ตร.ยันเจ้าของเก๋งโตโยต้า ยาริส บรอนซ์ เงินที่มีคราบเลือดเป็นของ “สุนิสา นิติประเสริฐ” ถูกคนร้ายใช้มีดจี้ลักพาตัวขณะจอดคุยมือถือกลางซอยลาดพร้าว 71 พร้อมบังคับให้ตระเวนกดเอทีเอ็ม ได้เงิน 1.4 แสนบาท ก่อนมัดปาก-มือ-เท้า ชกใบหน้า ใช้มีดเชือดคอ และฝ่ามือทั้ง 2 บาดเจ็บสาหัส ก่อนนำไปทิ้งไว้พื้นที่นครปฐม แต่โชคดีมีคนไปพบพาส่ง รพ.ขณะนี้พ้นขีดอันตรายกลับไปรักษาตัวที่บ้านแล้ว
วันนี้ (5 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. พ.ต.ต.ศักดิพัฒน์ พลิคามินทร์ สารวัตรเวร สน.พระราชวัง ได้รับแจ้งว่า มีรถต้องสงสัยจอดอยู่บริเวณด้านหน้าร้านอาหารเทสตี้ชอยส์ ตั้งอยู่เลขที่ 866 ถนนภาณุรังษี แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม ร.ต.ท.จำรัส เริ่มศรี รอง สวป.สน.พระราชวัง และกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ
ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนภายในซอยด้านข้างห้างสรรพสินค้าเมอร์รี่คิงส์ สาขาวังบูรพา พบรถเก๋งยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นยาริส สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน สส 847 กทม.จอดอยู่ในลักษณะย้อนศรบริเวณหน้าร้านอาหารดังกล่าว ในสภาพไม่ได้ล็อกประตูทั้ง 4 ด้าน เมื่อเปิดเข้าไปตรวจสอบพบว่ากุญแจยังคาอยู่ที่พวงมาลัย ประกอบกับที่เบาะด้านหลังและพื้นห้องโดยสารด้านหลังยังพบคราบเลือดสาดกระเซ็นและคราบเลือดตกอยู่เป็นหย่อมๆ จากการตรวจหาหลักฐานอื่นๆ พบว่ามีจดหมายเอกสารสำคัญระบุชื่อบุคคลจำนวนหลายคน หนังสือติววิชาคณิตศาสตร์ และชีววิทยา ของชั้น ม.4 และคู่มือตะลุยโจทย์เอนทรานซ์ วางอยู่ที่ในช่องเก็บของด้านหลังรถอย่างละ 1 เล่ม เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ด้าน พ.ต.ต.ศักดิพัฒน์ กล่าวว่า มีชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงให้ข้อมูลว่า รถคันนี้ถูกนำมาจอดทิ้งไว้ได้ 2-3 วันแล้ว จากการตรวจสอบพบว่ารถดังกล่าวเป็นของ น.ส.สุนิสา นิติประเสริฐ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/54 ซอยอารีย์สัมพันธ์ 4 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.ซึ่งถูกคนร้ายเป็นชาย 2 คน ใช้อาวุธมีดจี้ลักพาตัวไปขณะกำลังจอดรถคุยโทรศัพท์ เหตุเกิดกลางซอยลาดพร้าว 71 ตั้งแต่เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยคนร้ายได้รื้อค้นทรัพย์สินในรถพร้อมบังคับให้ผู้เสียหายบอกรหัสเอทีเอ็มก่อนพาตัวไปกดเงินตามตู้เอทีเอ็มสถานที่ต่างๆ ได้เงินไปกว่า 140,000 บาท
นอกจากนี้ คนร้ายยังได้ใช้เชือกมัดปาก มัดมือ มัดเท้า ทำร้ายร่างกายด้วยการชกต่อยตามใบหน้า ใช้มีดเชือดคอ และที่ฝ่ามือทั้ง 2 ข้างของผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนนำตัวไปทิ้งไว้ในพื้นที่ สภ.สามพราน จ.นครปฐม แต่โชคดีที่มีคนไปพบเข้าจึงพาร่างส่งไปรักษาตัวที่ รพ.สามพราน ก่อนย้ายมารักษาที่ รพ.พญาไท 2 จนขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้แล้ว
“เบื้องต้นตนได้ติดต่อขอดูภาพวงจรปิดจากห้างร้านในละแวกใกล้เคียงแล้ว แต่ไม่มีกล้องตัวใดสามารถบันทึกภาพคนร้ายขณะนำรถมาจอดเอาไว้ได้ ซึ่งตนจะนำรถส่งกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจหารอยนิ้วมือแฝงคนร้ายต่อไปในช่วงเย็นวันนี้ ก่อนทำการประสาน พ.ต.ท.เจริญศักดิ์ รัตนชง พนักงานสอบสวน สภ.สามพราน เจ้าของเรื่องมาพบเพื่อแจ้งให้ผู้เสียหายเดินทางมาทำเรื่องเอารถคืนต่อไป เพราะผู้เสียหายได้แจ้งความรถหายไว้ที่นั่น” พ.ต.ต.ศักดิพัฒน์ กล่าว
มีรายงานว่า สำหรับผู้เสียหายรายนี้ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง แต่มีบุตรจำนวน 2 คน ปัจจุบันคบหาอยู่กับสามีนักธุรกิจชาวฮ่องกง ซึ่งนานๆ จะเดินทางมาหาครั้งหนึ่ง โดยมักจะใช้เวลาว่างไปช่วยญาติหาประมูลงานรับเหมา โดยในเบื้องต้นเจ้าตัวก็ยังไม่แน่ใจว่าถูกคนร้ายทั้ง 2 คน ก่อเหตุเพราะความบังเอิญ หรือ จงใจสะกดรอยตามกันแน่ เพียงแต่จำรูปพรรณสัณฐานได้ว่า คนร้ายทั้ง 2 คน มีอายุประมาณ 30 ปี คนแรกใส่หมวก สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์ ส่วนคนที่ 2 สวมเสื้อยืดแขนยาวสีขาว นุ่งกางเกงยีนส์เท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนเพื่อหาตัวมาดำเนินคดีต่อไป


วันนี้ (5 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. พ.ต.ต.ศักดิพัฒน์ พลิคามินทร์ สารวัตรเวร สน.พระราชวัง ได้รับแจ้งว่า มีรถต้องสงสัยจอดอยู่บริเวณด้านหน้าร้านอาหารเทสตี้ชอยส์ ตั้งอยู่เลขที่ 866 ถนนภาณุรังษี แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม ร.ต.ท.จำรัส เริ่มศรี รอง สวป.สน.พระราชวัง และกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ
ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนภายในซอยด้านข้างห้างสรรพสินค้าเมอร์รี่คิงส์ สาขาวังบูรพา พบรถเก๋งยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นยาริส สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน สส 847 กทม.จอดอยู่ในลักษณะย้อนศรบริเวณหน้าร้านอาหารดังกล่าว ในสภาพไม่ได้ล็อกประตูทั้ง 4 ด้าน เมื่อเปิดเข้าไปตรวจสอบพบว่ากุญแจยังคาอยู่ที่พวงมาลัย ประกอบกับที่เบาะด้านหลังและพื้นห้องโดยสารด้านหลังยังพบคราบเลือดสาดกระเซ็นและคราบเลือดตกอยู่เป็นหย่อมๆ จากการตรวจหาหลักฐานอื่นๆ พบว่ามีจดหมายเอกสารสำคัญระบุชื่อบุคคลจำนวนหลายคน หนังสือติววิชาคณิตศาสตร์ และชีววิทยา ของชั้น ม.4 และคู่มือตะลุยโจทย์เอนทรานซ์ วางอยู่ที่ในช่องเก็บของด้านหลังรถอย่างละ 1 เล่ม เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ด้าน พ.ต.ต.ศักดิพัฒน์ กล่าวว่า มีชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงให้ข้อมูลว่า รถคันนี้ถูกนำมาจอดทิ้งไว้ได้ 2-3 วันแล้ว จากการตรวจสอบพบว่ารถดังกล่าวเป็นของ น.ส.สุนิสา นิติประเสริฐ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/54 ซอยอารีย์สัมพันธ์ 4 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.ซึ่งถูกคนร้ายเป็นชาย 2 คน ใช้อาวุธมีดจี้ลักพาตัวไปขณะกำลังจอดรถคุยโทรศัพท์ เหตุเกิดกลางซอยลาดพร้าว 71 ตั้งแต่เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยคนร้ายได้รื้อค้นทรัพย์สินในรถพร้อมบังคับให้ผู้เสียหายบอกรหัสเอทีเอ็มก่อนพาตัวไปกดเงินตามตู้เอทีเอ็มสถานที่ต่างๆ ได้เงินไปกว่า 140,000 บาท
นอกจากนี้ คนร้ายยังได้ใช้เชือกมัดปาก มัดมือ มัดเท้า ทำร้ายร่างกายด้วยการชกต่อยตามใบหน้า ใช้มีดเชือดคอ และที่ฝ่ามือทั้ง 2 ข้างของผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนนำตัวไปทิ้งไว้ในพื้นที่ สภ.สามพราน จ.นครปฐม แต่โชคดีที่มีคนไปพบเข้าจึงพาร่างส่งไปรักษาตัวที่ รพ.สามพราน ก่อนย้ายมารักษาที่ รพ.พญาไท 2 จนขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้แล้ว
“เบื้องต้นตนได้ติดต่อขอดูภาพวงจรปิดจากห้างร้านในละแวกใกล้เคียงแล้ว แต่ไม่มีกล้องตัวใดสามารถบันทึกภาพคนร้ายขณะนำรถมาจอดเอาไว้ได้ ซึ่งตนจะนำรถส่งกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจหารอยนิ้วมือแฝงคนร้ายต่อไปในช่วงเย็นวันนี้ ก่อนทำการประสาน พ.ต.ท.เจริญศักดิ์ รัตนชง พนักงานสอบสวน สภ.สามพราน เจ้าของเรื่องมาพบเพื่อแจ้งให้ผู้เสียหายเดินทางมาทำเรื่องเอารถคืนต่อไป เพราะผู้เสียหายได้แจ้งความรถหายไว้ที่นั่น” พ.ต.ต.ศักดิพัฒน์ กล่าว
มีรายงานว่า สำหรับผู้เสียหายรายนี้ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง แต่มีบุตรจำนวน 2 คน ปัจจุบันคบหาอยู่กับสามีนักธุรกิจชาวฮ่องกง ซึ่งนานๆ จะเดินทางมาหาครั้งหนึ่ง โดยมักจะใช้เวลาว่างไปช่วยญาติหาประมูลงานรับเหมา โดยในเบื้องต้นเจ้าตัวก็ยังไม่แน่ใจว่าถูกคนร้ายทั้ง 2 คน ก่อเหตุเพราะความบังเอิญ หรือ จงใจสะกดรอยตามกันแน่ เพียงแต่จำรูปพรรณสัณฐานได้ว่า คนร้ายทั้ง 2 คน มีอายุประมาณ 30 ปี คนแรกใส่หมวก สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์ ส่วนคนที่ 2 สวมเสื้อยืดแขนยาวสีขาว นุ่งกางเกงยีนส์เท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนเพื่อหาตัวมาดำเนินคดีต่อไป