เจ้าของค่ายมวย ช.สังข์ประไพ พา “ศรศึกน้อย ช.สังข์ประไพ” นักมวยในสังกัดและน้องชาย ร้อง ตร.กองปราบ ถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลใน จ.สุราษฎร์ธานี จับตัวไปเรียกค่าไถ่เรียก 3 แสน แถมบังคับให้ศรศึกน้อยล้มมวย ระบุ ไม่ทำตามจะไม่ได้รับความปลอดภัย ตร.เผย รู้ตัวคนร้ายที่ลงมือเป็นคนของกลุ่ม “นายหัวกี” คนดังในจังหวัดสุราษฎร์ฯ
วันนี้ (9 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่ กองปราบปราม นายณรงค์ อุ่นแพทย์ หรือ “กลม บางกรวย” นายนุกูล เสืองามเอี่ยม หรือ เป็กโก้ เตาปูน อายุ 47 ปี คนสนิท นายณรงค์ และนายวิเชียร สังข์ประไพ อายุ 60 ปี เจ้าของค่ายมวยชื่อดัง ช.สังข์ประไพ และพี่ชายแท้ๆ ของ พ.ต.อ.วิชัย สังข์ประไพ หรือเจ้าของฉายามือปราบหูดำ รอง ผบก.ภ.จ.บุรีรัมย์ พา นายปรัชญา รอดศิริ อายุ 19 ปี หรือ “ศรศึกน้อย ช.สังข์ประไพ” นักมวยไทยชื่อดัง และ นายวัชระ รอดศิริ อายุ 18 ปี น้องชายนายปรัชญา อยู่บ้านเลขที่ 17/5 ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เข้าพบ พ.ต.ท.สมพงศ์ มั่นหมาย พนักงานสอบสวน ฝป.8 บก.ป.เพื่อแจ้งความร้องทุกข์หลังถูกกลุ่มคนร้ายก่อเหตุอุ้ม นายวัชระ แล้วบังคับให้ “ศรศึกน้อย” พี่ชาย ล้มมวย หากไม่เชื่อฟังจะไม่รับรองความปลอดภัย
นายวัชระ กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลา 20.00 น.ขณะนั่งอยู่ในบ้านมีชายลึกลับโทรศัพท์มาบอกว่ารู้จักกับพี่ชาย มีเรื่องจะคุยให้ไปเจอที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.สี่แยกตาปาน ใน อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จากนั้นพบชายฉกรรจ์ 2 รายมาพูดคุยเรื่องวงการหมัดมวย แล้วชวนขึ้นรถกระบะไปกินข้าว โดยชายคนดังกล่าว บอกว่า ได้ว่าจ้างให้พี่ชายล้มมวยแล้วจำนวน 4 แสนบาท โดยจ่ายให้ตนก่อน 1.3 แสนบาท และจ่ายหลังชกเสร็จอีก 2.7 แสนบาท จากนั้นชายทั้งสองพาตนไปยังบ้านหลังหนึ่งใน จ.พังงา ภายในบ้านมีชายฉกรรจ์อีก 10 คน เข้ามาข่มขู่โดยบางคนมีอาวุธปืนด้วย แล้วให้ตนโทร.ติดต่อพี่ชายให้ล้มมวย โดยขู่ว่าหากพี่ชายไม่ทำตามจะไม่รับรองความปลอดภัย
นายวัชระ กล่าวอีกว่า ระหว่างนั้นเขายื่นเงินสดให้ผม 1 แสนบาท แต่ผมไม่รับ เพราะยังไม่รู้รายละเอียดจากปากพี่ชาย จากนั้นก่อนพี่ชายขึ้นชกไม่กี่ชั่วโมง เขาเอาอาวุธปืนมาจี้ที่ศีรษะให้ติดต่อพี่ชายอีกเพื่อข่มขู่ให้ล้มมวย แต่ทั้งนี้ หลังจากพี่ชายชกเสร็จและพี่เป็นฝ่ายชนะ เขาบอกอีกว่าแบบนี้ต้องแลกด้วยชีวิต หลังจากนั้น กลุ่มคนดังกล่าวได้นำตนไปที่ม่านรูดแห่งหนึ่ง ตนอาศัยทีเผลอแอบโทรศัพท์หาพ่อ ให้ช่วยนำเงินมาเรียกค่าไถ่ จำนวน 3 แสนบาท โดยพ่อต้องไปยืมเงินเพื่อน และนำที่ดินไปจำนำก่อนโอนไปให้คนร้าย ตนจึงถูกปล่อยตัวออกมา อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครกล้าแจ้งความ เพราะกลุ่มคนร้ายเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
ด้าน นายปรัชญา กล่าวว่า ตนชกมวยมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ขึ้นสังเวียนมาประมาณ 70 ครั้ง ชนะ 50 ครั้ง โดยมาชกที่ กรุงเทพฯ ในสังกัดของ กลม บางกรวย ได้ค่าตัวครั้งละ 1.5-2 หมื่นบาท โดยต่อยมาแล้วหลายสนาม ทั้ง ราชดำเนิน อ้อมน้อย และ เวทีมวยกรุงเทพฯ ทั้งนี้ วันเกิดเหตุตนมีโปรแกรมชกศึกวันทรงชัย ในวันเสาร์ที่ 3 พ.ค.เวลาบ่าย 3 โมงเย็น โดยชกกับ ทับหลวง ต.สุรัตน์ ในพิกัดรุ่น 107 ปอนด์ เป็นคู่ที่ 2 เซียนหลายสำนักต่างให้ตนเป็นต่อเพราะชื่อชั้นดีกว่า
