xs
xsm
sm
md
lg

หวั่นท่อระบายน้ำบึ้มซ้ำ! ไม่กล้าฟันธงปั๊มโมบิลต้นเหตุ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

หลายหน่วยงานส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมตรวจสอบเหตุท่อระบายน้ำระเบิด สร้างความเสียหายให้บ้านเรือนประชาชนบนถนนพหลโยธิน หวั่นระเบิดซ้ำขึ้นได้อีกเพราะยังมีสารปนเปื้อนตกค้าง เผยพบเป็นสารที่เป็นองค์ประกอบของน้ำมันอยู่ในท่อ เร่งหาสาเหตุ เกี่ยวพันกับการรื้อถอนปั๊มและล้างถังน้ำมันหรือไม่

วันนี้ (7 ส.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. รศ.ดร.บรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายพรเลิศ พันธุ์วัฒนา ผอ.เขตจตุจักร พ.ต.อ.พัลลภ สุวรรณบัตร รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.พัฒนา เพศนาวิน ผกก.สน.บางเขน เจ้าหน้าที่จากกองสุขาภิบาลสิ่งแวดลล้อม เจ้าหน้าที่สำนักระบายน้ำ เจ้าหน้าที่สำนักอนามัยของ กทม. เจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมมลพิษ และเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกันตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุเพลิงไหม้และท่อระบายน้ำระเบิด ตั้งแต่ปากซอยพหลโยธิน 45, 47 และ 49 เป็นแนวยาวร่วม 500 เมตร เมื่อช่วงเช้าตรู่วันนี้ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องมือวัดปริมาณสารพิษ และตรวจวัดปริมาณก๊าซที่ยังหลงเหลืออยู่ในท่อระบายน้ำ ปรากฏว่าพบปริมาณก๊าซมีเทน (CH4) ปริมาณ 150-200 PPM ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดไฟและเสี่ยงต่อการระเบิดขึ้นอีก ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องเร่งเปิดฝาท่อออกเพื่อระบายก๊าซดังกล่าวให้เจือจางลงไป

พ.ต.อ.พัลลภ สุวรรณบัตร รอง ผบก.น.2 เปิดเผยว่า สาเหตุของการระเบิดครั้งนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งผู้เสียหายสามารถเดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนไว้ก่อนได้ โดยทางตำรวจจะสืบหาต่อไปว่าผู้ใดมีหน้าที่จะต้องรับผิดชอบในเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่เบื้องต้นจากการสอบสวนผู้รับเหมาที่มาทำการรื้อถอนปั๊มน้ำมัน โมบิลออย โดยเบื้องต้นให้การปฏิเสธว่าไม่มีเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้าน นายพรเลิศ พันธุ์วัฒนา ผอ.เขตจตุจักร กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเหตุ เมื่อเวลา 05.30 น. จึงรีบเดินทางมาตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็พบว่า เป็นเหตุฝาท่อระบายน้ำระเบิดขึ้นมา และมีเพลิงลุกไหม้ออกมาจากท่อ แต่ไม่ได้ลุกลามไปยังบ้านเรือนประชาชน ส่วนความเสียหาย เป็นทางยาาวประมาณ 400-500 เมตร ตั้งแต่ซอยพหลโยธิน 45-49 นอกจากนี้ ยังมีอาคารที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกระจกแตก เนื่องจากถูกแรงอัด ทั้งนี้ ทางสำนักงานเขตจตุจักรเกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อนักเรียนและประชาชนที่สัญจรไปมา จึงประสานให้สำนักระบายน้ำมาเปลี่ยนฝาท่อใหม่ เบื้องต้นพบว่ามีฝาท่อที่ถูกแรงอัดระเบิดขึ้นทั้งหมด 37 ฝา มีฝาที่ได้รับความเสียหาย และทำการเปลี่ยนใหม่ไปทั้งหมด 5 ฝา ส่วนที่เหลือนั้นไม่เสียหาย เพียงแต่ตกลงไปในท่อจึงได้ให้เจ้าหน้าที่นำขึ้นมาปิดไว้เช่นเดิม

“ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ขอแนะนำให้ไปแจ้งความไว้ก่อน หากทางตำรวจสืบสวนหาสาเหตุของการระเบิดได้แน่ชัด และรู้ตัวคนที่ต้องรับผิดชอบแล้วก็จะดำเนินการในเรื่องของค่าเสียหายต่อไป นอกจากนี้ ทางกรมควบคุมมลพิษ กรมธุรกิจพลังงาน และสำนักอนายมัย กทม.ได้ตรวจวัดค่าที่เป็นอันตรายในท่อระบายน้ำ พร้อมทั้งจะประสานให้ทางวิศวกรบริษัท เอสโซ่ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของปั๊มโมบิล ออย ปั๊มน้ำมันร้างใกล้กับที่เกิดเหตุ มาทำการดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป” ผอ.เขตจตุจักร กล่าว

