ตำรวจประสานกำลังกันเร่งแกะรอยคนร้ายทุบรถเศรษฐินี เจ้าของโรงงานพลาสติก ที่ฉกเงินสดไปกว่า 2.1 ล้านบาท พบกล้องวงจรปิดจับภาพชายต้องสงสัยเดินขึ้นรถต้องสงสัยที่อาจเป็นคนร้ายร่วมปฏิบัติการไม่น้อยกว่า 3 คน
วันนี้ (24 ม.ค.) พ.ต.อ.สักกฉัฐ กิตติขจร รองผบก.น.9 กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามคนร้ายทุกกระจกรถนางสุรียรัตน์ กล้วยไม้งาม อายุ 48 ปี เจ้าของบริษัท เกษมพลาสติก จำกัด ที่จอดอยู่ในลานจอดรถธนาคารไทยธนาคาร สาขาบางบอน ได้เงินไปทั้งหมด 2,147,500 บาท ว่า ขณะนี้ ทาง พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร ผบก.น.9 ได้สั่งการให้ทางตำรวจฝ่ายสืบสวน บก.น.9 และฝ่ายสืบของ สน.บางขุนเทียน ร่วมกับศูนย์สืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศส.บช.น.) กระจายกำลังกันออกหาข่าว และติดตามจับกุมคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ให้ได้
พ.ต.อ.สักกฉัฐ กล่าวว่า ขณะนี้ทางตำรวจได้นำภาพวงจรปิดที่ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นสถานที่ที่นางสุรียรัตน์ไปเบิกเงิน และที่ธนาคารไทยธนาคาร สาขาบางบอน มาตรวจสอบแล้ว พบชายต้องสงสัย 2 คน นอกจากนี้ กล้องวงจรปิดยังสามารถจับภาพรถเก๋งต้องสงสัยสีบรอนซ์เงิน ไม่ทราบรุ่นยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน ที่ไปจอดบริเวณลานจอดรถของธนาคารกสิกรไทย สาขาบางบอนไว้ได้ ทั้งนี้ ตำรวจได้ประสานให้ผู้เชี่ยวชาญเรื่องภาพมาตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อจะนำภาพชายต้องสงสัย 2 คนไปตรวจสอบประวัติ โดยชายทั้ง 2 คนอาจจะใช่คนร้ายหรือไม่ใช่คนร้ายก็เป็นได้
“คนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้น่าจะมี 2-3 คน เนื่องจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงจุดสุดท้ายซึ่งมีความสัมพันธ์กัน แต่ข้อมูลยังไม่ชัดว่าจะเป็นคนร้ายหรือไม่ เบื้องต้น ตำรวจได้สอบปากคำ ผู้เสียหาย ผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง รปภ.ของธนาคารไทยธนาคารไปแล้ว โดยในส่วนของร ปภ. จากการสอบสวนยังไม่สามารถโยงได้ว่าเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่” พ.ต.อ.สักกฉัฐ กล่าว
รอง ผบก.น.9 กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ทางตำรวจยังได้ตรวจสอบประวัติคนร้ายที่เคยก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวด้วย โดยในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าคนร้ายที่ก่อเหตุอาจจะเป็นคนใกล้ชิดของผู้เสียหาย หรือคนร้ายที่อาจฉวยโอกาสในขณะนั้นลงมือปฏิบัติการ ซึ่งขณะนี้ตำรวจจะต้องตรวจสอบประวัติของพนักงานบริษัท เกษมพลาสติก จำกัด รวมทั้งพนักงานของธนาคารที่เคยถูกไล่ออกและลาออกไปก่อนหน้านี้ด้วย
“ขอฝากถึงประชาชนที่เบิกเงินจำนวนมากๆ ขออย่าให้ประมาทและคิดว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ซึ่งได้เห็นตัวอย่างแล้ว หากมาเบิกเงินมากๆ ให้หาใครมาเป็นเพื่อน หรือแจ้งตำรวจไปดูแลความปลอดภัยให้ ส่วนภาพที่กล้องวงจรปิดซึ่งจับภาพชายต้องสงสัยได้นั้นขณะนี้ยังไม่สามารถนำมาเผยแพร่ได้ เนื่องจากยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นคนร้ายหรือไม่” พ.ต.อ.สักกฉัฐกล่าวเตือน
มีรายงานว่า รถยนต์ต้องสงสัยที่ทางตำรวจพบในกล้องวงจรปิดนั้น สันนิษฐานว่าอาจเป็นของคนร้ายที่ก่อเหตุ โดยอาจเป็นรถเก๋งโตโยต้า หรือนิสสัน ซึ่งกล้องวงจรปิดของบริษัทที่ตั้งอยู่ใกล้ธนาคาร สามารถจับภาพไว้ได้ เป็นภาพชายต้องสงสัย 2 คน เปิดประตูขึ้นรถคันดังกล่าว แต่ทั้ง 2 คนไม่มีคนใดคนหนึ่งขึ้นทางฝั่งคนขับ จึงน่าจะมีผู้ต้องสงสัยอีกคนเป็นคนขับ
