีเพื่อสนองฝ่ายการเมือง)
ย้อนกลับไป ....27 มีนาคม 2551 “พล.ต.ต.เสวก ปิ่นสินชัย” อดีตผู้บังคับการตำรวจป่าไม้ เข้ายื่นหนังสือกล่าวโทษให้ดีเอสไอดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และผู้เกี่ยวข้องในความผิดตามกฎหมายฮั้วประมูล กรณีการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
โดยวันเดียวกันหลัง ดีเอสไอ ได้รับเรื่องร้องเรียน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ตนได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการโกงการเลือกตั้งมาหนาหู แต่ยังขาดหลักฐานที่จะเอาผิด ซึ่งการเข้าร้องเรียนครั้งนี้ พล.ต.ต.เสวก ได้นำหลักฐานมามอบให้ดีเอสไอด้วย แต่ยังไม่ทราบว่ามีหลักฐานอะไรบ้าง ซึ่งตนจะกำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานผลมายังสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ส่วนข้อถามว่า การร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.เป็นการต่อสู้เพื่อไม่ให้ถูกยุบพรรคพลังประชาชนหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า การร้องเรียนดังกล่าวเป็นความต้องการให้ดีเอสไอตรวจสอบคดีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้ง เป็นคนละเรื่องการคดียุบพรรค
หลังเรื่องร้อนถึงมือ ดีเอสไอ 31 มีนาคม 2551 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ลงทุนเดินทางเข้าพบ นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ส.ส.เจ้าปัญหาด้วยตนเอง
ข้อร้องเรียนที่ ดีเอสไอ เปิดเกมรุก ถือว่าเป็นเรื่อง ปกติ ที่ผิดปกติ โดย นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.ตั้งข้อสังเกตุว่า"....หากจะมีการตรวจสอบก็ไม่มีปัญหา เพราะ กกต.ชุดนี้ดำเนินการด้วยความเรียบร้อย และรอบคอบ แต่เป็นห่วงว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นหน่วยงานฝ่ายบริหารของรัฐ จะเข้ามาตรวจสอบในภาวะที่ กกต.กำลังพิจารณาคดีสำคัญ จะเป็นการเหมาะสมหรือไม่ เพราะเรื่องนี้อาจเชื่อมโยงไปถึงประเด็นทางการเมือง และจงใจทำลายความน่าเชื่อถือของ กกต....”
ถัดมาอีกคดีสดๆ ร้อนๆ วันนี้ 31 มีนาคม 2551“คุณหญิงณฐนนท ทวีสิน”อดีตปลัดกรุงเทพมหานครได้เข้าพบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เพื่อยื่นเอกสารให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการตรวจสอบความไม่โปร่งใสของโครงการประกวดราคาจัดซื้อรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ ของกรุงเทพมหานคร (BRT) จำนวน 45 คัน เป็นเงินกว่า 300 ล้านบาท เมื่อกลางปี 2550 เบื้องต้นดีเอสไอรับเรื่องไว้ตรวจสอบ สำหรับรถเมล์รุ่นดังกล่าวเป็นโครงการของ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร โดยจะเปิดบริการประเดิมวิ่งบริการเป็นเส้นทางแรกช่วงช่องนนทรี-ราชพฤกษ์
เรื่องนี้ แม้ คุณหญิงณฐนนท ทวีสิน จะออกมายืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง เพื่อหวังทำลาย นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ก็ตามที ...แต่ด้วยเนื้อหา คงปฏิเสธความจริงอยาก...ส่วน ดีเอสไอ จะรับลูก และเปิดเกมรุก ทำการสอบสวนเมื่อใด วันไหน เร็วๆ นี้ คงมีคำตอบ
แต่สำหรับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการอธิบดีดีเอสไอ วันนี้ 1 เมษายน 2551 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม เตรียมเสนอชื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นั่งอำนาจเต็ม....
ดังนั้น ดีเอสไอ ที่หลายฝ่ายหวั่นเกรง หวั่นกลัว ว่าจะตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองขี้โกง..ก็อาจเป็นจริงได้ แต่หาก ผู้นำองค์กร มีความกระหนักดีพอ ว่า ทำงานเพื่อประชาชน ทำงานเพื่อความยุติธรรม องค์กรดีเอสไอ ก็จะเป็นเป็นต้นธารของกระบวนการยุติธรรม ที่ปราศจากสิ่งสกปรกเจือปน
ส่วนท้ายสุด “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” จะทำงานเพื่อใคร เพื่อประชาชน หรือ เพื่อฝ่ายการเมือง....ผลแห่งการกระทำจะเป็นเครื่องพิสูจน์!!!