ขณะที่ รศ.ดร.บรรณโษภิษฐ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุทาง กทม.ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งตำรวจ กรมควบคุมมลพิษ เข้ามาดูแลเหตุการณ์ พร้อมเฝ้าระวางพื้นที่ไม่ให้เกิดอันตราย ซึ่งทาง กทม.เป็นห่วงเรื่องการปนเปื้อน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน หรือเคมีที่เข้ามาในท่อระบายน้ำ โดยหลังจากนี้จะให้ทางผู้เชี่ยวชาญของบริษัท เอสโซ่ เข้าไปตรวจสอบ และเฝ้าระวัง รวมทั้งจะให้สำนักอนามัยของ กทม.คอยตรวจวัดค่าการระเหยของน้ำมันว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือไม่ โดยจะมีการตรวจวัดตลอดเวลาจนกว่าจะมีการแก้ไขปัญที่บริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะพยายามไม่ให้สารพิษปนเปื้อนออกมาสู่ระบบสาธารณะ

เมื่อถามว่า สาเหตุของการระเบิดเกิดมาจากจากปั๊มน้ำมันที่กำลังรื้อถอนหรือไม่ รศ.ดร.บรรณโษภิษฐ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าเกิดจากปั๊มน้ำมันหรือไม่ แต่เบื้องต้นทางสำนักอนามัยได้ตรวจสอบแล้วพบว่าสารที่ปนเปื้อนในท่อระบายน้ำเป็นองค์ประกอบของน้ำมัน ซึ่ง กทม. เป็นห่วงผู้ที่ใช้ทางเท้า โดยเฉพาะในช่วงเวลาเช้าและบ่ายจำนวนมาก ทั้งนี้จะประสานให้เจ้าหน้าที่เทศกิจของเขตจตุจักร และตำรวจคอยดูแลไม่ให้เด็กหรือประชาชนเข้าใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ

“ขณะนี้ยังคงต้องเปิดฝาท่อไว้ เพื่อให้ไอระเหยออกจากท่อได้เร็วที่สุด แต่ยังไม่แน่ใจว่า จะต้องปล่อยน้ำในท่อระบายน้ำลงสู่ลำคลองหรือไม่ เพราะยังมีสารปนเปื้อนอยู่ ต้องรอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเสียก่อนว่าจะต้องกำจัดสารปนเปื้อนเหล่านี้อย่างไรบ้าง” รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าว

มีรายงานว่า สาเหตุดังกล่าวน่าจะมาจากผู้รับเหมารื้อถอนปั๊มน้ำมันโมบิล ออยใกล้ที่เกิดเหตุ ได้ดำเนินการล้างถังน้ำมันเก่า เพื่อจะนำถังส่งคืนให้กับบริษัท เอสโซ่ หลังจากหมดสัญญาเช่าเป็นเวลา 20 ปี โดยคาดว่าถังน้ำมันอาจยังคงมีน้ำมันตกค้างอยู่ทำให้ไหลปนไปกับน้ำและไปค้างอยู่ที่บ่อพัก จากนั้นคาดว่าคนงานอาจใช้ปั๊มน้ำ ดูดน้ำจากบ่อพักไปทิ้งในท่อระบายน้ำดังกล่าว และไม่สามารถระบายออกได้ ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเองอาจมีผู้ทิ้งก้นบุหรี่ลงไปในท่อ ทำให้เกิดประกายไฟและระเบิดขึ้นในที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บริเวณที่เกิดเหตุตั้งแต่ปากซอยพหลโยธิน 45, 47 และ 49 เจ้าหน้าที่ได้นำป้าย “ห้ามสูบบุหรี่เด็ดขาด” เข้าไปติดตั้งจำนวนหนึ่ง

ต่อมา ตำรวจได้นำตัวนายธิติพัฒน์ ผลสำโรง อายุ 36 ปี ผู้รับเหมา นายอาคม มิลชูกิจ อายุ 28 ปี และนายเอกชัย จันทร์เชย อายุ 30 ปี คนงานบริษัท โปรไฟร์ เอ็นจิเนียริ่ง 2004 จำกัด ซึ่งรับเหมารื้อถอนปั๊มน้ำมันดังกล่าวไปสอบปากคำ โดยในเบื้องต้นคนงานทั้ง 2 คนให้การว่า ช่วงเกิดเหตุหลับอยู่ เมื่อได้ยินเสียงระเบิดจึงตื่นขึ้นมาดูก็พบว่า ฝาท่อระเบิดแล้ว แต่จากการสอบปากคำรปภ.ในที่เกิดเหตุ ให้การว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุ เห็นคนงนทั้ง 2 คนทำงานอยู่ ตำรวจจึงแจ้งข้อหา กระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ และกระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย ส่วนตัวนายธิติพัฒน์ นั้นจากการสอบสวน ไม่ได้อยู่ในขณะเกิดเหตุ

ระทึกรับอรุณ! ท่อระบายน้ำบึ้มเป็นแนวยาว ปชช.เจ็บ 1
เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบท่อระบายน้ำที่เกิดระเบิด
เจ้าหน้าที่กทม.ร่วมตรวจสอบ
ปั๊มน้ำมันที่กำลังรื้อถอน
กำลังโหลดความคิดเห็น