คนร้ายลงมือทุบกระจกรถในลานจอดรถของไทยธนาคาร สาขาบางบอน ฉกเงินสดกว่า 2.1 ล้านบาท ของเจ้าของบริษัทพลาสติก หลบหนีไปลอยนวล ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบชายหน้าตี๋ต้องสงสัย 2 คนอาจสะกดรอยตามมาจากแบงก์กสิกรไทยที่เหยื่อไปเบิกเงินมาก่อนหน้านี้ ขณะที่แนวทางการสืบสวน ตำรวจเชื่อ คนในทั้งของธนาคาร และของบริษัทพลาสติกอาจมีส่วนรู้เห็น
วันนี้ (23 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ร.ต.ท.ภมร โพธิ์ขาว ร้อยเวร สน.บางขุนเทียน รับแจ้งเหตุคนร้ายทุบรถและชิงทรัพย์ ภายในธนาคารไทยธนาคาร สาขาบางบอน ตรงข้ามซอยเอกชัย 76 ถนนเอกชัย แขวงและเขตบางบอน กทม. จึงรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นรีบรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อม พ.ต.อ.สักกฉัฐ กิตติขจร รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.สุนทร อัมพรายน์ ผกก.สน.บางขุนเทียน พ.ต.ท.อภิชัย ดุษฎีพฤฒิพันธุ์ รอง ผกก.ปป. พ.ต.ท.สุภัทร์ ศุภกำเนิด สว.สส. และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน
ในที่เกิดเหตุเป็นลานจอดรถชั้นล่างของธนาคารดังกล่าว ตำรวจพบรถยนต์โตโยต้า ยาริส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน สฮ-8746 กทม. สภาพรถกระจกหน้าต่างด้านขวา ฝั่งที่นั่งคนขับถูกทุบแตกละเอียด ใกล้กับรถมีนางสุนียรัตน์ กล้วยไม้งาม อายุ 48 ปี เจ้าของบริษัท เกษมพลาสติก จำกัด อยู่บ้านเลขที่ 40/21 หมู่ 1 แขวงและเขตบางบอน กทม.
สอบปากคำนางสุรียรัตน์ให้การว่า ได้ขับรถคันดังกล่าวออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อไปทำธุระข้างนอก จากนั้นในช่วงสายได้แวะเข้าไปยังธนาคารกสิกรไทย สาขาบางบอน เพื่อเบิกเงินจำนวน 2,147,500 บาท ไปใช้ในธุระส่วนตัว โดยได้นำเงินจำนวนดังกล่าวใส่ซองสีน้ำตาลวางไว้ที่บริเวณที่เข้าเกียร์ จากนั้นได้เดินทางมายังธนาคารไทยธนาคาร เพื่อเปิดบัญชีให้พนักงานในบริษัท และเมื่อขับมาถึงได้ขับไปจอดยังลานจอดรถ โดยตนมาทำธุระที่ธนาคารแห่งนี้เป็นประจำ
นางสุรียรัตน์ให้การต่อว่า หลังจากจอดรถเสร็จเรียบร้อยแล้วได้เดินไปที่หน้าธนาคารเพื่อซื้อองุ่น จากนั้นนำมาเก็บไว้ในรถ และได้โทรศัพท์ไปสอบถามเพื่อนว่าจะฝากซื้อองุ่นด้วยหรือไม่ เมื่อเพื่อนตอบตกลงจึงเดินไปซื้อองุ่นที่หน้าธนาคารอีกรอบ และนำมาเก็บไว้ในรถเหมือนเดิม
“หลังเก็บองุ่นในรถเสร็จ ดิฉันเดินขึ้นไปบนธนาคารเพื่อเปิดบัญชี โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที เมื่อเรียบร้อยแล้วลงมาที่รถก็พบว่ารถถูกทุบกระจก จึงรีบตรวจสอบเงินจำนวนดังกล่าวก็พบว่าหายไปแล้ว จึงได้เดินไปสอบถาม รปภ.ที่นั่งอยู่ใกล้เคียง แต่ รปภ.บอกว่าไม่เห็นเพราะไปเข้าห้องน้ำพอดี จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ” นางสุรียรัตน์ ให้การ
ด้าน นายฉกรรจ์ แสงพระเวทย์ อายุ 48 ปี รปภ.บริษัท พีทีไอ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัททำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้แก่ธนาคารดังกล่าว กล่าวว่า มาเป็น รปภ.ที่ธนาคารแห่งนี้ได้ประมาณ 1 ปีแล้ว โดยจะเข้าเวรตั้งแต่เวลา 07.00-19.00 น. ก่อนเกิดเหตุเห็นผู้เสียหายเดินซื้อผลไม้ 2 รอบ ซึ่งขณะนั้นกำลังนั่งกินข้าวอยู่ และหลังจากที่ผู้เสียหายเดินขึ้นไปบนธนาคาร ตนก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ โดยใช้เวลาประมาณ 4-5 นาที แต่ไม่ได้ยินเสียงผิดปกติอะไร พอออกจากห้องน้ำ ได้มานั่งกินข้าวต่อ จากนั้นทางผู้เสียหายเดินลงมาที่รถ ก่อนที่จะมาถามว่าเฝ้ารถอย่างไร รถถึงโดนทุบ
