ประธานศาลฎีกายอมรับ มีทนายความนักการเมือง หอบเงินสด 2 ล้านบาท ไปฝากไว้ให้กับเจ้าหน้าที่ศาลฎีกาจริง พร้อมสั่งตั้งองค์คณะสอบสวนข้อเท็จจริง ส่วนเงินของกลาง ได้คืนผู้ที่นำมามอบให้ไปแล้ว เผย เจ้าหน้าที่ได้จดรายละเอียดไว้หมดแล้ว และมีคดีสำคัญในศาลฎีกาของนักการเมืองอยู่ 3 คดี
วันนี้ (11 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ถ.รัชดาภิเษก นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการศาลยุติธรรม แถลงข่าวกรณีมีการเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อมวลชนว่า มีทนายความของนักการเมืองนำกล่องขนม ภายในบรรจุเงินสด 2 ล้านบาทมามอบให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงในศาลฎีกาว่า ในวันนี้ (11 มิ.ย.) นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้มีคำสั่งแต่งตั้งองค์คณะซึ่งประกอบด้วย ผู้พิพากษาชั้นผู้ใหญ่ 3 ท่าน ขึ้นมาไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อองค์คณะได้จนกว่าจะเริ่มกระบวนการไต่สวน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ทันทีหลังองค์คณะทั้ง 3 ท่านได้รับคำสั่งแล้ว อย่างไรก็ดี ไม่มีการกำหนดกรอบระยะเวลาในการไต่สวน แต่จะดำเนินการโดยเร็วที่สุด ส่วนข้อเท็จจริงใครเป็นผู้นำกล่องขนมมาให้ มอบให้กลับใคร ขอให้รอฟังจากผลการไต่สวน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ใครเป็นผู้นำกล่องขนมมามอบให้ และทางศาลได้เก็บกล่องขนมดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานหรือไม่ นายสราวุธตอบว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าเป็นเงินสดก็ได้ส่งคืนให้กับผู้นำมามอบให้ไปแล้ว ส่วนจะมีการถ่ายรูปหรือจดบันทึกไว้เป็นหลักฐานหรือไม่ ตนไม่ทราบแต่จะเป็นหน้าที่ขององค์คณะที่ท่านประธานศาลฎีกาตั้งขึ้นเป็นผู้สอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมด เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏแล้วว่าผู้กระทำการเป็นใคร ชื่ออะไร ก็จะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เมื่อซักต่อว่า ศาลจะไม่เปิดเผยรายละเอียดแม้จะรู้ตัวคนที่กระทำผิด นายสราวุธ ตอบว่า ไม่ใช่ว่าจะไม่เปิดเผย เพราะขณะนี้ยังเป็นการรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ แต่สิ่งที่ศาลทำ คือทำตามกฎหมายหากไต่สวนแล้วได้ความว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาล ศาลก็ต้องดำเนินการ ถ้าเป็นเรื่องผิดกฎหมายก็จะดำเนินการต่อไปแต่ยอมรับว่ามีข้อเท็จจริงเกิดขึ้นตามที่รายงานข่าวไป โดยมีการนำกล่องขนมมามอบให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกา แต่ส่งตรงไหน ส่งให้ใครตนไม่ทราบ ซึ่งศาลจะต้องดำเนินการตรวจสอบตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า กรณีดังกล่าวเข้าข่ายการเสนอให้สินบนหรือไม่ นายสราวุธกล่าวว่า หากข้อเท็จจริงปรากฏว่าเป็นการเสนอให้เพื่อสินบนก็เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งการไต่สวนจะต้องเรียกเจ้าหน้าที่ศาลที่รู้เห็นและพยานอื่นที่เกี่ยวข้องมาไต่สวน ซึ่งหากเรื่องดังกล่าวเป็นการเสนอให้สินบนจริงก็ถือเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก เพราะไม่เคยมีการเสนอให้สินบนถึงในศาลฎีกาเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน
ผู้สื่อข่าวซักต่อว่า ในวันเกิดเหตุ (10 มิ.ย.) ตรงกับวันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีต้องมารายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ หลังจากกลับจากต่างประเทศ มองว่าอาจมีความเกี่ยวเนื่องกันหรือไม่ นายสราวุธ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็ต้องมีการตรวจสอบโดยองค์คณะที่ทำการไต่สวนว่ามีอะไรเกิดขึ้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร มีการทำผิดกฎหมายหรือไม่
