ประหลาด! จนป่านนี้ “วงกต” เพื่อนแม้วยังปฏิเสธไม่รู้เรื่องได้เป็นประธานคณะกรรมการ ตร.ดูแล คดี “เพ็ญ” จาบจ้วงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพด้าน “สมยศ” รับลูกคดีจะอืดหรือเร็ว โยนให้เป็นหน้าที่พนักงานสอบดูแล บอกนั่งตบยุงรอผลสรุปนำเสนอ บช.ก และ “วงกต” พิจารณาเท่านั้น
วันนี้ (30 มิ.ย.) พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เปิดเผยถึงการดำเนินคดี ที่หลังจากภายหลังคณะกรรมการพิจารณาคดีการสอบสวนเกี่ยวกับการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ของ บช.ก.ชุดเดิม มีมติว่านายจักรภพเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ทำให้เข้าองค์ประกอบที่พนักงานสอบสวนสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ และเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบช.ก. พล.ต.ต.สมเดช ขาวขำ รอง ผบช.ก.หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพฯที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายจักรภพ และอนุญาตให้เดินทางกลับไปได้ และให้สิทธิ์นายจักรภพต่อสู้คดีนั้นว่า ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการสอบสวนพยานแวดล้อมต่างๆ ซึ่งในรายละเอียดของความคืบหน้าและรายละเอียดเบื้องลึกของคดีตนยังไม่ได้รับสรุปผลการรายงานทั้งทางวาจา และเป็นลายลักษณ์อักษรจากหัวหน้าคณะพนักงานสอบคดีนี้ ซึ่งส่วนตัวคงไม่ไปก้าวล่วง แทกแซง หรือก้าวก่ายการทำงานของพนักงานสอบสอน และไม่ไปเร่งรัดหรือกำหนดวันเวลาว่าคดีต้องแล้วเสร็จภายวันไหน เพราะทุกอย่างต้องทำให้รอบคอบ รัดกุม และเจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานทุกอย่างตามกฎหมาย ตามหน้าที่เคร่งครัดอยู่แล้ว
“เราจะไปเร่งพนักงานสอบไม่ได้ ต้องให้อำนาจเค้าเต็มที่ในการทำคดี จะไปกำหนดให้เสร็จใน 30 วัน ไม่เคยพูด จะไปกะเวลาต้องเสร็จวันนั้น วันนี้ได้ไง มันต้องรอบคอบ” พล.ต.ท.สมยศ กล่าว
พล.ต.ท.สมยศ กล่าวต่อไปว่า ขั้นตอนหลังจากเมื่อได้รับสรุปสำนวนการสอบสวนแล้ว ตนจะต้องนำเสนอให้คณะกรรมการระดับ บช.ก.ลงความเห็น ต่อจากนั้นคณะกรรมการระดับ บช.ก. จะเสนอให้คณะกรรมการระดับ ตร. ซึ่งมี พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายกฎหมายและสอบสวนเป็นประธานพิจารณาอีกครั้งต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดต่อเพื่อขอสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.หลังจากที่สื่อมีการนำเสนอข่าวตลอดว่าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานพิจารณาและมีผู้อำนาจชี้ขาดเต็มในระดับ ตร.ว่าคดีนี้นายจักรภพ จะเป็นเช่นไรต่อไป นั้น พล.ต.อ.วงกต กลับปฏิเสธว่า ไม่เคยได้รับแจ้งจากใครด้วยวาจา และยังไม่เห็นหนังสือคำสั่งแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการระดับ ตร.พิจารณาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของนายจักรภพ เพ็ญแขแต่อย่างใด โดยกล่าวเพียงว่าตนยังไม่ทราบเรื่องใดๆ ขั้นตอนทุกอย่างอยู่ที่พนักงานสอบสวน อยู่ทางฝ่ายปราบปรามเค้าดูแลกันอยู่
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา พล.ต.ต.สมเดช ขาวขำ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดี นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เคยให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน ต้องรอเอกสารชี้แจงข้อกล่าวหาของนายจักรภพ รวมถึงเอกสารคำแปลถ้อยคำที่นายจักรภพปาฐกถาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนที่นายจักรภพเป็นผู้แปล โดยนายจักรภพนัดส่งมอบเอกสารทั้งหมดมาให้พนักงานสอบสวนต้นเดือน ก.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.เป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.26 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยอดีตที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เรืองอำนาจ เขาคือนายตำรวจที่มักจะคอยเสริมพลังผลักดันความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมฤทธิผล อีกทั้งยังเป็นสามีของนางสิริกร มณีรินทร์ อดีตเหรัญญิกพรรคไทยรักไทย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับตระกูลชินวัตรเป็นอันมาก
