xs
xsm
sm
md
lg

อดีต 5 รมต.มหาดไทย ขึ้นเบิกความคดีทุจริตที่คลองด่าน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

“เติ้ง-เหนาะ-ไตรรงค์-บัญญัติ จันทน์เสนะ” ขึ้นเบิกความคดีทุจริตที่ดินคลองด่าน เน้นสอบประเด็นข่มขู่เจ้าหน้าที่ที่ดินออกโฉนดมิชอบ ขณะที่ “วัฒนา” อ้างไม่มีอำนาจให้คุณโทษใครจึงได้โฉนดล่าช้าถึง 3 ปี ยันไม่เคยยัดสินบนเป็นพระผงสุพรรณต่อพนักงานรัฐ ด้านศาลนัดไต่สวนจำเลยพร้อมกำชับ “วัฒนา” ต้องมาเบิกความนัดสุดท้าย 8 พ.ค.

วันนี้ (6 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ผู้พิพากษาอาวุโส เจ้าของสำนวนคดีดำ อม.2/2550 พร้อมองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนพยานจำเลย คดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย และประธานพรรคเพื่อแผ่นดินเป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และ 157 ในการใช้อำนาจข่มขู่ หรือชักจูงใจให้ผู้อื่นร่วมออกโฉนดที่ดิน 1,900 ไร่ ทับที่คลองสาธารณประโยชน์ และที่เทขยะมูลฝอยซึ่งเป็นที่สงวนหวงห้าม เพื่อนำไปขายให้กรมควบคุมมลพิษเพื่อก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ

โดยในวันนี้ (6 พ.ค.) ศาลได้ไต่สวนพยานที่ออกหมายเรียกมาเข้าเบิกความจำนวน 5 ปาก ประกอบด้วย นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย อดีต รมว.มหาดไทย นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช อดีต รมช.มหาดไทย (มท.2) นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมช.มหาดไทย ซึ่งทั้งหมดดำรงตำแหน่งอยู่ในสมัยเดียวกันกับ นายวัฒนา จำเลย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.4) ช่วงปี 2531-2533 รวมทั้งนายบัญญัติ จันทน์เสนะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี เข้าเบิกความในประเด็นอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินของ รมว.และ รมช. ในการบริหารกระทรวง และการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงระดับซี 10-11 ที่สำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคำฟ้องอัยการโจทก์ ข้อหนึ่งระบุว่า นายวัฒนา จำเลยได้ใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่ง รมช.มหาดไทย บีบบังคับข่มขู่ให้เจ้าพนักงานที่ดิน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ร่วมกันออกโฉนดที่ดินให้โดยมิชอบ

โดยพยานทั้งหมดเบิกความทำนองเดียวกันว่า ตามระเบียบ รมว.เจ้ากระทรวงเป็นผู้เสนอรายชื่อข้าราชการกับนายกรัฐมนตรีก่อนจึงจะนำเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณา อนุมัติ ซึ่ง รมว.กระทรวงอื่นสามารถทักท้วงหรือเสนอแนะนำตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงอื่นได้ แต่โดยมารยาทแล้วจะไม่ทำกัน และข้อทักท้วงหรือเสนอแนะมักจะไม่มีการบันทึกลงในรายงานการประชุม ครม.

เมื่อศาลสอบถามพยานว่าทราบข่าวเกี่ยวกับปัญหาการซื้อที่ดินทำโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน นายเสนาะ ตอบว่า ไม่เคยศึกษารายละเอียด รู้ข้อมูลเหมือนที่สังคมรู้ แต่ในฐานะที่อยู่ในวงการการเมือง และรู้สึกไม่สบายใจที่มีเรื่องฉาวโฉ่เกิดขึ้นจนต้องมีการตั้งคณะกรรมการต่างๆมาตรวจสอบ จนเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบขององค์กรอิสระ จนในที่สุดมาถึงการพิจารณาคดีของศาล

