หลายคนคงจะตั้งคำถามว่า.... "พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ"อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ทำไม? จึงได้มานั่งเก้าอี้ใหญ่ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในยุครัฐบาลหุ่นเชิด"สมัคร สุนทรเวช"หรือ เป็นแค่ความฝัน...ในช่วงชีวิตอันสั้น ของ อดีตแม่ทัพสีกากี ผู้นี้...(ที่ตาเม่อลอย ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่โวยวาย และปฎิบัติตามทำตามนายสั่งอย่างเคร่งครัด)...
นอกจากนั้นเมื่ออ่าน พาดหัวข่าวหน้าการเมือง หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 7 สิงหาคม 2551 ที่ระบุว่า"โกวิทผวาสื่อ ตั้งกำแพงกัน ห้ามตาม-โทร."ก็ยิ่งทำให้สงสัยไปอีกว่า ทำไม"อาโก"จึงกลัวสื่อถาม หรือ โทรสัมภาษณ์ ทั้งๆที่นั่งตำแหน่งใหญ่โต ที่จะต้องดูแลทุกข์สุข ของพี่น้องประชาชน ทั่วประเทศ...
วันแรกที่เข้ากระทรวงคลองหลอด นโยบายเร่งด่วนของ เจ้าของรหัส มท.1 ถือว่าท้าทายความสามารถของผู้กำหนดนโยบาย เป็นอย่างยิ่ง....เริ่มจาก นโยบาย การสร้างความสามัคคีของคนในชาติ ลดการเผชิญหน้า และใช้มาตรการทางกฎหมาย เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเคร่งครัด
การแก้ไขปัญหาความยากจนก็จะเร่งสำรวจที่ดินรกร้างว่างเปล่า ทั้งที่ดินของรัฐ ที่ดินของเอกชน และที่ดินสาธารณประโยชน์ทั่วประเทศ เพื่อจัดทำแผนการใช้ประโยชน์ ให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงสุด โดยจะเพิ่มโอกาสการมีที่ดินทำกินให้กับประชาชน
ส่วนนโยบายการปราบปรามผู้มีอิทธิพลนั้น จะสร้างแนวร่วมประชาชนเพื่อทำลายความเข้มแข็งของผู้มีอิทธิพล โดยใช้มาตรการทางสังคม กดดัน ไม่ต้อนรับ ไม่คบค้าสมาคม ควบคู่กับการใช้มาตรการทางกฎหมาย
และที่ขาดเสียมิได้ ของ มท.1 เลือดสีกากี คือ พล.ต.อ.โกวิท บอกว่ารัฐบาลมีความจำเป็นต้องขอกำลังตำรวจเพื่อรักษาความสงบ แก้ปัญหาความรุนแรง ปัญหาการทำผิดกฎหมาย โดยในการประชุมกระทรวงฯ ครั้งต่อไป ต้องขอความร่วมมือ ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้เชิญผู้บังคับการตำรวจภูธรในพื้นที่เข้ามานั่งข้างๆ เพื่อสะดวกต่อการสั่งการ เพราะหากมีปัญหาอะไร ก็จะได้ช่วยกัน
นั่นคือ ความฝันของ ผู้ชายสูงวัย ที่ชื่อ"โกวิท วัฒนะ"เมื่อท่านได้มานั่งตำแหน่ง รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ส่วนจะทำนโยบายให้บังเกิดผลจริงได้หรือไม่ กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์...
อย่างไรก็ตามเพื่อย้ำเตือนความทรงจำ สำหรับผลงานในอดีตของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ สมัยนั่ง ผบ.ตร.ซึ่งถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐานครั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ในขณะนั้น ออกมาแถลงข่าวย้ำความผิดพลาด ในการปฎิบัติงานของ พล.ต.อ.โกวิท พบว่า น่าสนใจ และน่าจะมาประกอบการพิจารณาว่า พล.ต.อ.โกวิท สามารถสานนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ตามที่คาดฝันไว้ได้หรือไม่...