มีรายงานแจ้งว่า ทางตำรวจฝ่ายสืบสวนของ สน.บางขุนเทียน ได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของธนาคารไทยธนาคารแล้ว พบว่ากล้องวงจรปิดสามารถจับภาพผู้ต้องสงสัยได้ 2 คน เป็นชายไทยอายุ 25-30 ปี สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงผ้าสีดำทั้ง 2 คน สะพายเป้สีเข้มทั้งคู่ ลักษณะใบหน้าคล้ายคนจีน ตัดผมรองทรง ซึ่งเมื่อเวลา 10.47 น. กล้องสามารถจับภาพผู้ต้องสงสัยนั่งอยู่ภายในธนาคารได้ด้วย
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า กล้องวงจรปิดยังสามารถจับภาพผู้เสียหายที่ยืนกดเงินอยู่ตู้เอทีเอ็มที่อยู่ด้านนอกธนาคารได้ด้วย โดยระหว่างนั้นที่ภายในธนาคาร ชายต้องสงสัยลักษณะดังกล่าวได้นั่งพูดคุยโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา และหลังจากนั้นชายคนดังกล่าวได้เดินออกมาจากธนาคาร สลับกับชายที่แต่งกายคล้ายกันอีกคนเดินเข้าไปในธนาคารแทน นอกจากนี้ ทางตำรวจได้ตรวจสอบไปยังกล้องวงจรปิดของธนาคารกสิกรไทย ที่นางสุรียรัตน์ ผู้เสียหายเดินทางไปทำธุรกรรมทางการเงินมาก่อนหน้านี้ก็พบว่ากล้องวงจรปิดของธนาคารกสิกรไทย สามารถจับภาพชายต้องสงสัยที่มีลักษณะใกล้เคียงกับชายต้องสงสัยที่พบในกล้องวงจรปิดของธนาคารไทยธนาคารได้ด้วย จึงคาดว่าคนร้ายหรือผู้ต้องสงสัยดังกล่าวน่าจะสะกดรอยตามผู้เสียหายมาตั้งแต่ต้น ในขณะที่การสอบปากคำ รปภ.ให้การว่าพบชายต้องสงสัยในภาพวงจรปิดยืนอยู่ที่หน้าธนาคารแต่ไม่ได้เฉลียวใจ เนื่องจากลักษณะการแต่งการค่อนข้างสุภาพเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม ตำรวจจะทำการตรวจสอบและสืบสวนว่าคนของธนาคารไทยธนาคาร และคนของธนาคารกสิกรไทย หรือแม้กระทั่งคนของบริษัท เกษมพลาสติก จำกัด ของผู้เสียหายจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่ต่อไป
วันนี้ (23 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ร.ต.ท.ภมร โพธิ์ขาว ร้อยเวร สน.บางขุนเทียน รับแจ้งเหตุคนร้ายทุบรถและชิงทรัพย์ ภายในธนาคารไทยธนาคาร สาขาบางบอน ตรงข้ามซอยเอกชัย 76 ถนนเอกชัย แขวงและเขตบางบอน กทม. จึงรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นรีบรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อม พ.ต.อ.สักกฉัฐ กิตติขจร รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.สุนทร อัมพรายน์ ผกก.สน.บางขุนเทียน พ.ต.ท.อภิชัย ดุษฎีพฤฒิพันธุ์ รอง ผกก.ปป. พ.ต.ท.สุภัทร์ ศุภกำเนิด สว.สส. และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน
ในที่เกิดเหตุเป็นลานจอดรถชั้นล่างของธนาคารดังกล่าว ตำรวจพบรถยนต์โตโยต้า ยาริส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน สฮ-8746 กทม. สภาพรถกระจกหน้าต่างด้านขวา ฝั่งที่นั่งคนขับถูกทุบแตกละเอียด ใกล้กับรถมีนางสุนียรัตน์ กล้วยไม้งาม อายุ 48 ปี เจ้าของบริษัท เกษมพลาสติก จำกัด อยู่บ้านเลขที่ 40/21 หมู่ 1 แขวงและเขตบางบอน กทม.