วันนี้ (30 มิ.ย.) พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เปิดเผยถึงการดำเนินคดี ที่หลังจากภายหลังคณะกรรมการพิจารณาคดีการสอบสวนเกี่ยวกับการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ของ บช.ก.ชุดเดิม มีมติว่านายจักรภพเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ทำให้เข้าองค์ประกอบที่พนักงานสอบสวนสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ และเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบช.ก. พล.ต.ต.สมเดช ขาวขำ รอง ผบช.ก.หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพฯที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายจักรภพ และอนุญาตให้เดินทางกลับไปได้ และให้สิทธิ์นายจักรภพต่อสู้คดีนั้นว่า ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการสอบสวนพยานแวดล้อมต่างๆ ซึ่งในรายละเอียดของความคืบหน้าและรายละเอียดเบื้องลึกของคดีตนยังไม่ได้รับสรุปผลการรายงานทั้งทางวาจา และเป็นลายลักษณ์อักษรจากหัวหน้าคณะพนักงานสอบคดีนี้ ซึ่งส่วนตัวคงไม่ไปก้าวล่วง แทกแซง หรือก้าวก่ายการทำงานของพนักงานสอบสอน และไม่ไปเร่งรัดหรือกำหนดวันเวลาว่าคดีต้องแล้วเสร็จภายวันไหน เพราะทุกอย่างต้องทำให้รอบคอบ รัดกุม และเจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานทุกอย่างตามกฎหมาย ตามหน้าที่เคร่งครัดอยู่แล้ว
“เราจะไปเร่งพนักงานสอบไม่ได้ ต้องให้อำนาจเค้าเต็มที่ในการทำคดี จะไปกำหนดให้เสร็จใน 30 วัน ไม่เคยพูด จะไปกะเวลาต้องเสร็จวันนั้น วันนี้ได้ไง มันต้องรอบคอบ” พล.ต.ท.สมยศ กล่าว
พล.ต.ท.สมยศ กล่าวต่อไปว่า ขั้นตอนหลังจากเมื่อได้รับสรุปสำนวนการสอบสวนแล้ว ตนจะต้องนำเสนอให้คณะกรรมการระดับ บช.ก.ลงความเห็น ต่อจากนั้นคณะกรรมการระดับ บช.ก. จะเสนอให้คณะกรรมการระดับ ตร. ซึ่งมี พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายกฎหมายและสอบสวนเป็นประธานพิจารณาอีกครั้งต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดต่อเพื่อขอสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.หลังจากที่สื่อมีการนำเสนอข่าวตลอดว่าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานพิจารณาและมีผู้อำนาจชี้ขาดเต็มในระดับ ตร.ว่าคดีนี้นายจักรภพ จะเป็นเช่นไรต่อไป นั้น พล.ต.อ.วงกต กลับปฏิเสธว่า ไม่เคยได้รับแจ้งจากใครด้วยวาจา และยังไม่เห็นหนังสือคำสั่งแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการระดับ ตร.พิจารณาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของนายจักรภพ เพ็ญแขแต่อย่างใด โดยกล่าวเพียงว่าตนยังไม่ทราบเรื่องใดๆ ขั้นตอนทุกอย่างอยู่ที่พนักงานสอบสวน อยู่ทางฝ่ายปราบปรามเค้าดูแลกันอยู่
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา พล.ต.ต.สมเดช ขาวขำ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดี นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เคยให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน ต้องรอเอกสารชี้แจงข้อกล่าวหาของนายจักรภพ รวมถึงเอกสารคำแปลถ้อยคำที่นายจักรภพปาฐกถาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนที่นายจักรภพเป็นผู้แปล โดยนายจักรภพนัดส่งมอบเอกสารทั้งหมดมาให้พนักงานสอบสวนต้นเดือน ก.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.เป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.26 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยอดีตที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เรืองอำนาจ เขาคือนายตำรวจที่มักจะคอยเสริมพลังผลักดันความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมฤทธิผล อีกทั้งยังเป็นสามีของนางสิริกร มณีรินทร์ อดีตเหรัญญิกพรรคไทยรักไทย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับตระกูลชินวัตรเป็นอันมาก