หลักฐานย้ำความผิดพลาดของ พล.ต.อ.โกวิท คือภาพและเสียงที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ร่วมแถลงผลงานและการดำเนินงานในรอบ 6 เดือน การยึดอำนาจของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2550 ที่กองทัพบก ในส่วนความรับผิดชอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.(ไร้ความสามารถ) นั่งรับฟังการแถลงผลงานของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อย่างมึนงง....
โดยวันนั้นเชื่อว่า หลายต่อหลายคนอยากรู้ความรู้สึกของ พล.ต.อ.โกวิท ว่าท่านคิดอย่างไร หลังจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้แถลงผลงาน โดยย้ำความผิดพลาดในการทำคดีในยุคของ พล.ต.อ.โกวิท โดยเฉพาะประเด็นคดีดัง...
เริ่มจาก การสอบสวนคดีทุจริต บริษัท กุหลาบแก้ว ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล กับพวก ผู้ถือหุ้นในบริษัท กุหลาบแก้ว ผู้ถือหุ้นชั้นที่ 3 ในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งต้องสงสัยว่าถือหุ้นแทนบุคคลต่างด้าว โดยย้ำว่าช่วงแรกของคดีนี้ ในยุค พล.ต.อ.โกวิท สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตั้งพนักงานสอบสวน แต่คดีไม่คืบหน้าเนื่องจากหัวหน้าพนักงานสอบสวนป่วย ต้องผ่าตัด
จากนั้นหลังเข้ามารับหน้าที่รักษาการ ผบ.ตร.เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ได้ตั้งพนักงานสอบสวนชุดใหม่ โดยมี พล.ต.ท.พิจาร จิตติรัตน์ ที่ปรึกษา (สบ.9) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าฯ และจากการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ปรากฏว่า เพียงพอเชื่อได้ว่านายสุรินทร์ กระทำผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว มาตรา 36 และได้ออกหมายเรียกนายสุรินทร์ กับพวก มารับทราบข้อกล่าวหา นอกจากนี้ ยังได้ออกหมายเรียก และนัดหมายพยานมาสอบสวนเพิ่มเติมอีกจำนวน 20 ปาก และกำลังรอผลการตรวจสอบข้อมูลทางด้านธุรกรรมและการเงินของนายสุรินทร์ กับพวก ทั้งในและต่างประเทศ คาดว่าผลการสอบสวนจะดำเนินการเสร็จสิ้นและส่งอัยการได้ภายใน 60 วัน โดยที่ คณะกรรมการคดีพิเศษ ก็มอบความไว้วางใจให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ สอบสวนอีก 60 วัน ตามที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มุ่งมั่นว่าจะดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดได้...
ถัดมาคดีการร้องเรียนอดีตนักการเมืองร่วมกับญาติพี่น้องและบริวาร ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ กระทำผิดเกี่ยวกับการบุกรุกและครอบครองที่ดินโดยผิดกฎหมาย...(ในยุค พล.ต.อ.โกวิท ท่านทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น)....ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุชัดว่าจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเบื้องต้น น่าเชื่อว่ามีการกระทำตามคำร้องเรียน โดยจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การรถไฟฯ กรมที่ดิน กรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ ร่วมพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
มาถึงคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตกเป็นผู้ต้องหา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้แจงอย่างละเอียด ว่ามีการแจ้งความไว้ทั้งหมด 7 คดี ในจำนวน 7 คดี ได้มีการตรวจสอบและมีการยุติคดีแล้ว 1 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวนและยังไม่ฟ้องศาลมี 6 คดี แยกเป็นคดีที่พนักงานสอบสวนส่งให้อัยการ และอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมตามคำสั่งของอัยการสูงสุด 3 คดี และคดีที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน 3 คดี โดยยืนยันว่า พนักงานสอบสวนจะเร่งดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อส่งให้อัยการดำเนินการสั่งคดีเข้าสู่ศาลต่อไป
ส่วนคดีสุดท้ายในการแถลงข่าวในวันนั้น คือ คดีระเบิด 9 จุดใน กทม.และนนทบุรี หลังจากยุคของ พล.ต.อ.โกวิท ได้มีการแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน แบบมั่วๆ ทำคดีแบบเหวี่ยงแห จับมั่ว ถูกลูกน้องหลอก...โดยมี พ.อ.สุชาติ คัดสูงเนิน หรือ “เสธ.คัด” นายทหารหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ส.ต.เกษมสานต์ งานโคกสูง ครูฝึกทหาร นายพิภพ จึงเหลืองอ่อน เจ้าของวินรถตู้สายบางบอน-หมอชิต ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ หรือ “เสธ.ตี๋” หนึ่งในผู้ต้องหาคดีคาร์บอม ตกเป็นเหยื่อถูกตำรวจของ พล.ต.อ.โกวิท คุมตัวมาเค้นสอบที่กองปราบปราม จนหมดอำนาจควบคุมตัวและปล่อยไป....