นายบัญญัติ ยังได้ตอบคำถามศาลตอนหนึ่ง สรุปว่า ในสมัยเป็นอธิบดีกรมที่ดินได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการออกโฉนดที่ดินพิพาทจำนวน 5 แปลงของเจ้าพนักงานที่ดิน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งคณะกรรมการฯสรุปว่า การออกโฉนดที่ดินดังกล่าว เป็นการออกโฉนดโดยมิชอบรวม 4 แปลง เนื่องจากมีการออกโฉนดทับที่ดินและคลองสาธารณะ ออกโฉนดสลับแปลง รวมทั้งมีการนำเอกสารที่เคยออกโฉนดไปแล้วมาขอออกโฉนดซ้ำซ้อน ท้ายรายงานคณะกรรมการ ระบุว่า ไม่พบเจ้าหน้าที่ที่ดินมีเจตนาทุจริต เป็นความประมาทเลินเล่อ ขณะที่ นายสมชัย แตงน้อย อดีตเจ้าหน้าที่ช่างรังวัดที่ดิน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เบิกความในประเด็นการรังวัดที่ดิน

จากนั้น นายวัฒนา จำเลย ขึ้นเบิกความเป็นพยานให้ตนเองโดยตอบคำถามนำของทนายความ ว่าใช่หรือไม่ใช่และขยายความประกอบเป็นบางคำถาม สรุปได้ว่า ที่สำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคำฟ้องอัยการโจทก์ ข้อหนึ่งระบุว่า นายวัฒนา จำเลย ได้ใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่ง รมช.มหาดไทย บีบบังคับข่มขู่ ให้เจ้าพนักงานที่ดิน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ร่วมกันออกโฉนดที่ดินให้โดยมิชอบ ไม่เป็นความจริง ซึ่งบางคนมาเป็นพยานเบิกความต่อศาลแล้ว และเจ้าพนักงานที่ดินบางคน จำเลยไม่เคยรู้จักมาก่อน นอกจากนี้จำเลยไม่มีอำนาจให้คุณให้โทษ โยกย้ายข้าการการกรมที่ดิน ถ้าหากมีการใช้อำนาจข่มขู่จริง ควรจะได้รับโฉนดภายในระยะเวลาตามระเบียบเพียง 100 วัน มิใช่ 3 ปี ที่เป็นระยะเวลาที่ได้รับโฉนดที่ดินพิพาทคดีนี้ อีกทั้งคงไม่ต้องกันกั้นหลักฐานที่ดินติดชายทะเลจำนวนกว่า 800 ไร่ไว้ตรวจสอบ นอกจากนี้คณะกรรมการตรวจสอบที่ดินไม่พบว่าออกโฉนดที่ดินทับคลองหรือถนนสาธารณะแต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลย มอบพระผงสุพรรณหนึ่งในพระเบญจภาคีที่มีมูลค่าสูงให้กับเจ้าหน้าที่ดินที่นำโฉนดที่ดินมาให้นั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะพระเครื่องดังกล่าว จำเลยจัดสร้างขึ้นเองด้วยความศรัทธาไม่มีมูลค่ามากมาย และจะเก็บไว้มอบในงานวันเกิดหรืองานปีใหม่ให้กับบุคคลต่างๆที่มาร่วมงาน ดังนั้นการตรวจสอบของ ป.ป.ช. ไม่ให้ความเป็นธรรมกับจำเลย โดยเป็นการมุ่งเอาผิดจำเลย

หลังจากนายวัฒนา จำเลย เบิกความได้ระยะหนึ่ง ทนายจำเลยแถลงหมดคำถามในวันนี้ ศาลจึงได้นัดไต่สวนพยานจำเลยครั้งสุดท้ายในวันที่ 8 พ.ค.นี้ เวลา 09.30 น. พร้อมกำชับให้นายวัฒนา จำเลย เดินทางมาเบิกความไต่สวนให้เสร็จสิ้นตามกำหนดนัด ในส่วนของพยานที่ศาลออกหมายเรียกอีกหนึ่งปาก คือนางเชอรี่ หรือเชอร์ลี่ สื่อสิน นั้น ศาลจะพิจารณาอีกครั้งว่ามีความจำเป็นที่จะต้องไต่สวนหรือไม่
นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย
นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตรมว.มหาดไทย
นายเสนาะ  เทียนทอง อดีต รมช.มหาดไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น