ทุบรถเศรษฐินีในธนาคาร ฉก 2.1 ล้าน ตร.เชื่อเกลือเป็นหนอน
วันนี้ (24 ม.ค.) พ.ต.อ.สักกฉัฐ กิตติขจร รองผบก.น.9 กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามคนร้ายทุกกระจกรถนางสุรียรัตน์ กล้วยไม้งาม อายุ 48 ปี เจ้าของบริษัท เกษมพลาสติก จำกัด ที่จอดอยู่ในลานจอดรถธนาคารไทยธนาคาร สาขาบางบอน ได้เงินไปทั้งหมด 2,147,500 บาท ว่า ขณะนี้ ทาง พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร ผบก.น.9 ได้สั่งการให้ทางตำรวจฝ่ายสืบสวน บก.น.9 และฝ่ายสืบของ สน.บางขุนเทียน ร่วมกับศูนย์สืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศส.บช.น.) กระจายกำลังกันออกหาข่าว และติดตามจับกุมคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ให้ได้
พ.ต.อ.สักกฉัฐ กล่าวว่า ขณะนี้ทางตำรวจได้นำภาพวงจรปิดที่ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นสถานที่ที่นางสุรียรัตน์ไปเบิกเงิน และที่ธนาคารไทยธนาคาร สาขาบางบอน มาตรวจสอบแล้ว พบชายต้องสงสัย 2 คน นอกจากนี้ กล้องวงจรปิดยังสามารถจับภาพรถเก๋งต้องสงสัยสีบรอนซ์เงิน ไม่ทราบรุ่นยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน ที่ไปจอดบริเวณลานจอดรถของธนาคารกสิกรไทย สาขาบางบอนไว้ได้ ทั้งนี้ ตำรวจได้ประสานให้ผู้เชี่ยวชาญเรื่องภาพมาตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อจะนำภาพชายต้องสงสัย 2 คนไปตรวจสอบประวัติ โดยชายทั้ง 2 คนอาจจะใช่คนร้ายหรือไม่ใช่คนร้ายก็เป็นได้
“คนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้น่าจะมี 2-3 คน เนื่องจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงจุดสุดท้ายซึ่งมีความสัมพันธ์กัน แต่ข้อมูลยังไม่ชัดว่าจะเป็นคนร้ายหรือไม่ เบื้องต้น ตำรวจได้สอบปากคำ ผู้เสียหาย ผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง รปภ.ของธนาคารไทยธนาคารไปแล้ว โดยในส่วนของร ปภ. จากการสอบสวนยังไม่สามารถโยงได้ว่าเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่” พ.ต.อ.สักกฉัฐ กล่าว
รอง ผบก.น.9 กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ทางตำรวจยังได้ตรวจสอบประวัติคนร้ายที่เคยก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวด้วย โดยในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าคนร้ายที่ก่อเหตุอาจจะเป็นคนใกล้ชิดของผู้เสียหาย หรือคนร้ายที่อาจฉวยโอกาสในขณะนั้นลงมือปฏิบัติการ ซึ่งขณะนี้ตำรวจจะต้องตรวจสอบประวัติของพนักงานบริษัท เกษมพลาสติก จำกัด รวมทั้งพนักงานของธนาคารที่เคยถูกไล่ออกและลาออกไปก่อนหน้านี้ด้วย
“ขอฝากถึงประชาชนที่เบิกเงินจำนวนมากๆ ขออย่าให้ประมาทและคิดว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ซึ่งได้เห็นตัวอย่างแล้ว หากมาเบิกเงินมากๆ ให้หาใครมาเป็นเพื่อน หรือแจ้งตำรวจไปดูแลความปลอดภัยให้ ส่วนภาพที่กล้องวงจรปิดซึ่งจับภาพชายต้องสงสัยได้นั้นขณะนี้ยังไม่สามารถนำมาเผยแพร่ได้ เนื่องจากยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นคนร้ายหรือไม่” พ.ต.อ.สักกฉัฐกล่าวเตือน
มีรายงานว่า รถยนต์ต้องสงสัยที่ทางตำรวจพบในกล้องวงจรปิดนั้น สันนิษฐานว่าอาจเป็นของคนร้ายที่ก่อเหตุ โดยอาจเป็นรถเก๋งโตโยต้า หรือนิสสัน ซึ่งกล้องวงจรปิดของบริษัทที่ตั้งอยู่ใกล้ธนาคาร สามารถจับภาพไว้ได้ เป็นภาพชายต้องสงสัย 2 คน เปิดประตูขึ้นรถคันดังกล่าว แต่ทั้ง 2 คนไม่มีคนใดคนหนึ่งขึ้นทางฝั่งคนขับ จึงน่าจะมีผู้ต้องสงสัยอีกคนเป็นคนขับ
ทุบรถเศรษฐินีในธนาคาร ฉก 2.1 ล้าน ตร.เชื่อเกลือเป็นหนอน