โดยความผิดพลาดในการควบคุมตัวในครั้งนั้น พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)..ในขณะนั้นได้พูดไว้ว่า...
“ผมรู้สึกเห็นใจ ผบ.ตร.(โกวิท)เนื่องจากท่านเป็นคนดีมีความตั้งใจในการทำงานสูง ซึ่งอาจจะถูกหลอกเพราะท่านเป็นตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) มาก่อนจึงไม่มีความชำนาญด้านการสืบสวนสอบสวนเลยทำให้การทำงานออกมาล่าช้าและไม่ทันใจต่อกระแสสังคมที่ต้องการเห็นผลสรุปของคดีรวดเร็วกว่านี้”
“โกวิท วัฒนะ” อดีตตำรวจตระเวนชายแดน ผู้ที่ไม่รู้ซึ้งเรื่องสำนวนการสอบสวน และมักจะตอบผู้สื่อข่าวอยู่เสมอว่า ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร...ไม่มีอะไร และไม่มีอะไร จนกระทั่งถูกปลดจากตำแหน่ง....
มาวันนี้ "อาโก"นั่ง รองนายกฯและมท.1 "อาโก"จะไม่รู้อะไร อีกหรือไม่?
เหตุผลที่ต้องผวาสื่อ เกิดจากเรื่องใด?
และนโยบายเร่งด่วน จะประสบความสำเร็จ สักกี่เรื่อง?
ท้ายสุดประชาชน จะคาดหวังอะไร จาก"พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ"
นอกจากนั้นเมื่ออ่าน พาดหัวข่าวหน้าการเมือง หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 7 สิงหาคม 2551 ที่ระบุว่า"โกวิทผวาสื่อ ตั้งกำแพงกัน ห้ามตาม-โทร."ก็ยิ่งทำให้สงสัยไปอีกว่า ทำไม"อาโก"จึงกลัวสื่อถาม หรือ โทรสัมภาษณ์ ทั้งๆที่นั่งตำแหน่งใหญ่โต ที่จะต้องดูแลทุกข์สุข ของพี่น้องประชาชน ทั่วประเทศ...
วันแรกที่เข้ากระทรวงคลองหลอด นโยบายเร่งด่วนของ เจ้าของรหัส มท.1 ถือว่าท้าทายความสามารถของผู้กำหนดนโยบาย เป็นอย่างยิ่ง....เริ่มจาก นโยบาย การสร้างความสามัคคีของคนในชาติ ลดการเผชิญหน้า และใช้มาตรการทางกฎหมาย เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเคร่งครัด
การแก้ไขปัญหาความยากจนก็จะเร่งสำรวจที่ดินรกร้างว่างเปล่า ทั้งที่ดินของรัฐ ที่ดินของเอกชน และที่ดินสาธารณประโยชน์ทั่วประเทศ เพื่อจัดทำแผนการใช้ประโยชน์ ให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงสุด โดยจะเพิ่มโอกาสการมีที่ดินทำกินให้กับประชาชน
ส่วนนโยบายการปราบปรามผู้มีอิทธิพลนั้น จะสร้างแนวร่วมประชาชนเพื่อทำลายความเข้มแข็งของผู้มีอิทธิพล โดยใช้มาตรการทางสังคม กดดัน ไม่ต้อนรับ ไม่คบค้าสมาคม ควบคู่กับการใช้มาตรการทางกฎหมาย
และที่ขาดเสียมิได้ ของ มท.1 เลือดสีกากี คือ พล.ต.อ.โกวิท บอกว่ารัฐบาลมีความจำเป็นต้องขอกำลังตำรวจเพื่อรักษาความสงบ แก้ปัญหาความรุนแรง ปัญหาการทำผิดกฎหมาย โดยในการประชุมกระทรวงฯ ครั้งต่อไป ต้องขอความร่วมมือ ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้เชิญผู้บังคับการตำรวจภูธรในพื้นที่เข้ามานั่งข้างๆ เพื่อสะดวกต่อการสั่งการ เพราะหากมีปัญหาอะไร ก็จะได้ช่วยกัน
นั่นคือ ความฝันของ ผู้ชายสูงวัย ที่ชื่อ"โกวิท วัฒนะ"เมื่อท่านได้มานั่งตำแหน่ง รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ส่วนจะทำนโยบายให้บังเกิดผลจริงได้หรือไม่ กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์...
อย่างไรก็ตามเพื่อย้ำเตือนความทรงจำ สำหรับผลงานในอดีตของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ สมัยนั่ง ผบ.ตร.ซึ่งถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐานครั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ในขณะนั้น ออกมาแถลงข่าวย้ำความผิดพลาด ในการปฎิบัติงานของ พล.ต.อ.โกวิท พบว่า น่าสนใจ และน่าจะมาประกอบการพิจารณาว่า พล.ต.อ.โกวิท สามารถสานนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ตามที่คาดฝันไว้ได้หรือไม่...
หลักฐานย้ำความผิดพลาดของ พล.ต.อ.โกวิท คือภาพและเสียงที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ร่วมแถลงผลงานและการดำเนินงานในรอบ 6 เดือน การยึดอำนาจของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2550 ที่กองทัพบก ในส่วนความรับผิดชอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.(ไร้ความสามารถ) นั่งรับฟังการแถลงผลงานของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อย่างมึนงง....
โดยวันนั้นเชื่อว่า หลายต่อหลายคนอยากรู้ความรู้สึกของ พล.ต.อ.โกวิท ว่าท่านคิดอย่างไร หลังจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้แถลงผลงาน โดยย้ำความผิดพลาดในการทำคดีในยุคของ พล.ต.อ.โกวิท โดยเฉพาะประเด็นคดีดัง...
เริ่มจาก การสอบสวนคดีทุจริต บริษัท กุหลาบแก้ว ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล กับพวก ผู้ถือหุ้นในบริษัท กุหลาบแก้ว ผู้ถือหุ้นชั้นที่ 3 ในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งต้องสงสัยว่าถือหุ้นแทนบุคคลต่างด้าว โดยย้ำว่าช่วงแรกของคดีนี้ ในยุค พล.ต.อ.โกวิท สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตั้งพนักงานสอบสวน แต่คดีไม่คืบหน้าเนื่องจากหัวหน้าพนักงานสอบสวนป่วย ต้องผ่าตัด
จากนั้นหลังเข้ามารับหน้าที่รักษาการ ผบ.ตร.เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ได้ตั้งพนักงานสอบสวนชุดใหม่ โดยมี พล.ต.ท.พิจาร จิตติรัตน์ ที่ปรึกษา (สบ.9) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าฯ และจากการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ปรากฏว่า เพียงพอเชื่อได้ว่านายสุรินทร์ กระทำผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว มาตรา 36 และได้ออกหมายเรียกนายสุรินทร์ กับพวก มารับทราบข้อกล่าวหา นอกจากนี้ ยังได้ออกหมายเรียก และนัดหมายพยานมาสอบสวนเพิ่มเติมอีกจำนวน 20 ปาก และกำลังรอผลการตรวจสอบข้อมูลทางด้านธุรกรรมและการเงินของนายสุรินทร์ กับพวก ทั้งในและต่างประเทศ คาดว่าผลการสอบสวนจะดำเนินการเสร็จสิ้นและส่งอัยการได้ภายใน 60 วัน โดยที่ คณะกรรมการคดีพิเศษ ก็มอบความไว้วางใจให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ สอบสวนอีก 60 วัน ตามที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มุ่งมั่นว่าจะดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดได้...
ถัดมาคดีการร้องเรียนอดีตนักการเมืองร่วมกับญาติพี่น้องและบริวาร ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ กระทำผิดเกี่ยวกับการบุกรุกและครอบครองที่ดินโดยผิดกฎหมาย...(ในยุค พล.ต.อ.โกวิท ท่านทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น)....ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุชัดว่าจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเบื้องต้น น่าเชื่อว่ามีการกระทำตามคำร้องเรียน โดยจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การรถไฟฯ กรมที่ดิน กรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ ร่วมพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
มาถึงคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตกเป็นผู้ต้องหา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้แจงอย่างละเอียด ว่ามีการแจ้งความไว้ทั้งหมด 7 คดี ในจำนวน 7 คดี ได้มีการตรวจสอบและมีการยุติคดีแล้ว 1 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวนและยังไม่ฟ้องศาลมี 6 คดี แยกเป็นคดีที่พนักงานสอบสวนส่งให้อัยการ และอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมตามคำสั่งของอัยการสูงสุด 3 คดี และคดีที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน 3 คดี โดยยืนยันว่า พนักงานสอบสวนจะเร่งดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อส่งให้อัยการดำเนินการสั่งคดีเข้าสู่ศาลต่อไป
ส่วนคดีสุดท้ายในการแถลงข่าวในวันนั้น คือ คดีระเบิด 9 จุดใน กทม.และนนทบุรี หลังจากยุคของ พล.ต.อ.โกวิท ได้มีการแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน แบบมั่วๆ ทำคดีแบบเหวี่ยงแห จับมั่ว ถูกลูกน้องหลอก...โดยมี พ.อ.สุชาติ คัดสูงเนิน หรือ “เสธ.คัด” นายทหารหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ส.ต.เกษมสานต์ งานโคกสูง ครูฝึกทหาร นายพิภพ จึงเหลืองอ่อน เจ้าของวินรถตู้สายบางบอน-หมอชิต ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ หรือ “เสธ.ตี๋” หนึ่งในผู้ต้องหาคดีคาร์บอม ตกเป็นเหยื่อถูกตำรวจของ พล.ต.อ.โกวิท คุมตัวมาเค้นสอบที่กองปราบปราม จนหมดอำนาจควบคุมตัวและปล่อยไป....
โดยความผิดพลาดในการควบคุมตัวในครั้งนั้น พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)..ในขณะนั้นได้พูดไว้ว่า...
“ผมรู้สึกเห็นใจ ผบ.ตร.(โกวิท)เนื่องจากท่านเป็นคนดีมีความตั้งใจในการทำงานสูง ซึ่งอาจจะถูกหลอกเพราะท่านเป็นตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) มาก่อนจึงไม่มีความชำนาญด้านการสืบสวนสอบสวนเลยทำให้การทำงานออกมาล่าช้าและไม่ทันใจต่อกระแสสังคมที่ต้องการเห็นผลสรุปของคดีรวดเร็วกว่านี้”
“โกวิท วัฒนะ” อดีตตำรวจตระเวนชายแดน ผู้ที่ไม่รู้ซึ้งเรื่องสำนวนการสอบสวน และมักจะตอบผู้สื่อข่าวอยู่เสมอว่า ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร...ไม่มีอะไร และไม่มีอะไร จนกระทั่งถูกปลดจากตำแหน่ง....
มาวันนี้ "อาโก"นั่ง รองนายกฯและมท.1 "อาโก"จะไม่รู้อะไร อีกหรือไม่?
เหตุผลที่ต้องผวาสื่อ เกิดจากเรื่องใด?
และนโยบายเร่งด่วน จะประสบความสำเร็จ สักกี่เรื่อง?
ท้ายสุดประชาชน จะคาดหวังอะไร จาก"พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ"
