ศูนย์ข่าวขอนแก่น - พบแล้วรถยนต์เก๋งซูบารุที่หายไปพร้อมกับยามฯบ้านไผ่ จอดทิ้งในโรงพยาบาลสิรินธร อ.บ้านแฮด ตำรวจเผยต้องรอผลพิสูจน์หลักฐานก่อนแกะรอยต่อ ขณะที่ภรรยานายกมลที่หายตัวไร้ร่องรอยดีใจพบรถ วอนตำรวจเร่งติดตามหาสามี หวังยังมีชีวิตอยู่
จากกรณีนายกมล เหล่าโสภาพันธ์ อายุ 49 ปี ชาวอำเภอบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นสมาชิกเครือข่ายต้านคอร์รัปชั่นและสมาชิกยามเฝ้าแผ่นดิน หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่กลางดึกคืนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 หลังจากขึ้นโรงพักเพื่อติดตามคดีร้องทุกข์ความไม่โปร่งใสในโครงการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ ย่านสถานีรถไฟ บ้านไผ่ โดยนายกมลหายไปพร้อมกับรถยนต์นั่ง ยี่ห้อซูบารุ สีแดง ทะเบียน กค.400
การหายตัวไปของนายกมลนั้นทางครอบครัวและญาติๆเชื่อว่า น่าจะมีมูลเหตุมาจากการที่นายกมล ได้พยายามร้องเรียนให้มีตรวจสอบการเสนอราคาเช่าที่ดินรถไฟ เพื่อก่อสร้างอาคารพาณิชย์ จำนวน 3 ชั้น 5 คูหา ย่านสถานีรถไฟบ้านไผ่ ซึ่งพบว่ามีการก่อสร้างผิด พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 เกี่ยวโยงกับเทศบาลอำเภอบ้านไผ่ในฐานะเจ้าพนักงานควบคุมการใช้กฎหมายดังกล่าว สำหรับผู้เสนอราคาเช่าที่ดินโครงการนี้มี 2 รายและต่างก็เกี่ยวดองเป็นเครือญาติกันเอง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดย พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร ผบก.ภูธร จังหวัดขอนแก่นได้สันนิษฐานปมเหตุการณ์หายตัวไปของนายกมลครั้งนี้ ว่าน่าจะมาจากหลายประเด็น คือ ทั้งคู่ความที่นายกมลได้เคยแจ้งความกล่าวโทษไว้หลายคดีอาจไม่พอใจจนประสงค์ร้ายต่อนายกมลหรืออาจจะหายตัวหรือหลบหนีไปเองเพราะลักษณะบุคลิกของนายกมลดูเหมือนเป็นคนที่จิตไม่สมประกอบ
สำหรับความคืบหน้าการหายตัวของนายกมล ล่าสุดบ่ายวานนี้(29 ก.พ.)ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโรงพยาบาลสิรินธร อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่นพบรถยนต์เก๋งซูบารุคล้ายกับรถยนต์นั่งของนายกมลจอดอยู่ภายในที่จอดรถของโรงพยาบาล จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
นางนรารัตน์ ภรรยานายกมล พร้อมญาติได้เดินทางไปเพื่อติดตามข่าวและยืนยัน ว่าเป็นรถยนต์ของนายกมล ที่ใช้ขับไปวันเกิดเหตุจริง ทั้งนี้ตนได้รับแจ้งจากตำรวจ สภ.บ้านแฮด เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. ว่านายสุปัน มีคำทอง พนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลสิรินธร พบรถยนต์คันนี้ มาจอดที่โรงพยาบาลนานร่วม 3 สัปดาห์ โดยไม่มีการย้ายที่จอดรถ จึงเห็นว่าผิดปกติ เพราะสอบถามแพทย์ พยาบาล ตลอดจนผู้ป่วยทุกตึกไม่มีใครเป็นเจ้าของ จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบข่าวนายกมลหายตัวไปจากเอเอสทีวีนิวส์วัน และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และเมื่อตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าวเห็นว่าตรงกับที่ปรากฏในข่าว ว่านายกมลหายไปพร้อมรถคันนี้ จึงได้เดินทางไปอำเภอบ้านไผ่ เพื่อแจ้งญาตินายกมลมาตรวจสอบ
ด้านพ.ต.ท.พาณิชย์ เชษฐสิงห์ รองผกก.ฝ่ายสืบสวน สภ.บ้านไผ่ ทราบข่าวจากนางนรารัตน์ จึงได้ประสานไปยังกองวิทยาการเขต 23 ตำรวจภูธรภาค 4 มาตรวจสอบเพื่อบันทึกลายนิ้วมือ ทั้งภายในและภายนอกรถอย่างละเอียด ซึ่งขณะนี้แม้จะพบรถยนต์ที่หายไปพร้อมกันแล้วก็ตาม แต่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการหายตัวไปของนายกมลได้ เนื่องจากการเข้าออกโรงพยาบาลสิรินธร ไม่มีระบบแลกบัตรจอดรถ
รวมทั้งรปภ. มี 4 คน แบ่งหน้าที่ผลัดละ 2 คน ซึ่งไม่ได้ประจำที่ประตูทางเข้าออก แต่ต้องเดินตรวจตราตามตึกต่างๆ ด้วย จึงไม่มีใครพบเห็นช่วงเวลาที่มีผู้ขับรถคันนี้เข้ามาจอดแต่อย่างใด ดังนั้นจึงต้องรอผลการพิสูจน์หลักฐานจากกองวิทยาการเสียก่อน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาราว 1 สัปดาห์ เพื่อเชื่อมโยงสู่การหายตัวของนายกมลต่อไป
ขณะที่นางนรารัตน์ หลังพบรถยนต์ของนายกมล ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกดีใจที่จะได้รู้เบาะแสบ้าง เนื่องจากตลอดเวลานานเกือบ 1 เดือนที่นายกมลหายไป ทุกคนในครอบครัวต่างมีความกังวลใจ แต่ก็ยังหวังว่านายกมลจะยังมีชีวิตอยู่
อย่างไรก็ตามอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามหาสามีให้พบ ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ เพราะนายกมลหายไปนานแล้ว ทำให้อดกังวลไม่ได้ว่าจะเกิดอันตรายกับสามี ส่วนการหายไปของนายกมลนั้นยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด แม้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะระบุว่านายกมลมีคดีแจ้งความกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐหลายคดี แต่ครอบครัวติดใจประเด็นที่นายกมลได้แจ้งความร้องเรียนเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งเทศบาล และตำรวจ ตลอดจนผู้รับเหมา กรณีเช่าที่ดินรถไฟ สร้างอาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นประเด็นสุดท้ายที่นำมาซึ่งการหายตัวไปของนายกมล