นักต่อสู้เพื่อผืนป่า เดินทางไปหน้ากรมป่าไม้ เผาหุ้นอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรณีป่าภูหินร่องกล่สถุกบุกรุก เมื่อนำเรื่องออกมาตีแผ่ กลับถูกข่มขู่คุกคามซ้ำ
วันนี้ (23 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น.พ.ต.ต.กลย์ภัทร์ มากมา สวป.สน.บางเขน ได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางไปรวมตัวกัน ภายในกรมป่าไม้ ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ และฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน
จากการตรวจสอบภายในกรมป่าไม้ บริเวณด้านหน้าอาคารกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พบ น.สพ.ณ ตะวัน พรหมทา อายุ 48 ปี ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายตรัย ต่อพันธุ์ อายุ 48 ปี นักต่อสู้เพื่อผืนป่า และ นายสมภพ นันทชัย อายุ 61 ปี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค นสพ.พิมพ์ไทย ประจำจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยกลุ่มชาวบ้านจาก จ.พิษณุโลก จำนวนกว่า 30 คน เดินทางมาพร้อมกับหุ่นฟางจำนวน 3 ตัว แขวนป้ายตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อีกทั้งยังนำเอกสารและภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องกลุ่มม้งผู้บุกรุกผืนป่าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าเนื้อที่กว่า 10,000 ไร่ มาจัดแสดงด้วย
จากการสอบถาม น.สพ.ณ ตะวัน เปิดเผยว่า ที่ตนกลับกลุ่มชาวบ้านเดินทางมาในวันนี้ก็เพื่อต้องการเรียกร้องให้ข้าราชการจำนวน 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุกที่ป่าสงวนลาออกจากตำแหน่ง ประกอบด้วย 1.นายเฉลิมศักดิ์ วานิชสมบัติ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช 2.นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ 3.นายมะโน มนูญสราญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เนื่องจากข้าราชการทั้ง 3 คนนี้ ได้ปล่อยให้กลุ่มม้ง 1,000 ครอบครัว จำนวน 3,000 คน ขึ้นไปบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ากว่า 10,000 ไร่ ใช้พื้นที่ปลูกพืชพันธุ์เพื่อประโยชน์ของกลุ่มคนเพียงน้อยน้อย แต่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อธรรมชาติ ขัดต่อ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 จำนวนหลายมาตรานอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่ากลุ่มม้ง ดังกล่าวคอยส่งส่วยค่าเช่าที่ดินให้เจ้าหน้าที่ไร่ละ 3-6 พันต่อปี มีมูลค่ารวมแล้วมากถึงกว่าปีละ 70 ล้านบาท
“ที่ผ่านมา ชาวบ้านได้ดำเนินการยื่นเรื่องร้องเรียนถึง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และเข้าแจ้งความกับ กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) แล้วแต่ไม่มีความคืบหน้า หนำซ้ำผมและแกนนำกลุ่มชาวบ้านยังถูกขู่ฆ่าสารพัดทั้งที่ออกมาเรียกร้องเพื่อผลประโยชน์ของชาติโดยไม่ได้รับสิ่งใดตอบแทน ขณะนี้ทราบแล้วว่ามีข้าราชการที่ถูกร้องเรียนบางคนที่อาศัยบารมีของคนในกองทัพ เข้ามารับตำแหน่งสมัย คมช.ยังอยู่ ซึ่งหากวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ผมและชาวบ้านก็จะเดินทางไปพบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เพื่อแจ้งปัญหาให้ทราบต่อไป” น.สพ.ณ ตะวัน กล่าว
ด้าน นายสมภพ กล่าวว่า เหตุเพราะตนเป็นคนพื้นที่ จึงรู้สึกหวงแหนผืนป่าที่ถูกบุกรุกมานาน เลยตัดสินใจเข้าร่วมกับกลุ่มชาวบ้าน โดยการรายงานข่าวให้กองบรรณาธิการ นสพ.พิมพ์ไทย เผยแพร่ออกสู่สาธารณชน แต่หลังจากที่มีข่าวออกมาแล้ว ตนได้ถูกชายลึกลับโทรศัพท์ไปข่มขู่ถึงที่บ้านพักอยู่บ่อยครั้ง พูดในทำนองว่าให้ตนระวังตัวให้ดี เดี๋ยวจะส่งคนมาอุ้มจากนั้นรถเก๋งที่ตนใช้ก็ถูกคนร้ายลักลอบตัดสายเบรกขณะนำไปจอดในหมู่บ้าน ทำให้ตนต้องเกือบประสบอุบัติเหตุถึงชีวิตขณะขับรถลงจากเขา ตอนนี้ตนรู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มไม่ปลอดภัย จึงตัดสินใจย้ายออกไปอยู่นอกบ้านมานานกว่า 3 เดือนแล้ว
จากนั้น น.สพ.ณ ตะวัน พร้อมด้วยตัวแทนกลุ่ม จึงได้ช่วยกันนำไฟมาจุดเผาหุ่นฟางทุกตัว พร้อมทำการท่องบทกรวดน้ำไปให้คล้ายการฌาปนกิจศพ ที่บริเวณด้านหน้าอาคารกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ท่ามกลางเสียงเชียร์ของกลุ่มชาวบ้านที่เดินทางมาด้วยข้อเรียกร้องเดียวกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ รปภ.ต้องช่วยกันลากสายฉีดน้ำดับเพลิงมาเตรียมพร้อมเอาไว้เพื่อความไม่ประมาท แต่สถานการณ์ก็จบลงได้ด้วยดี เมื่อแสงเพลิงสงบกลุ่มผู้ชุมนุมทุกคนก็พากันแยกย้ายกลับภูมิลำเนา
ด้าน พ.ต.ต.กลย์ภัทร์ กล่าวว่า การที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางมาเรียกร้องเรื่องต่างๆ ก็สามารถกระทำได้ แต่ควรดำเนินการไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และต้องไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อข้าราชการ และ ประชาชนที่เดินทางมาติดต่องานในกรมป่าไม้ ซึ่งในวันนี้ถือเป็นโชคดีที่สถานการณ์ไม่ลุกลามบานปลายมากจนเกินไป
เบื้องต้นตนก็นำกำลังมาดูแลความสงบเรียบร้อยให้เท่านั้น แต่ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับใครทั้งสิ้น
วันนี้ (23 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น.พ.ต.ต.กลย์ภัทร์ มากมา สวป.สน.บางเขน ได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางไปรวมตัวกัน ภายในกรมป่าไม้ ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ และฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน
จากการตรวจสอบภายในกรมป่าไม้ บริเวณด้านหน้าอาคารกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พบ น.สพ.ณ ตะวัน พรหมทา อายุ 48 ปี ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายตรัย ต่อพันธุ์ อายุ 48 ปี นักต่อสู้เพื่อผืนป่า และ นายสมภพ นันทชัย อายุ 61 ปี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค นสพ.พิมพ์ไทย ประจำจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยกลุ่มชาวบ้านจาก จ.พิษณุโลก จำนวนกว่า 30 คน เดินทางมาพร้อมกับหุ่นฟางจำนวน 3 ตัว แขวนป้ายตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อีกทั้งยังนำเอกสารและภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องกลุ่มม้งผู้บุกรุกผืนป่าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าเนื้อที่กว่า 10,000 ไร่ มาจัดแสดงด้วย
จากการสอบถาม น.สพ.ณ ตะวัน เปิดเผยว่า ที่ตนกลับกลุ่มชาวบ้านเดินทางมาในวันนี้ก็เพื่อต้องการเรียกร้องให้ข้าราชการจำนวน 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุกที่ป่าสงวนลาออกจากตำแหน่ง ประกอบด้วย 1.นายเฉลิมศักดิ์ วานิชสมบัติ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช 2.นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ 3.นายมะโน มนูญสราญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เนื่องจากข้าราชการทั้ง 3 คนนี้ ได้ปล่อยให้กลุ่มม้ง 1,000 ครอบครัว จำนวน 3,000 คน ขึ้นไปบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ากว่า 10,000 ไร่ ใช้พื้นที่ปลูกพืชพันธุ์เพื่อประโยชน์ของกลุ่มคนเพียงน้อยน้อย แต่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อธรรมชาติ ขัดต่อ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 จำนวนหลายมาตรานอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่ากลุ่มม้ง ดังกล่าวคอยส่งส่วยค่าเช่าที่ดินให้เจ้าหน้าที่ไร่ละ 3-6 พันต่อปี มีมูลค่ารวมแล้วมากถึงกว่าปีละ 70 ล้านบาท
“ที่ผ่านมา ชาวบ้านได้ดำเนินการยื่นเรื่องร้องเรียนถึง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และเข้าแจ้งความกับ กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) แล้วแต่ไม่มีความคืบหน้า หนำซ้ำผมและแกนนำกลุ่มชาวบ้านยังถูกขู่ฆ่าสารพัดทั้งที่ออกมาเรียกร้องเพื่อผลประโยชน์ของชาติโดยไม่ได้รับสิ่งใดตอบแทน ขณะนี้ทราบแล้วว่ามีข้าราชการที่ถูกร้องเรียนบางคนที่อาศัยบารมีของคนในกองทัพ เข้ามารับตำแหน่งสมัย คมช.ยังอยู่ ซึ่งหากวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ผมและชาวบ้านก็จะเดินทางไปพบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เพื่อแจ้งปัญหาให้ทราบต่อไป” น.สพ.ณ ตะวัน กล่าว
ด้าน นายสมภพ กล่าวว่า เหตุเพราะตนเป็นคนพื้นที่ จึงรู้สึกหวงแหนผืนป่าที่ถูกบุกรุกมานาน เลยตัดสินใจเข้าร่วมกับกลุ่มชาวบ้าน โดยการรายงานข่าวให้กองบรรณาธิการ นสพ.พิมพ์ไทย เผยแพร่ออกสู่สาธารณชน แต่หลังจากที่มีข่าวออกมาแล้ว ตนได้ถูกชายลึกลับโทรศัพท์ไปข่มขู่ถึงที่บ้านพักอยู่บ่อยครั้ง พูดในทำนองว่าให้ตนระวังตัวให้ดี เดี๋ยวจะส่งคนมาอุ้มจากนั้นรถเก๋งที่ตนใช้ก็ถูกคนร้ายลักลอบตัดสายเบรกขณะนำไปจอดในหมู่บ้าน ทำให้ตนต้องเกือบประสบอุบัติเหตุถึงชีวิตขณะขับรถลงจากเขา ตอนนี้ตนรู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มไม่ปลอดภัย จึงตัดสินใจย้ายออกไปอยู่นอกบ้านมานานกว่า 3 เดือนแล้ว
จากนั้น น.สพ.ณ ตะวัน พร้อมด้วยตัวแทนกลุ่ม จึงได้ช่วยกันนำไฟมาจุดเผาหุ่นฟางทุกตัว พร้อมทำการท่องบทกรวดน้ำไปให้คล้ายการฌาปนกิจศพ ที่บริเวณด้านหน้าอาคารกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ท่ามกลางเสียงเชียร์ของกลุ่มชาวบ้านที่เดินทางมาด้วยข้อเรียกร้องเดียวกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ รปภ.ต้องช่วยกันลากสายฉีดน้ำดับเพลิงมาเตรียมพร้อมเอาไว้เพื่อความไม่ประมาท แต่สถานการณ์ก็จบลงได้ด้วยดี เมื่อแสงเพลิงสงบกลุ่มผู้ชุมนุมทุกคนก็พากันแยกย้ายกลับภูมิลำเนา
ด้าน พ.ต.ต.กลย์ภัทร์ กล่าวว่า การที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางมาเรียกร้องเรื่องต่างๆ ก็สามารถกระทำได้ แต่ควรดำเนินการไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และต้องไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อข้าราชการ และ ประชาชนที่เดินทางมาติดต่องานในกรมป่าไม้ ซึ่งในวันนี้ถือเป็นโชคดีที่สถานการณ์ไม่ลุกลามบานปลายมากจนเกินไป
เบื้องต้นตนก็นำกำลังมาดูแลความสงบเรียบร้อยให้เท่านั้น แต่ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับใครทั้งสิ้น