ศาลอาญายกฟ้องมือปืนยิงเหยี่ยวข่าวมติชน จ.พังงา เสนอข่าวผู้มีอิทธิพลรุกป่าชายเลน-ทุจริตเงินชดเชย “เหยื่อสึนามิ” ศาลระบุหลักฐานไม่เพียงพอ แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ ก่อนที่ญาติกำเงินสด 3 แสน ขอประกันตัวออกไป
วันนี้ (4 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 610 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวิมล กุฎี อายุ 44 ปี อาชีพประกอบธุรกิจท่องเที่ยว สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และกระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน
โจทก์ฟ้องระบุความผิดจำเลย สรุปว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2548 เวลา 08.00 น.เศษ จำเลยกับพวกอีก 2 คนที่ยังหลบหนีได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.และขนาด 11 มม.ดักยิง นายมาณพ รัตนจรุงพร ผู้สื่อข่าว นสพ.มติชนประจำ จ.พังงา กระสุนถูกต้นขาซ้าย และใบหน้าถลอกเป็นแผลโดยมีเจตนาฆ่า ขณะขับรถกระบะออกจากสวนยางพาราเพื่อกลับบ้าน บนถนนสายบ้านห้วยคัน ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ต่อมาวันที่ 12 ต.ค.2549 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบติดตามจับกุมตัวจำเลยได้ พร้อมอาวุธปืนขนาด 11 กม.
จำเลยให้การปฏิเสธโดยตลอด อ้างว่าขณะเกิดเหตุอยู่กับภรรยาในบ้านพัก ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิด แต่ยอมรับผิดข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ เนื่องจากมีเงินติดตัวจำนวน 60,000 บาท จึงต้องใช้ป้องกันคนร้ายมาชิงเงิน
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า แม้ขณะเกิดเหตุจะเป็นช่วงเช้า แต่ผู้เสียหายคงมีโอกาสมองเห็นใบหน้า ลักษณะ รูปร่างคนร้ายเพียงระยะสั้นๆ ทั้งยังตกใจต่อเหตุการณ์ ย่อมคิดหาทางกำบังให้พ้นภัยเป็นสำคัญมากกว่ามาจดจำลักษณะคนร้าย และการที่ผู้เสียหายเสนอข่าวเกี่ยวกับการบุกรุกป่าชายเลน หรือการทุจริตการจ่ายค่าชดเชยให้ผู้เสียหายจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์ “สึนามิ” จะมีผลกระทบต่อผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ซึ่งมีความสัมพันธ์กับจำเลยหรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่เพียงพอที่จะลงโทษจำเลย จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้
พิพากษายกฟ้องฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ และปรับ 100 บาท ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน ต่อมาญาติของนายวิมลได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 300,000 บาท มาขอประกันตัวไปในชั้นอุทธรณ์