นักศึกษาวิศวะปี 4 ใช้อาวุธมีดหัวตัดบุกจี้ร้านทอง กวาดสร้อยหนักกว่า 25 บาท ขึ้นแท็กซี่หนี สุดท้ายไปไม่รอดถูกตำรวจตามรวบทันควัน สารภาพหลงเดินทางผิดรับเดินโพยพนันบอล แต่ผีพนันเข้าสิงเอาเงินกว่าแสนไปเล่นกำถั่วจนหมด ไม่มีเงินใช้หนี้โต๊ะบอลจึงต้องก่อเหตุหาเงินใช้หนี้ อีกรายตำรวจรวบทาสยาบ้าควงมีดบุกจี้เจ้าทรัพย์ถึงบนบ้านพัก
วันนี้ (20 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ร.ต.ต.ชลิต จันทะพันธ์ ร้อยเวร สน.เพชรเกษม รับแจ้งเหตุคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ร้านทองชื่อ “ห้างทองไท้เซ่งเฮง” เลขที่ 459/14 ปาก ซ.เพชรเกษม 63 แขวงหลักสอง เขตบางแค กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. พ.ต.อ.อนุชา อ่วมเจริญ ผกก.สน.เพชรเกษม พ.ต.ท.ไพโรจน์ ไตรธรรม สว.สป.สน.เพชรเกษม กำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนทั้งจาก สน.เพชรเกษม และ กก.สส.บก.น.9
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 2 คูหา ชั้นล่างเปิดเป็นร้านรับซื้อขายทองรูปพรรณ มี นางจันทร์ฉาย ชัชวาลย์ดำรงค์เจน อายุ 39 ปี เป็นเจ้าของร้าน กำลังยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ด้วยอาการตื่นตระหนก โดยนางจันทร์ฉายกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 09.30 น.ตนพร้อมลูกจ้างหญิงอีก 2 คนกำลังเปิดร้านตามปกติ โดยได้เปิดประตูหน้าร้านซึ่งเป็นกระจกเอาไว้ เพื่อเตรียมไหว้พระไหว้เจ้า ระหว่างนั้นก็มีแม่ค้าขายสับปะรดที่ตั้งแผงอยู่บริเวณหน้าร้านตนซึ่งรู้จักกันได้เดินเข้ามาดูทอง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่นอายุประมาณ 20-25 ปี รูปร่างบึกบึน ไว้ผมยาวย้อมสีทอง สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเขียวขี้ม้า นุ่งกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบ สะพายกระเป๋าสีเขียว ใช้เสื้อยืดสีน้ำตาลคลุมใบหน้า เดินแกว่งอาวุธมีดหัวตัดยาวประมาณ 50 เซนติเมตร เข้ามาภายในร้าน
นางจันทร์ฉาย เล่าต่อว่า จากนั้นคนร้ายก็ผลักแม่ค้าขายสับปะรดจนล้ม แล้วเดินตรงเข้ามาหาตนแล้วใช้มีดขู่ พร้อมออกคำสั่งว่าให้อยู่เฉยๆ ก่อนที่จะกระโดดข้ามตู้กระจกเข้าไปหยิบสร้อยทองรูปพรรณบนตู้โชว์ติดผนังยัดใส่กระเป๋าไปทั้งหมด 22 เส้น น้ำหนักรวม 25 บาท มูลค่าทั้งสิ้น 377,500 บาท ยัดใส่กระเป๋า แล้วรีบวิ่งออกจากร้านข้ามถนนหลบหนีไป ซึ่งขณะนั้นลูกจ้างตนก็รีบวิ่งตามออกไปพบว่าคนร้ายได้โบกรถแท็กซี่สีขาว หลบหนีไปทางถนนเพชรเกษมขาเข้า ตนจึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจที่เบอร์ 191 จากนั้นประมาณ 30 นาทีก็ได้รับแจ้งจากทาง ผกก.สน.เพชรเกษม ว่าสามารถสกัดจับกุมคนร้ายได้แล้วพร้อมของกลางทั้งหมด ที่อู่ธนิตยนต์ เลขที่ 40/78 ซ.เพชรเกษม 92/9 แขวงหลักสอง เขตบางแค กทม.
