“วีระ” เชื่อเพื่อนในเครือข่ายถูกอุ้ม เหตุเปิดโปงเช่าที่ดินรถไฟขอนแก่น

“วีระ สมความคิด” เผยเพื่อนที่ร่วมกันเปิดโปงการทุจริตการเช่าที่ดินรถไฟขอนแก่น ถูกอุ้มหายไปกว่า 2 เดือนแล้ว ญาติสงสัยถูกอุ้มไปจากโรงพัก คาดเกี่ยวพันผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นขอนแก่น

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการค้นคนโกงฯ

วันนี้ (19 เม.ย.) นายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ค้นคนโกง เปิดโปงคอร์รัปชัน” ทางสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี นิวส์วัน ดำเนินรายการโดย นายกานต์ จอมจินตา เกี่ยวกับการหายตัวไปของนายนายกมล เหล่าโสภาพันธ์ หนึ่งในสมาชิกยามเฝ้าแผ่นดิน จ.ขอนแก่น และเป็นเพื่อนของนายวีระที่ร่วมกันทำงานเปิดโปงการทุจริตก่อสร้างอาคารพาณิชย์ บนที่ดินของการรถไฟ จ.ขอนแก่น

นายกมลหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ.51 จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้วก็ยังไม่พบตัว ซึ่งทางญาติสันนิษฐานว่าการหายตัวไปของนายกมลครั้งนี้อาจเกี่ยวข้องกับการเปิดโปงการทุจริตก่อสร้างอาคารพาณิชย์บนที่ดินรถไฟ ในเขตพื้นที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งนายกมลได้ติดตามรวบรวมหลักฐาน ว่าการประมูลที่ดินของการรถไฟในบริเวณนั้นกระทำโดยไม่ถูกต้อง เพราะในการประมูลทางการรถไฟฯ ไม่ได้มีการบอกกล่าวต่อบุคคลทั่วไป จู่ๆ ก็เปิดให้มีการประมูล และในการประมูลก็มีผู้เข้าร่วมประมูลเพียง 2 รายซึ่ง อีกทั้ง 2 รายนั้นก็เป็นพี่น้องกันด้วย

นายกมลได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า เหตุใดการรถไฟจึงไม่มีการตรวจสอบว่าทำไมจึงมีผู้ยื่นประมูลเพียง 2 ราย และยังเป็นพี่น้องกันด้วย ทำให้มองได้ว่าการกระทำครั้งนี้อาจเป็นการฮั้วประมูลกันหรือไม่ อีกทั้งเมื่อประมูลได้แล้ว การก่อสร้างอาคารพาณิชย์ที่ก่อสร้างก็สร้างผิดแบบ คือมีความสูงเกินกว่าที่แจ้งไว้ ทำให้นายกมลสอบถามไปยังเทศบาลบ้านไผ่ว่าเหตุใดจึงมีการอนุมัติให้สร้างได้ แต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงตลอด นายกมลจึงได้ไปแจ้งความที่ สภ.อ.บ้านไผ่ให้ดำเนินการยึดเอกสารการกระทำความผิดในการก่อสร้างอาคารดังกล่าวมาจากเทศบาล แต่ทางตำรวจก็ไม่ได้ดำเนินการให้

จนในวันที่นายกมลหายตัวไปนั้น นายกมลได้บอกกับทางญาติว่า จะไปแจ้งความดำเนินคดี กับ ผู้กำกับการ สภ.อ.บ้านไผ่ เนื่องจากทางผู้กำกับการ สภอ.บ้านไผ่ ไม่ยอมดำเนินการติดตามคดีดังกล่าวให้ จึงจะแจ้งความดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่หลังจากไปยื่นหนังสือดังกล่าวแล้ว นายกมลก็หายตัวไปไม่มีใครพบอีกเลย ซึ่งจนถึงปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่มีเบาะแส หรือความคืบหน้าใดๆ ในการหายตัวไปครั้งนี้

นายวีระ ยืนยันว่า นายกมลเป็นคนที่ไม่ใช่ว่าจะหาเรื่องใครโดยไม่มีเหตุผล แต่เป็นเพียงพลเมืองที่มีความหวังดีต่อบ้านเมือง นายกมลไม่เคยได้รับเงินทองจากใคร ในทางกลับกัน ต้องเสียเงินส่วนตัวในการหาเอกสารหลักฐานต่างๆ ซึ่งในคดีนี้นายกมล ก็กำลังจะรวบรวมหลักฐานมาให้นายวีระ ช่วยประสานดำเนินการอีกทาง แต่มาหายตัวไปเสียก่อน แต่อย่างไรก็ตามจากหลักฐานที่นายกมลนำมาให้ตนก่อนหน้านี้ก็มีอยู่จำนวนหนึ่งจนทำให้ทราบได้ว่านอกจากคดีทุจริตเช่าที่ดินของการรถไฟแล้ว กลุ่มคนดังกล่าวยังมีส่วนพัวพันกับการจัดพิมพ์เอกสารตำราเรียนปลอมในภาคอีสานอีกด้วย จึงเป็นเรื่องที่ตนจะต้องดำเนินการต่อไป

นายวีระยังกล่าวได้ว่า การที่นายกมลหายไปเช่นนี้ ทางญาติและตัวนายวีระเอง ก็เป็นห่วงและเกรงว่าจะเป็นการถูกอุ้มไป เหมือนกรณีของทนายสมชาย นีละไพจิต ที่หายตัวไปกว่า 4 ปีแล้ว และเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าถูกตำรวจอุ้มไป เพราะตอนนี้ตำรวจที่เกี่ยวข้องก็ถูกจับแล้ว แต่โทษที่เอาผิดได้ก็คือ ความผิดฐานให้เสื่อมเสียเสรีภาพ มีหลักฐานว่าถูกควบคุมตัวไป แต่ตราบใดที่ยังหาศพไม่ได้ ก็ไม่สามารถเอาผิดในฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นได้ ซึ่งตนมองว่าเป็นการยากที่จะหาศพพบ เพราะตำรวจเป็นผู้กระทำ เขาย่อมรู้ว่าการทำลายหลักฐานจะทำได้อย่างไร