เมื่อถามอีกว่า หากผลสอบข้อเท็จจริงออกมาว่าเป็นการเสนอให้สินบน จะสามารถกลับไปดำเนินคดีกับคนที่เอาเงินมามอบให้หรือไม่ หากข้อเท็จจริงสรุปออกมาเช่นนั้นก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างแน่นอน
“นอกจากเรื่องความเป็นกลางแล้ว ความซื่อสัตย์สุจริตถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้สังคมและประชาชนเชื่อถือและศรัทธา ในศาลยุติธรรม ดังนั้น หากมีเรื่องที่ทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำความจริงให้ปรากฏชัด และเป็นเหตุผลที่เราต้องตั้งองค์คณะขึ้นมาไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ แต่ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นยังเป็นการติดต่อในระดับเจ้าหน้าที่ ไม่ถึงตัวผู้พิพากษา เพราะที่ผ่านมาผู้พิพากษาก็ระมัดระวังตัวอยู่แล้วในการจะพบปะหรือติดต่อกับใคร” นายสราวุธกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปกติแล้ว ตุลาการ หรือเจ้าหน้าที่ของศาล มีหลักเกณฑ์ในการรับสินน้ำใจจากผู้อื่นได้มากน้อยแค่ไหน นายสราวุธ กล่าวว่า หากเป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ตามมารยาทสังคมก็สามารถรับได้ตามความเหมาะสม แต่หากเป็นเรื่องการให้สินบนรับไม่ได้แน่นอนเพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
นายสราวุธ ตอบคำถามที่ว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงองค์คณะผู้พิพากษาในคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ว่า องค์คณะของศาลฎีกาฯ แต่งตั้งโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ที่ประกอบด้วยผู้พิพากษา กว่า 100 ท่าน ซึ่งตนเชื่อในความซื่อสัตย์ สุจริตของผู้พิพากษาทุกท่าน การเปลี่ยนแปลงองค์คณะจะต้องมีเหตุตามกฎหมาย เช่น เสียชีวิต หรือลาออกจากกการเป็นผู้พิพากษา แต่จะมาเปลี่ยนกลางคันคงไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีช่องทางที่จะให้ผู้ที่ทราบรายละเอียดในเรื่องดังกล่าว มาแจ้งข้อมูลต่อศาลได้หรือไม่ นายสราวุธ กล่าวว่า สามารถแจ้งโดยตรงที่ ตนเองหรือผ่านทางสำนักงานศาลยุติธรรม เบอร์โทรศัพท์ 0-2541-2315 ซึ่งเชื่อว่าองค์คณะที่ทำการไต่สวนต้องการข้อเท็จจริงจากทุกทาง เพราะเราทำคดีนี้อย่างโปร่งใสและตรงไปตรงมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น มีรัฐมนตรีคนหนึ่งในรัฐบาลชุดนี้ ได้นัดพบกับผู้พิพากษาคนหนึ่งซึ่งเป็นองค์คณะคดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกตด้วย
มีรายงานว่า รายละเอียดที่เจ้าหน้าที่ศาลได้ทำการจดบันทึก ภายหลังจากตรวจสอบกล่องขนมและพบจำนวนเงินดังกล่าวแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการจดบันทึกไว้อย่างละเอียดว่าใครเป็นผู้นำมามอบให้ ข่าวจึงออกมาว่า ผู้ที่นำเงินไปมอบให้นั้นเป็นทนายความของนักการเมืองผู้หนึ่ง
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับคดีซึ่งเกี่ยวข้องกับนักการเมืองที่อยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น มีคดีสำคัญอยู่ 3 คดีประกอบด้วย คดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินรัชดาภิเษก คดีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรในคดีถูกใบแดงในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และคดีของนายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย ในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินคลองด่าน