“สนธิ-สมเกียรติ” เข้าพบพนักงานสอบสวน ให้การเพิ่มเติมกรณีถูกกล่าวหาหมิ่นเบื้องสูง ขณะเดียวกัน ทนายพันธมิตรฯ แจ้งความกลับจับทนายความที่มาฟ้องในข้อหาแจ้งความเท็จ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (16 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ สน.นางเลิ้ง นายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 2 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมนายสุวัตร อภัยภักดิ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ เดินทางไปยัง สน.นางเลิ้ง เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีกรณีนำคำพูดของ น.ส.ดารณี เชิงชาญศิลปกุล หรือ “ดา ตอร์ปิโด” ไปปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ โดยมี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น. พ.ต.อ.วิบูลย์ยุทธ สันทัดเวช ผกก.มักกะสัน รักษาการ ผกก.สน.นางเลิ้ง พ.ต.อ.สมชาย เชยกลิ่น ผกก.สน.ดุสิต รวมทั้งพนักงานสอบสวนของสน.ดุสิต และสน.นางเลิ้ง รอสอบปากคำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายสนธิเดินทางถึง สน.นางเลิ้ง มีกลุ่มพันธมิตรฯ ประมาณ 100 คน ที่เดินทางมารอให้กำลังใจได้พากันปรบมือและมอบดอกไม้ให้เป็นกำลังใจในการต่อสู้คดี ทั้งนี้ นายสนธิกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่มีอะไรน่าสนใจ เพียงแค่มาให้ปากคำเพิ่มเติมเท่านั้น จากนั้น เดินทางเข้าไปยังห้องพนักงานสอบสวน
ด้าน นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความกล่าวในเบื้องต้นว่า นอกจากการเดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมของนายสนธิแล้ว ในวันนี้นายสนธิยังจะแจ้งความกลับเพื่อให้ดำเนินคดีต่อนายธนชาติ แสงประดับ ธรรมโชติ อายุ 45 ปี ที่ปรึกษาและทนายความของเครือข่ายชุมชนเมือง ที่แจ้งความจับนายสนธิในคดีนี้ ในข้อหาแจ้งความเท็จด้วย
ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. นายสนธิ และนายสมเกียรติ เดินออกมาจากห้องสอบสวนท่ามกล่างเสียงปรบมือและโห่ร้องให้กำลังใจของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ไปปักหลักรออยู่หน้าโรงพัก
นายสนธิ กล่าวว่า ในวันนี้ตำรวจได้นัดมาเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งทั้ง 2 คนได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากตำรวจทุกคน โดยเฉพาะพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 ที่ปฏิบัติต่อเราอย่างสุภาพเรียบร้อย และเป็นคนให้โอกาสกับผู้ต้องหาอย่างเราเต็มที่ โดยในวันนี้ก็มาให้การเพิ่มเติม อาจารย์สมเกียรติได้ให้การเพียงเล็กน้อย ส่วนตนให้การมากหน่อย เพราะตำรวจซักถามเยอะ หลังจากนั้นทางตำรวจได้นัดมาอีกครั้งในวันที่ 6 ก.ย. โดยเราก็จะเตรียมพยานบุคคลมาให้กาาร ขณะนี้กำลังดูอยู่ว่ามีใครบ้าง เพื่อชี้แจงให้ทราบว่าสิ่งที่เราทำไปนั้นไม่ได้มีเจตนาหมิ่นเบื้องสูง ส่วนเรื่องที่จะแจ้งความดำเนินคดีกลับกับผู้ที่มาแจ้งความเรานั้น ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้ง แต่จะมอบอำนาจให้ทนายความมาแจ้งกับผู้ที่มาแจ้งความใส่เราภายหลัง
ด้าน นายสมเกียรติ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็น ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ อยากจะเรียนนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนเองจะไม่ขอเอกสิทธิ์คุ้มครองจากสภาฯ แม้จะมีรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เว้นแต่หากจะได้รับอนุญาตจากสภาฯ โดยเมื่อ 2 วันก่อนก็ได้ขออนุญาตจากสภามาให้การกับพนักงานสอบสวนตามหมายจับ จึงอยากให้เรื่องนี้เป็นบรรทัดฐาน ของส.ส.อีกนับ 10 คน ที่ต้องคดี และใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองอยู่ในขณะนี้ว่าไม่ควรใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองของส.ส. ไปเหนี่ยวรั้งกระบวนการยุติธรรมให้เช้าลง ถ้าคดีดำเนินการไปได้เร็วแค่ไหน ความยุติธรรมในสังคมก็จะเกิดขึ้น
“ขณะนี้เห็นว่า มี ส.ส.และ รมต.หลายคนที่พยายามใช้เอกสิทธิ์ เพื่อพยายามเยื้อคดีออกไป ในขณะที่หัวหน้าพรรคตัวจริง ไม่กล้ามาปรากฏตัวที่ศาล หนีไปเป็นผู้ร้ายหนีคดีอาญา แต่ก็ทำท่าว่าจะเป็นผู้ลี้ภัย ซึ่งผมเห็นว่า คนแบบนี้ ไม่ใช่คนที่เชื่อถือกระบวนการยุติธรรมจริง ทั้งๆที่เรื่องแบบนี้ ทุกคนจะต้องเสมอภาคกัน ไม่ใช่รวยแล้วไม่ต้องติดคุก รวยแล้วหนีไปอยู่ต่างประเทศแล้วมีคนปกป้อง” หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ผู้นี้กล่าว
ขณะที่ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯกล่าวว่า เรื่องแจ้งความกลับ คนที่มาแจ้งความดำเนินคดีต่อนายสนธิ เป็นการนำข้อความของนางดารณีที่พูดมาแจ้งความ ซึ่งไม่ถือว่าเป็นความผิดทางอาญา แต่การนำเรื่องนี้มาแจ้งความก็ถือว่า เป็นการแจ้งความเท็จ ต่อมาหลังจากนั้น ก็ยังให้การเท็จอีก ซึ่งถือว่าเป็นความผิด 2 กรรม ซึ่งทางเรามีนโยบายจะไม่ตั้งรับอย่างเดียวแล้ว ใครมาแจ้งความเราก็จะดำเนินการแจ้งความกลับ เช่นเรื่องเมื่อวาน (15 ส.ค.) เอาเรื่องสัพเพเหระ เอาหนังสือปรากฏการร์สนธิมาแจ้งความ อีกทั้งคนแจ้งก็เป็นคนเดิม ซึ่งเป็นคนของพรรคพลังประชาชน เคยร่วมสมัครกับนายศุภชัย ใจสมุทร มาก่อน
ด้าน พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ในวันนี้ ทั้งนายสนธิ และนายสมเกียรติมาตามนัดหมาย เนื่องจากในวันที่มอบตัว ได้ให้การไว้เพียงสั้นๆ วันนี้จึงมาให้การเพิ่มเติม โดยยื่นเป็นเอกสารส่วนหนึ่ง และพนักงานสอบสวนสอบปากคำเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง โดยในวันที่ 6 ก.ย. เวลา 11.00 น. จะนัดมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง และทั้ง 2 คนจะนำพยานมาให้ปากคำเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ สามารถบอกได้ว่าคดีนี้สามารถสอบสวนไปได้แล้วประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์ หากวันที่ 6 ก.ย.ที่จะถึงทั้ง 2 คนนำพยานมาเพื่อให้ตำรวจสอบสวนก็จะครบถ้วน เนื่องจากฝ่ายผู้กล่าวหา ได้รวมรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำไปหมดแล้ว เหลือเพียงพยานฝ่ายของนายสนธิ และนายสมเกียรติเท่านั้น
“ทางตำรวจเปิดโอกาสให้ทั้ง 2 คน แสดงความบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มที่ เพราะพนักงานสอบสวน มีหน้าที่ในการพิสูจน์ความผิด และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาด้วย จึงให้โอกาสเต็มที่ ในการนำพยานมาหักล้างข้อกล่าวหา ถ้าหักล้างได้ก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ถ้าหักล้างไม่ได้ ก็จะต้องส่งฟ้อง ถ้าในวันที่ 6 ก.ย.นี้ ทั้ง 2 คน นำพยานมาครบ ก็จะสามารถสรุปสำนวนได้ในสัปดาห์ถัดไป จากนั้นจะส่งทั้งหมดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นผู้พิจารณา เนื่องจากคดีนี้ เป็นคดีเกี่ยวกับสถาบัน ต้องนำเข้าพิจารณากันในรูปแบบของคณะกรรมการ” พล.ต.ต.อำนวยกล่าว
ผบก.น.1 ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช.มอบอำนาจให้นิติกรเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสน.ดุสิต ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มนปก.ที่ไปปล่อยตัวเหี้ยหน้าสำนักงาน ป.ป.ช.ด้วยว่า เรื่องนี้พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว โดยจะแบ่งเป็น 4 สำนวน อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน สอบพยาน และคนบันทึกเทป รวมทั้งต้องสอบถึงความรู้สึกของฝ่ายผู้กล่าวหาด้วยว่า การปล่อยตัวเหี้ยเข้าไปในนั้น ผู้กล่าวหา (ป.ป.ช.) เข้าใจว่าถูกด่าว่าเหี้ยด้วยหรือไม่
“ไม่แน่ บางทีอาจจะดำเนินคดีในข้อหาทรมานสัตว์ก็เป็นได้” พล.ต.ต.อำนวยกล่าว