“หลังน้องชายถูกจับตัว ตนไม่มีสมาธิในการชกเลย เป็นห่วงว่าน้องอาจถูกทำร้าย หรือถูกฆ่าได้ ไม่กล้าไปบอกใคร คิดในใจว่าต้องยอมทำตามคำขู่ ซึ่งในยก 1-3 ตนทำทีปล่อยให้คู่ต่อสู้ทำข้างเดียว จนราคาเป็นรองถึง 10 ต่อ 1 แต่เมื่อพี่เลี้ยงเห็นชกผิดฟอร์ม จึงสอบถามตนจึงบอกไปตามตรงว่าน้องถูกจับแล้วคนร้ายให้ล้มมวย ซึ่งคุณ กลม บางกรวย และคุณเป็กโก้ ได้ยินถึงกลับไม่พอใจ สั่งว่าให้ชกเต็มที่ จะดูแลน้องชายเอง เมื่อหัวหน้าสั่งตนจึงเร่งทำคะแนนจนสามารถเอาชนะ ทับหลวงได้ในที่สุด” นายปรัชญา กล่าว
ด้าน นายณรงค์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ทราบมาบ้างแล้วว่า ศรศึกน้อย จะล้มมวย อีกทั้งราคา ไหลไปอยู่ทับหลวงฝ่ายเดียว จึงเห็นผิดสังเกตจึงไปถามตรงก็ทราบว่าน้องชายเขาถูกอุ้ม จึงสั่งให้ชกเต็มที่ และเอาชนะคู่ต่อสู้ในที่สุด
“หลังเกิดเหตุ ศรศึกน้อย กลายเป็นเด็กขวัญอ่อน ระแวง ร้องไห้ตลอดเวลา กลัวว่าจะถูกทำร้าย และเขาเป็นห่วงพ่อแม่ด้วย เพระคนทำเป็นผู้มีอิทธิพลมากใน จ.สุราษฎร์ธานี นอกจากนี้ ตนถูกเซียนมวยต่อว่าข้อหาสั่งให้นักมวยในค่ายล้มมวย ซึ่งความจริงแล้วตนไม่เคยกระทำดังกล่าวเลย จึงอยากให้ตำรวจกองปราบให้ความป็นธรรมกับลูกน้องด้วย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคนร้ายนั้นขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบแล้วว่าเป็น กลุ่มของ “นายหัวกี” คนดังในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งจะดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป
วันนี้ (9 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่ กองปราบปราม นายณรงค์ อุ่นแพทย์ หรือ “กลม บางกรวย” นายนุกูล เสืองามเอี่ยม หรือ เป็กโก้ เตาปูน อายุ 47 ปี คนสนิท นายณรงค์ และนายวิเชียร สังข์ประไพ อายุ 60 ปี เจ้าของค่ายมวยชื่อดัง ช.สังข์ประไพ และพี่ชายแท้ๆ ของ พ.ต.อ.วิชัย สังข์ประไพ หรือเจ้าของฉายามือปราบหูดำ รอง ผบก.ภ.จ.บุรีรัมย์ พา นายปรัชญา รอดศิริ อายุ 19 ปี หรือ “ศรศึกน้อย ช.สังข์ประไพ” นักมวยไทยชื่อดัง และ นายวัชระ รอดศิริ อายุ 18 ปี น้องชายนายปรัชญา อยู่บ้านเลขที่ 17/5 ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เข้าพบ พ.ต.ท.สมพงศ์ มั่นหมาย พนักงานสอบสวน ฝป.8 บก.ป.เพื่อแจ้งความร้องทุกข์หลังถูกกลุ่มคนร้ายก่อเหตุอุ้ม นายวัชระ แล้วบังคับให้ “ศรศึกน้อย” พี่ชาย ล้มมวย หากไม่เชื่อฟังจะไม่รับรองความปลอดภัย
นายวัชระ กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลา 20.00 น.ขณะนั่งอยู่ในบ้านมีชายลึกลับโทรศัพท์มาบอกว่ารู้จักกับพี่ชาย มีเรื่องจะคุยให้ไปเจอที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.สี่แยกตาปาน ใน อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จากนั้นพบชายฉกรรจ์ 2 รายมาพูดคุยเรื่องวงการหมัดมวย แล้วชวนขึ้นรถกระบะไปกินข้าว โดยชายคนดังกล่าว บอกว่า ได้ว่าจ้างให้พี่ชายล้มมวยแล้วจำนวน 4 แสนบาท โดยจ่ายให้ตนก่อน 1.3 แสนบาท และจ่ายหลังชกเสร็จอีก 2.7 แสนบาท จากนั้นชายทั้งสองพาตนไปยังบ้านหลังหนึ่งใน จ.พังงา ภายในบ้านมีชายฉกรรจ์อีก 10 คน เข้ามาข่มขู่โดยบางคนมีอาวุธปืนด้วย แล้วให้ตนโทร.ติดต่อพี่ชายให้ล้มมวย โดยขู่ว่าหากพี่ชายไม่ทำตามจะไม่รับรองความปลอดภัย