สอบปากคำนางสุรียรัตน์ให้การว่า ได้ขับรถคันดังกล่าวออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อไปทำธุระข้างนอก จากนั้นในช่วงสายได้แวะเข้าไปยังธนาคารกสิกรไทย สาขาบางบอน เพื่อเบิกเงินจำนวน 2,147,500 บาท ไปใช้ในธุระส่วนตัว โดยได้นำเงินจำนวนดังกล่าวใส่ซองสีน้ำตาลวางไว้ที่บริเวณที่เข้าเกียร์ จากนั้นได้เดินทางมายังธนาคารไทยธนาคาร เพื่อเปิดบัญชีให้พนักงานในบริษัท และเมื่อขับมาถึงได้ขับไปจอดยังลานจอดรถ โดยตนมาทำธุระที่ธนาคารแห่งนี้เป็นประจำ
นางสุรียรัตน์ให้การต่อว่า หลังจากจอดรถเสร็จเรียบร้อยแล้วได้เดินไปที่หน้าธนาคารเพื่อซื้อองุ่น จากนั้นนำมาเก็บไว้ในรถ และได้โทรศัพท์ไปสอบถามเพื่อนว่าจะฝากซื้อองุ่นด้วยหรือไม่ เมื่อเพื่อนตอบตกลงจึงเดินไปซื้อองุ่นที่หน้าธนาคารอีกรอบ และนำมาเก็บไว้ในรถเหมือนเดิม
“หลังเก็บองุ่นในรถเสร็จ ดิฉันเดินขึ้นไปบนธนาคารเพื่อเปิดบัญชี โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที เมื่อเรียบร้อยแล้วลงมาที่รถก็พบว่ารถถูกทุบกระจก จึงรีบตรวจสอบเงินจำนวนดังกล่าวก็พบว่าหายไปแล้ว จึงได้เดินไปสอบถาม รปภ.ที่นั่งอยู่ใกล้เคียง แต่ รปภ.บอกว่าไม่เห็นเพราะไปเข้าห้องน้ำพอดี จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ” นางสุรียรัตน์ ให้การ
ด้าน นายฉกรรจ์ แสงพระเวทย์ อายุ 48 ปี รปภ.บริษัท พีทีไอ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัททำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้แก่ธนาคารดังกล่าว กล่าวว่า มาเป็น รปภ.ที่ธนาคารแห่งนี้ได้ประมาณ 1 ปีแล้ว โดยจะเข้าเวรตั้งแต่เวลา 07.00-19.00 น. ก่อนเกิดเหตุเห็นผู้เสียหายเดินซื้อผลไม้ 2 รอบ ซึ่งขณะนั้นกำลังนั่งกินข้าวอยู่ และหลังจากที่ผู้เสียหายเดินขึ้นไปบนธนาคาร ตนก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ โดยใช้เวลาประมาณ 4-5 นาที แต่ไม่ได้ยินเสียงผิดปกติอะไร พอออกจากห้องน้ำ ได้มานั่งกินข้าวต่อ จากนั้นทางผู้เสียหายเดินลงมาที่รถ ก่อนที่จะมาถามว่าเฝ้ารถอย่างไร รถถึงโดนทุบ
มีรายงานแจ้งว่า ทางตำรวจฝ่ายสืบสวนของ สน.บางขุนเทียน ได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของธนาคารไทยธนาคารแล้ว พบว่ากล้องวงจรปิดสามารถจับภาพผู้ต้องสงสัยได้ 2 คน เป็นชายไทยอายุ 25-30 ปี สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงผ้าสีดำทั้ง 2 คน สะพายเป้สีเข้มทั้งคู่ ลักษณะใบหน้าคล้ายคนจีน ตัดผมรองทรง ซึ่งเมื่อเวลา 10.47 น. กล้องสามารถจับภาพผู้ต้องสงสัยนั่งอยู่ภายในธนาคารได้ด้วย
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า กล้องวงจรปิดยังสามารถจับภาพผู้เสียหายที่ยืนกดเงินอยู่ตู้เอทีเอ็มที่อยู่ด้านนอกธนาคารได้ด้วย โดยระหว่างนั้นที่ภายในธนาคาร ชายต้องสงสัยลักษณะดังกล่าวได้นั่งพูดคุยโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา และหลังจากนั้นชายคนดังกล่าวได้เดินออกมาจากธนาคาร สลับกับชายที่แต่งกายคล้ายกันอีกคนเดินเข้าไปในธนาคารแทน นอกจากนี้ ทางตำรวจได้ตรวจสอบไปยังกล้องวงจรปิดของธนาคารกสิกรไทย ที่นางสุรียรัตน์ ผู้เสียหายเดินทางไปทำธุรกรรมทางการเงินมาก่อนหน้านี้ก็พบว่ากล้องวงจรปิดของธนาคารกสิกรไทย สามารถจับภาพชายต้องสงสัยที่มีลักษณะใกล้เคียงกับชายต้องสงสัยที่พบในกล้องวงจรปิดของธนาคารไทยธนาคารได้ด้วย จึงคาดว่าคนร้ายหรือผู้ต้องสงสัยดังกล่าวน่าจะสะกดรอยตามผู้เสียหายมาตั้งแต่ต้น ในขณะที่การสอบปากคำ รปภ.ให้การว่าพบชายต้องสงสัยในภาพวงจรปิดยืนอยู่ที่หน้าธนาคารแต่ไม่ได้เฉลียวใจ เนื่องจากลักษณะการแต่งการค่อนข้างสุภาพเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม ตำรวจจะทำการตรวจสอบและสืบสวนว่าคนของธนาคารไทยธนาคาร และคนของธนาคารกสิกรไทย หรือแม้กระทั่งคนของบริษัท เกษมพลาสติก จำกัด ของผู้เสียหายจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่ต่อไป