“เพ็ญ” จูงมือสองเกลออดีต นปก.นำคำชี้แจงคำแปลในคดีหมิ่นเบื้องสูงส่งพนักงานสอบสวน ขณะที่ ตร.เตรียมเรียกพยานฝ่ายถูกกล่าวหา 3 ปากเค้นสอบความจริง ยันทำคดีตรงไปตรงมา โปร่งใสชัวร์
วันนี้ (2 ก.ค.) พล.ต.ต.สมเดช ขาวขำ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดี นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภายหลังคณะกรรมการพิจารณาคดีการสอบสวนเกี่ยวกับการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ของ บช.ก.มีมติว่านายจักรภพเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานายจักรภพได้เดินทางมาพร้อมกับทีมทนายความ และทีมอดีต นปก. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ โดยได้นำคำชี้แจงบางส่วนจำนวน 6 หน้ากระดาษที่เกี่ยวข้องกับคำแปลในส่วนของตนเองมามอบให้พนักงานสอบสวนที่กองปราบปราม ซึ่งในคำแปลในส่วนของนายจักรภพเองจะนำมามอบให้อีกครั้งภายในปลายสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้ตนจะสอบพยานทางส่วนของรายชื่อที่นายจักรภพนำเสนอพนักงานสอบสวน และพนักงานสอบจะเรียกพยานทั้ง 3 คนมาสอบปากคำต่อไป ซึ่งภายในกลางเดือนกรกฎาคมตนตนจะสรุปสำนวนคดีนี้ทั้งหมดนำเสนอให้คณะกรรมการระดับ บช.ก.ลงความเห็น ต่อจากนั้นคณะกรรมการระดับ บช.ก.เสนอให้คณะกรรมการระดับ ตร. ซึ่งมี พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายกฎหมายและสอบสวนเป็นประธานพิจารณาอีกครั้งเพื่อส่งอัยการดำเนินคดีต่อไป
“ที่ผ่านมาทาง พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบช.ก. และ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร. ประธานพิจารณาของ ตร.ไม่เคยเร่งรัดในคดี แต่ตนฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ ทราบหน้าที่ และรู้ดีว่าคดีเป็นที่สนใจของประชาชน เป็นคดีที่สำคัญต่อประเทศชาติ ก็จะเร่งทำให้เสร็จโดยเร็ว” พล.ต.ต.สมเดช กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า คดีนี้ คณะกรรมการของ บช.ก.ชุดเดิมได้ระบุฐานข้อหาว่านายจักรภพ เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปแล้ว และได้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ แต่ในสมัย พล.ต.ท.สมยศ มาเป็น ผบช.ก คนใหม่ไม่กี่เดือน ทุกอย่างจะพลิกเป็นแบบอื่นที่ทำให้นายจักรภพรอดตัวหรือหลุดจากคดีหรือไม่ นั้น พล.ต.ต.สมเดช กล่าวว่า ทุกอย่างทำตามขั้นตอนกฎหมาย ทำตามเอกสาร ความเป็นจริง ทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่บิดเบือนข้อมูล และขั้นตอ วิธีการสอบสวนก็เปิดเผยอยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วง อย่ากังวล คดีนี้เป็นคดีอ่อนไหวและสำคัญ ตำรวจทำงานโปร่งใสแน่นอน
วันนี้ (2 ก.ค.) พล.ต.ต.สมเดช ขาวขำ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดี นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภายหลังคณะกรรมการพิจารณาคดีการสอบสวนเกี่ยวกับการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ของ บช.ก.มีมติว่านายจักรภพเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานายจักรภพได้เดินทางมาพร้อมกับทีมทนายความ และทีมอดีต นปก. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ โดยได้นำคำชี้แจงบางส่วนจำนวน 6 หน้ากระดาษที่เกี่ยวข้องกับคำแปลในส่วนของตนเองมามอบให้พนักงานสอบสวนที่กองปราบปราม ซึ่งในคำแปลในส่วนของนายจักรภพเองจะนำมามอบให้อีกครั้งภายในปลายสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้ตนจะสอบพยานทางส่วนของรายชื่อที่นายจักรภพนำเสนอพนักงานสอบสวน และพนักงานสอบจะเรียกพยานทั้ง 3 คนมาสอบปากคำต่อไป ซึ่งภายในกลางเดือนกรกฎาคมตนตนจะสรุปสำนวนคดีนี้ทั้งหมดนำเสนอให้คณะกรรมการระดับ บช.ก.ลงความเห็น ต่อจากนั้นคณะกรรมการระดับ บช.ก.เสนอให้คณะกรรมการระดับ ตร. ซึ่งมี พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายกฎหมายและสอบสวนเป็นประธานพิจารณาอีกครั้งเพื่อส่งอัยการดำเนินคดีต่อไป
“ที่ผ่านมาทาง พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบช.ก. และ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร. ประธานพิจารณาของ ตร.ไม่เคยเร่งรัดในคดี แต่ตนฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ ทราบหน้าที่ และรู้ดีว่าคดีเป็นที่สนใจของประชาชน เป็นคดีที่สำคัญต่อประเทศชาติ ก็จะเร่งทำให้เสร็จโดยเร็ว” พล.ต.ต.สมเดช กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า คดีนี้ คณะกรรมการของ บช.ก.ชุดเดิมได้ระบุฐานข้อหาว่านายจักรภพ เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปแล้ว และได้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ แต่ในสมัย พล.ต.ท.สมยศ มาเป็น ผบช.ก คนใหม่ไม่กี่เดือน ทุกอย่างจะพลิกเป็นแบบอื่นที่ทำให้นายจักรภพรอดตัวหรือหลุดจากคดีหรือไม่ นั้น พล.ต.ต.สมเดช กล่าวว่า ทุกอย่างทำตามขั้นตอนกฎหมาย ทำตามเอกสาร ความเป็นจริง ทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่บิดเบือนข้อมูล และขั้นตอ วิธีการสอบสวนก็เปิดเผยอยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วง อย่ากังวล คดีนี้เป็นคดีอ่อนไหวและสำคัญ ตำรวจทำงานโปร่งใสแน่นอน