นายวัชระ กล่าวอีกว่า ระหว่างนั้นเขายื่นเงินสดให้ผม 1 แสนบาท แต่ผมไม่รับ เพราะยังไม่รู้รายละเอียดจากปากพี่ชาย จากนั้นก่อนพี่ชายขึ้นชกไม่กี่ชั่วโมง เขาเอาอาวุธปืนมาจี้ที่ศีรษะให้ติดต่อพี่ชายอีกเพื่อข่มขู่ให้ล้มมวย แต่ทั้งนี้ หลังจากพี่ชายชกเสร็จและพี่เป็นฝ่ายชนะ เขาบอกอีกว่าแบบนี้ต้องแลกด้วยชีวิต หลังจากนั้น กลุ่มคนดังกล่าวได้นำตนไปที่ม่านรูดแห่งหนึ่ง ตนอาศัยทีเผลอแอบโทรศัพท์หาพ่อ ให้ช่วยนำเงินมาเรียกค่าไถ่ จำนวน 3 แสนบาท โดยพ่อต้องไปยืมเงินเพื่อน และนำที่ดินไปจำนำก่อนโอนไปให้คนร้าย ตนจึงถูกปล่อยตัวออกมา อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครกล้าแจ้งความ เพราะกลุ่มคนร้ายเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
ด้าน นายปรัชญา กล่าวว่า ตนชกมวยมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ขึ้นสังเวียนมาประมาณ 70 ครั้ง ชนะ 50 ครั้ง โดยมาชกที่ กรุงเทพฯ ในสังกัดของ กลม บางกรวย ได้ค่าตัวครั้งละ 1.5-2 หมื่นบาท โดยต่อยมาแล้วหลายสนาม ทั้ง ราชดำเนิน อ้อมน้อย และ เวทีมวยกรุงเทพฯ ทั้งนี้ วันเกิดเหตุตนมีโปรแกรมชกศึกวันทรงชัย ในวันเสาร์ที่ 3 พ.ค.เวลาบ่าย 3 โมงเย็น โดยชกกับ ทับหลวง ต.สุรัตน์ ในพิกัดรุ่น 107 ปอนด์ เป็นคู่ที่ 2 เซียนหลายสำนักต่างให้ตนเป็นต่อเพราะชื่อชั้นดีกว่า
“หลังน้องชายถูกจับตัว ตนไม่มีสมาธิในการชกเลย เป็นห่วงว่าน้องอาจถูกทำร้าย หรือถูกฆ่าได้ ไม่กล้าไปบอกใคร คิดในใจว่าต้องยอมทำตามคำขู่ ซึ่งในยก 1-3 ตนทำทีปล่อยให้คู่ต่อสู้ทำข้างเดียว จนราคาเป็นรองถึง 10 ต่อ 1 แต่เมื่อพี่เลี้ยงเห็นชกผิดฟอร์ม จึงสอบถามตนจึงบอกไปตามตรงว่าน้องถูกจับแล้วคนร้ายให้ล้มมวย ซึ่งคุณ กลม บางกรวย และคุณเป็กโก้ ได้ยินถึงกลับไม่พอใจ สั่งว่าให้ชกเต็มที่ จะดูแลน้องชายเอง เมื่อหัวหน้าสั่งตนจึงเร่งทำคะแนนจนสามารถเอาชนะ ทับหลวงได้ในที่สุด” นายปรัชญา กล่าว
ด้าน นายณรงค์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ทราบมาบ้างแล้วว่า ศรศึกน้อย จะล้มมวย อีกทั้งราคา ไหลไปอยู่ทับหลวงฝ่ายเดียว จึงเห็นผิดสังเกตจึงไปถามตรงก็ทราบว่าน้องชายเขาถูกอุ้ม จึงสั่งให้ชกเต็มที่ และเอาชนะคู่ต่อสู้ในที่สุด
“หลังเกิดเหตุ ศรศึกน้อย กลายเป็นเด็กขวัญอ่อน ระแวง ร้องไห้ตลอดเวลา กลัวว่าจะถูกทำร้าย และเขาเป็นห่วงพ่อแม่ด้วย เพระคนทำเป็นผู้มีอิทธิพลมากใน จ.สุราษฎร์ธานี นอกจากนี้ ตนถูกเซียนมวยต่อว่าข้อหาสั่งให้นักมวยในค่ายล้มมวย ซึ่งความจริงแล้วตนไม่เคยกระทำดังกล่าวเลย จึงอยากให้ตำรวจกองปราบให้ความป็นธรรมกับลูกน้องด้วย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคนร้ายนั้นขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบแล้วว่าเป็น กลุ่มของ “นายหัวกี” คนดังในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งจะดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป
