กทม.จับมือ จุฬาฯ ตั้งคณะทำงานร่วม 3 คณะพัฒนาพื้นที่เขตปทุมวัน หลังมีผู้เสียชีวิตในท่อระบายน้ำของจุฬาฯ ผอ.เขตปทุมวัน เชื่อ หลังมีคณะทำงานร่วมการพัฒนาพื้นที่จะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
นายสุรเกียรติ ลิ้มเจริญ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางสำนักงานเขตปทุมวันได้หารือร่วมกับรองศาสตราจารย์ น.อ.นพ.เพิ่มยศ โกศลพันธุ์ รองอธิบดีฝ่ายทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงมาตรการป้องกันหลังมีผู้เสียชีวิตภายในท่อระบายน้ำ ซอยจุฬา 32 เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีข้อสรุปให้ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างเขตปทุมวัน และจุฬาฯ ประกอบด้วย คณะทำงานฝ่ายสิ่งแวดล้อม ฝ่ายกายภาพ และคณะทำงานฝ่ายพัฒนาชุมชน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการให้แล้วเสร็จภายในเดือนหน้า จากนั้นจะมีการประชุมร่วมกันทุกเดือน
ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่เขตปทุมวัน อยู่ในพื้นที่ของจุฬาฯ เกือบ 40% ดังนั้น หากให้ทางจุฬาฯ ดูแลพื้นที่เพียงฝ่ายเดียว อาจดำเนินการไม่ทั่วถึง ขาดแคลนทั้งงบประมาณ และบุคลากร ฉะนั้น การตั้งคณะทำงานร่วมดังกล่าวจะทำให้การพัฒนาพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
“กรณีที่ฝาท่อระบายน้ำในพื้นที่รับผิดชอบของจุฬาฯชำรุด ทางเขตก็สามารถจัดเจ้าหน้าที่ลงไปปรับปรุงซ่อมแซมได้ทันที ส่วนเรื่องงบประมาณในการดำเนินการต่างๆ หลังมีการดูแลพื้นที่ร่วมกันแล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะงบประมาณส่วนใหญ่ยังมาจากทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่หากไม่เพียงพอ ทางเขตก็จะช่วยสนับสนุน เชื่อว่า หลังจากนี้ การพัฒนาพื้นที่จะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาก ไม่ใช่ต่างคนต่างทำอย่างที่ผ่านมา ส่วนเรื่องสาเหตุของผู้ที่ตกลงไปในท่อระบายน้ำเสียชีวิตนั้น ไม่ได้มีการพูดถึงมาก เพราะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังนั้น ในการหารือกันครั้งนี้จึงเป็นการหารือถึงมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ และเป็นการมองไปข้างหน้ามากกว่า” ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กล่าว
นายสุรเกียรติ ลิ้มเจริญ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางสำนักงานเขตปทุมวันได้หารือร่วมกับรองศาสตราจารย์ น.อ.นพ.เพิ่มยศ โกศลพันธุ์ รองอธิบดีฝ่ายทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงมาตรการป้องกันหลังมีผู้เสียชีวิตภายในท่อระบายน้ำ ซอยจุฬา 32 เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีข้อสรุปให้ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างเขตปทุมวัน และจุฬาฯ ประกอบด้วย คณะทำงานฝ่ายสิ่งแวดล้อม ฝ่ายกายภาพ และคณะทำงานฝ่ายพัฒนาชุมชน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการให้แล้วเสร็จภายในเดือนหน้า จากนั้นจะมีการประชุมร่วมกันทุกเดือน
ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่เขตปทุมวัน อยู่ในพื้นที่ของจุฬาฯ เกือบ 40% ดังนั้น หากให้ทางจุฬาฯ ดูแลพื้นที่เพียงฝ่ายเดียว อาจดำเนินการไม่ทั่วถึง ขาดแคลนทั้งงบประมาณ และบุคลากร ฉะนั้น การตั้งคณะทำงานร่วมดังกล่าวจะทำให้การพัฒนาพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
“กรณีที่ฝาท่อระบายน้ำในพื้นที่รับผิดชอบของจุฬาฯชำรุด ทางเขตก็สามารถจัดเจ้าหน้าที่ลงไปปรับปรุงซ่อมแซมได้ทันที ส่วนเรื่องงบประมาณในการดำเนินการต่างๆ หลังมีการดูแลพื้นที่ร่วมกันแล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะงบประมาณส่วนใหญ่ยังมาจากทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่หากไม่เพียงพอ ทางเขตก็จะช่วยสนับสนุน เชื่อว่า หลังจากนี้ การพัฒนาพื้นที่จะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาก ไม่ใช่ต่างคนต่างทำอย่างที่ผ่านมา ส่วนเรื่องสาเหตุของผู้ที่ตกลงไปในท่อระบายน้ำเสียชีวิตนั้น ไม่ได้มีการพูดถึงมาก เพราะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังนั้น ในการหารือกันครั้งนี้จึงเป็นการหารือถึงมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ และเป็นการมองไปข้างหน้ามากกว่า” ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กล่าว
