ตร.เร่งติดตามจับคนร้ายก่อเหตุใช้มีดแทงเมียนายดาบแม่ค้าขายหมูโหด 11 แผล อย่างไม่ลดละ ส่งทีมสืบสวนลงหาหลักฐานเพิ่มเติมในพื้นที่ ตั้งธงสอบปมฆ่าชิงทรัพย์-แก๊งติดตามทวงหนี้คลี่คลายคดี ส่วนการเค้นสอบพยานเห็นเหตุการณ์ต้องรองานศพเสร็จสิ้นก่อน แต่ได้สอบพยานและหาหลักฐานประกอบเบื้องต้นไปบ้างแล้ว
จากกรณีมีคนร้ายบุกเข้าไปในบ้านเลขที่ 887 หมู่บ้านวิเศษสุขนคร แยกซอย 4 ซอยประชาอุทิศ 79 ถนนประชาอุทิศ แขวงและเขตทุ่งครุ แล้วใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกาย นางปิยฉัตร เกตุคำ อายุ 40 ปี แม่ค้าขายหมู และเป็นภรรยาของ ด.ต.อำพันธ์ เกตุคำ ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม ทำหน้าที่ธุรการงานสอบสวน สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ตามใบหน้าและลำคอ ถึง 11 แผล จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะเสียชีวิตลงเมื่อวานนี้ (7 ก.ค.) นั้น
วันนี้ (8 ก.ค.) พ.ต.ต.สามารถ เนียมสร้อย สว.สส.สน.ทุ่งครุ กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามจับกุมตัวคนร้าย ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งครุ และ เจ้าหน้าที่จาก กก.สืบสวน บก.น.8 ได้ร่วมกันลงพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้ง เผื่อจะมีพยานในที่เกิดเหตุพบเห็นจังหวะที่คนร้ายเข้าไปในบ้าน หรือกำลังหลบหนีออกมาจากบ้านผู้ตาย รวมทั้งได้ประสานไปยังทาง สภ.พระประแดง เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้ตายเพิ่มเติมด้วย ส่วนประเด็นการสังหารนั้น เบื้องต้นได้ตั้งไว้ 2 ประเด็น คือ เรื่องชิงทรัพย์ และเรื่องหนี้สิน ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายน่าจะรู้จักกับผู้ตายเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างทำงานเพื่อเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้
ด้าน พ.ต.อ.จีรศักดิ์ ขำคง รอง ผบก.น.8 กล่าวว่า หลังตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วก็ได้เร่งให้พนักงานสอบสวน นำมีดที่พบในห้องที่เกิดเหตุไปตรวจหาลายนิ้วมือแฝงของคนร้าย ส่วนในช่วงเช้าวันนี้ก็ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำงานในคดีนี้ ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก กก.สืบสวน บก.น.8 และ ฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งครุ เพื่อแบ่งงานกันทำแล้ว โดยตั้งประเด็นไว้ 2 ประเด็นหลัก คือ เรื่องแก๊งทวงหนี้ เข้าไปทวงเงินจากผู้ตาย และประเด็นเรื่องฆ่าชิงทรัพย์
พ.ต.อ.จีรศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเร่งลงไปในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นซอยที่เกิดเหตุ หรือในตลาดที่ผู้ตายขายหมูอยู่ เพื่อตามหาพยานแวดล้อมให้ได้มากที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อน่าจะมีพยานที่เห็นเหตุการณ์หรือทราบรายละเอียดอยู่บ้าง ส่วน ด.ต.อำพันธ์ เกตุคำ สามีของผู้ตายนั้นได้พูดคุยเบื้องต้นแล้ว แต่ขณะนี้ยังอยู่ในอาการโศกเศร้า ก็จะรอให้เสร็จสิ้นงานศพเสียก่อน จึงจะเรียกตัวมาสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้ จะเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดทำงานอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ แต่ก็ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอีกสักพักหนึ่ง
จากกรณีมีคนร้ายบุกเข้าไปในบ้านเลขที่ 887 หมู่บ้านวิเศษสุขนคร แยกซอย 4 ซอยประชาอุทิศ 79 ถนนประชาอุทิศ แขวงและเขตทุ่งครุ แล้วใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกาย นางปิยฉัตร เกตุคำ อายุ 40 ปี แม่ค้าขายหมู และเป็นภรรยาของ ด.ต.อำพันธ์ เกตุคำ ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม ทำหน้าที่ธุรการงานสอบสวน สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ตามใบหน้าและลำคอ ถึง 11 แผล จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะเสียชีวิตลงเมื่อวานนี้ (7 ก.ค.) นั้น
วันนี้ (8 ก.ค.) พ.ต.ต.สามารถ เนียมสร้อย สว.สส.สน.ทุ่งครุ กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามจับกุมตัวคนร้าย ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งครุ และ เจ้าหน้าที่จาก กก.สืบสวน บก.น.8 ได้ร่วมกันลงพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้ง เผื่อจะมีพยานในที่เกิดเหตุพบเห็นจังหวะที่คนร้ายเข้าไปในบ้าน หรือกำลังหลบหนีออกมาจากบ้านผู้ตาย รวมทั้งได้ประสานไปยังทาง สภ.พระประแดง เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้ตายเพิ่มเติมด้วย ส่วนประเด็นการสังหารนั้น เบื้องต้นได้ตั้งไว้ 2 ประเด็น คือ เรื่องชิงทรัพย์ และเรื่องหนี้สิน ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายน่าจะรู้จักกับผู้ตายเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างทำงานเพื่อเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้
ด้าน พ.ต.อ.จีรศักดิ์ ขำคง รอง ผบก.น.8 กล่าวว่า หลังตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วก็ได้เร่งให้พนักงานสอบสวน นำมีดที่พบในห้องที่เกิดเหตุไปตรวจหาลายนิ้วมือแฝงของคนร้าย ส่วนในช่วงเช้าวันนี้ก็ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำงานในคดีนี้ ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก กก.สืบสวน บก.น.8 และ ฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งครุ เพื่อแบ่งงานกันทำแล้ว โดยตั้งประเด็นไว้ 2 ประเด็นหลัก คือ เรื่องแก๊งทวงหนี้ เข้าไปทวงเงินจากผู้ตาย และประเด็นเรื่องฆ่าชิงทรัพย์
พ.ต.อ.จีรศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเร่งลงไปในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นซอยที่เกิดเหตุ หรือในตลาดที่ผู้ตายขายหมูอยู่ เพื่อตามหาพยานแวดล้อมให้ได้มากที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อน่าจะมีพยานที่เห็นเหตุการณ์หรือทราบรายละเอียดอยู่บ้าง ส่วน ด.ต.อำพันธ์ เกตุคำ สามีของผู้ตายนั้นได้พูดคุยเบื้องต้นแล้ว แต่ขณะนี้ยังอยู่ในอาการโศกเศร้า ก็จะรอให้เสร็จสิ้นงานศพเสียก่อน จึงจะเรียกตัวมาสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้ จะเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดทำงานอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ แต่ก็ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอีกสักพักหนึ่ง