“ต้องเร่งสร้างทัศนคติ และค่านิยมในด้านคุณธรรม และจริยธรรมให้เกิดในจิตใจข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษทุกคน เน้นสร้างระบบการควบคุมและตรวจสอบที่ดี ใช้ระบบคุณธรรมในการบริหารจัดการแทน ลดระบบอุปถัมภ์ ส่งเสริม และปกป้องคนดีไม่ให้ถูกรังแก รวมทั้งไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจ ที่สำคัญ ต้องเร่งสร้างกลไกการปฎิบัติงานสืบสวนสอบสวนให้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นธรรมตามหลักธรรมาภิบาล”
นั่นคือ....ข้อความบางส่วน ที่ นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้เขียนไว้ในวิทยานิพนธ์ “ความเป็นอิสระของ DSI จากการแทรกแซงที่มิชอบ” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบบประชาธิปไตย สำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 11 พ.ศ.2550 ของสถาบันพระปกเกล้า และอยากจะนำมาเตือนสติ เหล่าข้าราชการดีเอสไอ ในยุค รัฐบาลนอมินี ที่มี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง นั่งรักษาการ อธิบดีดีเอสไอ อีกสักครั้ง ก่อนที่ ดีเอสไอ จะกลับเข้าสู่ วังวน เดิมๆ (ทำคดีเพื่อสนองฝ่ายการเมือง)
ย้อนกลับไป ....27 มีนาคม 2551 “พล.ต.ต.เสวก ปิ่นสินชัย” อดีตผู้บังคับการตำรวจป่าไม้ เข้ายื่นหนังสือกล่าวโทษให้ดีเอสไอดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และผู้เกี่ยวข้องในความผิดตามกฎหมายฮั้วประมูล กรณีการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
โดยวันเดียวกันหลัง ดีเอสไอ ได้รับเรื่องร้องเรียน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ตนได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการโกงการเลือกตั้งมาหนาหู แต่ยังขาดหลักฐานที่จะเอาผิด ซึ่งการเข้าร้องเรียนครั้งนี้ พล.ต.ต.เสวก ได้นำหลักฐานมามอบให้ดีเอสไอด้วย แต่ยังไม่ทราบว่ามีหลักฐานอะไรบ้าง ซึ่งตนจะกำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานผลมายังสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ส่วนข้อถามว่า การร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.เป็นการต่อสู้เพื่อไม่ให้ถูกยุบพรรคพลังประชาชนหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า การร้องเรียนดังกล่าวเป็นความต้องการให้ดีเอสไอตรวจสอบคดีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้ง เป็นคนละเรื่องการคดียุบพรรค
หลังเรื่องร้อนถึงมือ ดีเอสไอ 31 มีนาคม 2551 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ลงทุนเดินทางเข้าพบ นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ส.ส.เจ้าปัญหาด้วยตนเอง
ข้อร้องเรียนที่ ดีเอสไอ เปิดเกมรุก ถือว่าเป็นเรื่อง ปกติ ที่ผิดปกติ โดย นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.ตั้งข้อสังเกตุว่า"....หากจะมีการตรวจสอบก็ไม่มีปัญหา เพราะ กกต.ชุดนี้ดำเนินการด้วยความเรียบร้อย และรอบคอบ แต่เป็นห่วงว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นหน่วยงานฝ่ายบริหารของรัฐ จะเข้ามาตรวจสอบในภาวะที่ กกต.กำลังพิจารณาคดีสำคัญ จะเป็นการเหมาะสมหรือไม่ เพราะเรื่องนี้อาจเชื่อมโยงไปถึงประเด็นทางการเมือง และจงใจทำลายความน่าเชื่อถือของ กกต....”
ถัดมาอีกคดีสดๆ ร้อนๆ วันนี้ 31 มีนาคม 2551“คุณหญิงณฐนนท ทวีสิน”อดีตปลัดกรุงเทพมหานครได้เข้าพบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เพื่อยื่นเอกสารให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการตรวจสอบความไม่โปร่งใสของโครงการประกวดราคาจัดซื้อรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ ของกรุงเทพมหานคร (BRT) จำนวน 45 คัน เป็นเงินกว่า 300 ล้านบาท เมื่อกลางปี 2550 เบื้องต้นดีเอสไอรับเรื่องไว้ตรวจสอบ สำหรับรถเมล์รุ่นดังกล่าวเป็นโครงการของ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร โดยจะเปิดบริการประเดิมวิ่งบริการเป็นเส้นทางแรกช่วงช่องนนทรี-ราชพฤกษ์
เรื่องนี้ แม้ คุณหญิงณฐนนท ทวีสิน จะออกมายืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง เพื่อหวังทำลาย นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ก็ตามที ...แต่ด้วยเนื้อหา คงปฏิเสธความจริงอยาก...ส่วน ดีเอสไอ จะรับลูก และเปิดเกมรุก ทำการสอบสวนเมื่อใด วันไหน เร็วๆ นี้ คงมีคำตอบ
แต่สำหรับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการอธิบดีดีเอสไอ วันนี้ 1 เมษายน 2551 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม เตรียมเสนอชื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นั่งอำนาจเต็ม....
ดังนั้น ดีเอสไอ ที่หลายฝ่ายหวั่นเกรง หวั่นกลัว ว่าจะตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองขี้โกง..ก็อาจเป็นจริงได้ แต่หาก ผู้นำองค์กร มีความกระหนักดีพอ ว่า ทำงานเพื่อประชาชน ทำงานเพื่อความยุติธรรม องค์กรดีเอสไอ ก็จะเป็นเป็นต้นธารของกระบวนการยุติธรรม ที่ปราศจากสิ่งสกปรกเจือปน
ส่วนท้ายสุด “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” จะทำงานเพื่อใคร เพื่อประชาชน หรือ เพื่อฝ่ายการเมือง....ผลแห่งการกระทำจะเป็นเครื่องพิสูจน์!!!