หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี “เจ๊เพ็ญ” หมิ่นพระบรมเดชานุภาพจะสรุปสำนวนถึงมือ บช.ก.ในอาทิตย์นี้ ถ้าคำแปลฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาส่งมาช้าไม่ทันสัปดาห์นี้ ไม่รอแล้ว เพราะคดีล่าช้าเกินไปแล้ว แต่ยังแบ่งรับแบ่งสู้ทำคดีดีที่สุด ทำตามหลักฐาน ย้ำไม่มีระดับนายใหญ่แทรกแซงการทำงาน
วันนี้ (14 ก.ค.) พล.ต.ต.สมเดช ขาวขำ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดี นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภายหลังคณะกรรมการพิจารณาคดีการสอบสวนเกี่ยวกับการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ของ บช.ก.ชุดเดิมมีมติว่านายจักรภพเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีว่า ได้สอบปากคำผู้กล่าวหาจำนวน 6-7 ปากเสร็จสิ้นแล้ว และในส่วนของพยานทางที่นายจักรภพ ได้ยื่นรายชื่อให้คณะกรรมการฯ ทางพนักงานสอบได้เรียกสอบไปเสร็จแล้วเช่นกัน โดยในส่วนของนายจักรภพ มีพยาน 2 ปาก คือ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีต นปก. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน และอดีต นปก.
พล.ต.ต.สมเดช กล่าวต่อไปว่า ขั้นตอนขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งสรุปสำนวนการสอบสวนทั้งหมดเสนอ คณะกรรมการระดับ บช.ก. ซึ่งตนเห็นว่าเรื่องนี้เนิ่นนานแล้วจะเร่งสรุปให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้แน่นอน ก่อนที่จะเสนอต่อไปยังคณะกรรมการระดับ ตร.ที่มี พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายกฎหมาย เป็นประธานพิจารณานำเสนออัยการต่อไป
“สาเหตุที่ทำให้เรื่องช้าเป็นเพราะหลักฐานทุกอย่างต้องครบถ้วน รอบคอบ ซึ่งเราจะให้เวลานายจักรภพส่งคำแปลทางฝ่านตนเองฉบับเต็มมาให้พนักงานสอบสวนภายในสัปดาห์นี้เท่านั้น ถ้าช้ากว่านี้ไม่รอแล้ว ที่ผ่านมานายจักรภพได้ส่งคำชี้แจงมาให้ 6 หน้าซึ่งก็ใช้ประกอบสำนวนคดี เรื่องคดีนี้ช้ามานานแล้ว ผมว่ามันจำเป็นต้องรีบทำ” พล.ต.ต.สมเดช กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า พล.ต.อ.วงกต เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะทำให้คดีลำเอียง ไม่เป็นธรรมหรือไม่ พล.ต.ต.สมเดช กล่าวว่า ทุกอย่างตนทำตามหลักฐานที่มีอยู่ ทำดีที่สุด ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีใครมาสั่งได้ ทุกคนไม่เคยเข้ามายุ่งหรือชี้นำในการทำคดี
ทั้งนี้ ภายในสัปดานี้จะนัดคณะกรรมการ บช.ก.เพื่อที่จะนำเสนอข้อสรุปทั้งหมดในคดีนายจักรภพให้พิจารณา ถ้าคณะกรรมการว่างตรงกันเรื่องก็เสร็จเร็ว ส่งให้คณะกรรมการระดับ ตร.ได้เร็ว
วันนี้ (14 ก.ค.) พล.ต.ต.สมเดช ขาวขำ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดี นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภายหลังคณะกรรมการพิจารณาคดีการสอบสวนเกี่ยวกับการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ของ บช.ก.ชุดเดิมมีมติว่านายจักรภพเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีว่า ได้สอบปากคำผู้กล่าวหาจำนวน 6-7 ปากเสร็จสิ้นแล้ว และในส่วนของพยานทางที่นายจักรภพ ได้ยื่นรายชื่อให้คณะกรรมการฯ ทางพนักงานสอบได้เรียกสอบไปเสร็จแล้วเช่นกัน โดยในส่วนของนายจักรภพ มีพยาน 2 ปาก คือ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีต นปก. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน และอดีต นปก.
พล.ต.ต.สมเดช กล่าวต่อไปว่า ขั้นตอนขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งสรุปสำนวนการสอบสวนทั้งหมดเสนอ คณะกรรมการระดับ บช.ก. ซึ่งตนเห็นว่าเรื่องนี้เนิ่นนานแล้วจะเร่งสรุปให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้แน่นอน ก่อนที่จะเสนอต่อไปยังคณะกรรมการระดับ ตร.ที่มี พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายกฎหมาย เป็นประธานพิจารณานำเสนออัยการต่อไป
“สาเหตุที่ทำให้เรื่องช้าเป็นเพราะหลักฐานทุกอย่างต้องครบถ้วน รอบคอบ ซึ่งเราจะให้เวลานายจักรภพส่งคำแปลทางฝ่านตนเองฉบับเต็มมาให้พนักงานสอบสวนภายในสัปดาห์นี้เท่านั้น ถ้าช้ากว่านี้ไม่รอแล้ว ที่ผ่านมานายจักรภพได้ส่งคำชี้แจงมาให้ 6 หน้าซึ่งก็ใช้ประกอบสำนวนคดี เรื่องคดีนี้ช้ามานานแล้ว ผมว่ามันจำเป็นต้องรีบทำ” พล.ต.ต.สมเดช กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า พล.ต.อ.วงกต เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะทำให้คดีลำเอียง ไม่เป็นธรรมหรือไม่ พล.ต.ต.สมเดช กล่าวว่า ทุกอย่างตนทำตามหลักฐานที่มีอยู่ ทำดีที่สุด ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีใครมาสั่งได้ ทุกคนไม่เคยเข้ามายุ่งหรือชี้นำในการทำคดี
ทั้งนี้ ภายในสัปดานี้จะนัดคณะกรรมการ บช.ก.เพื่อที่จะนำเสนอข้อสรุปทั้งหมดในคดีนายจักรภพให้พิจารณา ถ้าคณะกรรมการว่างตรงกันเรื่องก็เสร็จเร็ว ส่งให้คณะกรรมการระดับ ตร.ได้เร็ว