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.ได้ควบคุมตัวคนร้ายรายนี้ทราบชื่อต่อมา คือ นายณรงค์ หรือ “ตั้ม” เรืองฤทธิ์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/12 หมู่ 4 ต.กุโลกสี่หมื่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านทองดังกล่าว โดยนายณรงค์ยอมรับสารภาพว่า ปัจจุบันตนเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมไฟฟ้า ของมหาวิทยาลัยธนบุรี และยังรับงานเดินโพยบอลให้โต๊ะบอลแถวมหาวิทยาลัยด้วย ก่อนหน้านี้ตนเก็บเงินค่าพนันฟุตบอลมาได้จำนวน 140,000 บาท จากนั้นก็มีเพื่อนมาชวนตนไปเล่นกำถั่วที่บ่อนย่านพุทธมณฑลสาย 4 จนเงินจำนวนดังกล่าวหมด ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาใช้คืนโต๊ะบอลจึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุจี้ร้านทอง ซึ่งก่อนลงมือก็ได้มาดูทางหนีทีไล่เอาไว้ก่อนแล้ว
“เมื่อเช้าผมนั่งดื่มเบียร์ย้อมใจไปถึง 2 ขวด ขณะรอให้ร้านทองเปิด พอเห็นเจ้าของร้านลงมาเปิดประตูเลยตัดสินใจถือมีดเข้าไปก่อเหตุทันที เมื่อได้สร้อยทองมาแล้ว ผมก็รีบวิ่งหนีออกมาเรียกรถแท็กซี่เพื่อกลับรถไปฝั่งตรงข้าม แต่ขณะนั้นพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรไล่ตามมาติดๆ จึงตัดสินใจลงจากรถวิ่งข้ามถนนมุ่งหน้าไปทางโรงเรียนอำนวยศิลป์ ธนบุรี แต่ รปภ.โรงเรียนไม่อนุญาตให้เข้า จึงต้องวิ่งข้ามถนนกลับไปทางซอยเพชรเกษม 92/9 จนถูกตำรวจและชาวบ้านช่วยกันจับกุมตัวไว้ได้ขณะที่ลื่นล้มภายในอู่ซ่อมดังกล่าว” นายณรงค์ กล่าวด้วยอาการเศร้าซึม
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายณรงค์ไปสอบสวนอย่างละเอียดที่ สน.เพชรเกษม อีกครั้ง พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธ และพกพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนส่งตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรีต่อไป
อีกรายเมื่อเวลา 07.00 น.ของวันเดียวกัน ร.ต.อ.จุมพล กาญจนเสถียร ร้อยเวร สน.เพชรเกษม ได้รับแจ้งว่า มีคนร้ายเข้าไปจี้ชิงทรัพย์ผู้เสียหายภายในบ้านเลขที่ 49/11 หมู่บ้านปรานสิริ ซอยบุญมี ถนนสุขาภิบาล 1 แขวงและเขตบางแค กทม.จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ และ ฝ่ายสืบสวน สน.เพชรเกษม
เมื่อเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ พบว่า มีกลุ่มชาวบ้านช่วยกันจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ได้แล้ว ทราบชื่อต่อมา คือ นายเปรมชัย หรือ “ปุ๋ย” เพ็งแสวง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/1 ถนนวุฒากาศ (ซอย 43) แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กทม.พร้อมของกลางอาวุธมีดปลายแหลมยาว 1 ฟุต จำนวน 1 เล่ม เงินสดจำนวน 1,600 บาท และยาบ้าอีก 5 เม็ดครึ่ง จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สน.เพชรเกษม พร้อมเชิญ น.ส.สิริมา สินเส้า อายุ 28 ปี เจ้าของบ้านไปให้การในฐานะผู้เสียหายด้วย
จากการสอบสวน นายเปรมชัย ซึ่งอยู่ในอาการเมายาบ้าให้การว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้าวันนี้ตนได้ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงินคาดดำ ทะเบียน ลวบ 432 กทม.ผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน เห็นว่าบ้านหลังดังกล่าวประตูด้านหลังเปิดอยู่จึงได้วนรถไปจอดที่บริเวณด้านข้างแล้วปีนกำแพงเข้าไป ช่วงนั้นก็ได้เห็น น.ส.สิริมา เดินลงบันไดมาจากชั้น 2 แล้วไปหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน ตนจึงรีบวิ่งสวนขึ้นไปรื้อค้นทรัพย์สินซึ่งอยู่ในกระเป๋าภายในห้องนอนได้เงินสดมาจำนวน 2,500 บาท เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ น.ส.สิริมา เดินย้อนขึ้นมาบนห้องแล้วพบตนพอดี ตนจึงชักมีดออกมาจี้ที่คอเพื่อไม่ให้เจ้าตัวส่งเสียงดัง และบังคับให้ถอดกางเกงขาสั้นออก โดยตนข่มขู่ น.ส.สิริมา ไปว่าถ้าหากส่งเสียงดังจะถูกข่มขืน
นายเปรมชัย กล่าวต่อไปว่า เมื่อเหยื่อยินยอมอยู่ในความสงบจึงได้นั่งพูดคุยกัน ซึ่งตนก็บอก น.ส.สิริมา ไปว่าตนไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร แต่ตอนนี้ต้องหาเงินไปซื้อนมให้ลูก โดยทาง น.ส.สิริมาก็พูดกับตนว่าต้องการเงินเท่าไหร่ก็ขอให้บอก แต่อย่าทำร้ายกัน ตนจึงบอกว่าเงินในกระเป๋าทั้งหมดตนหยิบมาแล้ว น.ส.สิริมา จึงยื่นให้ตนอีก 100 บาท รวมเป็น 2,600 บาท จากนั้น น.ส.สิริมา ก็ได้เปิดใจพูดกับตนว่าทุกวันนี้อยู่ในสถานะเมียน้อยของสามี แม้จะยังไม่มีลูก แต่ก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบากพอสมควร ตนก็รู้สึกเห็นใจเพราะลำบากเหมือนกัน จึงยื่นเงินคืนให้ น.ส.สิริมา ไป 1,000 บาท เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่าย ขณะที่ตนกำลังจะออกจากบ้านเพื่อหลบหนี ตนก็ได้หยิบกางเกงให้ น.ส.สิริมา สวมใส่ จากนั้น น.ส.สิริมา ก็ยังแสดงน้ำใจบอกว่า จะลงจากห้องไปหยิบน้ำมาให้ดื่ม
นายเปรมชัย กล่าวว่า จากนั้น น.ส.สิริมา ก็รีบวิ่งลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว ตนเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกจึงได้รีบวิ่งหนีลงมาปีนกำแพงข้ามออกไปซุ่มอยู่นอกตัวบ้าน ซึ่งตอนนั้นได้ยินเสียง น.ส.สิริมา ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งคนที่ได้ยินเสียงคนในละแวกนั้นมาช่วยกันล้อมจับตนกุมตนเอาไว้ได้ในที่สุด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธ และพกพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรต่อนายเปรมชัยเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป