xs
xsm
sm
md
lg

“วัฒนา” ท้าเดิมพันชีวิต ผิดทุจริตคลองด่านจริงให้ประหาร!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ศาลออกหมายเรียกบิ๊กนักการเมือง “บรรหาร-เสนาะ-ไตรรงค์-วิษณุ” กับอดีตเจ้าหน้าที่ที่ดินรวม 10 คน ไต่สวนเพิ่มคดีคลองด่าน ส่วน “วัฒนา จำเลย” ยอมมาศาลหลังเบี้ยว 4 นัด ยังลูกเล่นอ้างป่วยขอกลับบ้านก่อนไม่ทันได้ไต่สวน ขอทำคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร ศาลไม่ยอมชี้อาจขัดหลัก กม.กำชับต้องมาให้การ เจ้าตัวระบุไม่ได้ทำผิด ย้ำถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ลั่นไม่หนีนัดตัดสิน หากผิดจริงให้เอาไปประหารชีวิต 

วันนี้ (17 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีดำ อม.2/2550 พร้อมองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนพยานจำเลยครั้งสุดท้าย คดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย และประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดินเป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และ 157 ในการใช้อำนาจข่มขู่ หรือชักจูงใจให้ผู้อื่นร่วมออกโฉนดที่ดิน 1,900 ไร่ ทับที่คลองสาธารณประโยชน์ และที่เทขยะมูลฝอยซึ่งเป็นที่สงวนหวงห้าม เพื่อนำไปขายให้กรมควบคุมมลพิษเพื่อก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ

ก่อนเริ่มการไต่สวน นายวัฒนา ที่เดินทางมาร่วมการพิจารณาคดีในการไต่สวนพยานจำเลยเป็นครั้งแรก หลังจากได้ขอเลื่อนเข้าไต่สวนมาแล้ว 4 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน ซึ่งเป็นวันนัดไต่สวนพยานจำเลยครั้งแรก ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตศาลกลับไปก่อนเริ่มการไต่สวนโดยอ้างว่ายังมีอาการป่วยอยู่พร้อมยื่นคำร้องว่าจำเลยยังป่วยแต่จำเลยมีความจำเป็นต้องให้การและชี้แจงเหตุผลเพื่อชี้แจงความบริสุทธิ์ของจำเลย จึงขอทำคำเบิกความเป็นลายลักษณ์อักษรยื่นต่อศาลภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันนี้ และจำเลยแถลงต่อศาลว่ายินดีมาศาลเพื่อให้อัยการโจทก์ซักถามตามที่เห็นสมควร โดยอัยการแถลงต่อศาลว่าจำเลยน่าจะมาเบิกความตอบคำถามได้ เพราะทนายจำเลยสามารถใช้คำถามนำได้อยู่แล้ว

ศาลพิจารณาแล้วจึงอธิบายให้จำเลยและทนายจำเลยฟังว่า คำร้องของจำเลยที่จะขอทำความเบิกความเป็นลายลักษณ์อักษรนั้นอาจจะมีปัญหาข้อกฎหมายว่าไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 ม.31 และข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2543 ข้อ 18 ดังนั้น หากจำเลยยังมีอาการป่วยและประสงค์จะเบิกความ ก็น่าจะมาเบิกความต่อศาลภายในกรอบเวลาที่ศาลจะนัดไต่สวนพยานเพิ่มเติมในวันที่ 2, 6 และ 8 พฤษภาคม เวลา 09.30 น.โดยจำเลยอาจจะมาเบิกความสั้นๆ ในแต่ละนัดก็ได้ และให้ทนายจำเลยถามจำเลยโดยใช้คำถามนำ นอกจากนี้ หากจำเลยเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในชั้นสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และประสงค์จะให้ศาลเห็นถึงข้อพิรุธต่างๆ ที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดก็ชอบที่จะแถลงการณ์ปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษร

ทั้งนี้ นายไพบูลย์ โพธิ์น้อย ทนายความนายวัฒนา จำเลย แถลงรับต่อศาลว่าจะนำตัวจำเลยมาเบิกความเห็นเสร็จสิ้นตามนัดในวันที่ 2, 6 และ 8 พฤษภาคม ตามที่ศาลนัดแถลงเพิ่มเติม

จากนั้นทนายความจำเลยได้นำพยานขึ้นเบิกความจำนวน 4 ปาก ประกอบด้วย 1.นายณรงค์ ยอดศิรจินดา อดีต นายก อบต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเมื่อปี 2534 นายณรงค์ เป็นผู้ร่วมรังวัดและออกโฉนด 5 ฉบับที่เป็นข้อพิพาทคดีนี้ให้กับบริษัท ปาล์มบีช ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด 2.นายพูลทวี ศิวะพิรุฬเทพ อดีตปลัด อ.บางบ่อ ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบที่สาธารณประโยชน์ ที่นายณรงค์ เป็นผู้แต่งตั้งให้ตรวจสอบว่าที่ดินที่ขอออกโฉนดนั้นเป้นที่ทับที่ดินสาธารณะหรือไม่ 3.นางชูศรี โสตศิริทิพย์ ภรรยาของนายหน้าค้าที่ดินซึ่งเป็นหัวหน้ารักษาความปลอดภัยบริษัท ปาล์มบีช และ 4.นายประจักษ์ จักษ์ษุดี อดีตกำนัน อ.บางบ่อ ให้การสอดคล้องไปในทางเดียวกันทำนองว่า สภาพที่ดินที่เป็นข้อพิพาทขณะที่ซื้อและนำมาขอออกโฉนดไม่ได้ทับที่คลองหรือถนนสาธารณะ โดยซื้อมาจากชาวบ้านที่ประกอบอาชีพทำนากุ้ง ซึ่งที่ดินส่วนที่ติดทะเลถูกน้ำกัดเซาะเป็นระยะทางลึกเป็นกิโลเมตร ชาวบ้านจึงเกรงว่าจะเกิดความเสียหายจึงรีบขายให้กับเหมืองแร่ลานทอง และบริษัท สหมารีน โปรดักส์ จำกัด ในเครือสหพัฒนพิบูล จำกัด และมีการนำมาขายให้บริษัทปาล์มบีชฯ มาทำสนามกอล์ฟ นายวัฒนา ไม่ได้มีการบังคับหรือข่มขู่ว่าถ้าไม่ขายให้จะซื้อที่ดินล้อมรอบเพื่อปิดทางเข้าออก เพราะในการเดินทางเข้าออกที่ดินดังกล่าวต้องผ่านทางทะเล

เมื่อศาลถามพยานที่เป็นอดีตนายก อบต.บางบ่อ และอดีตกำนัน ต.บางบ่อ ว่าเคยรู้จักและเป็นหัวคะแนนให้กับนายวัฒนา หรือได้รับการสนับสนุนในการลงรับเลือกตั้งจากนายวัฒนา หรือไม่ พยานตอบว่า รู้จักนายวัฒนา ในฐานะ ส.ส.สมุทรปราการ แต่ไม่เคยรู้จักหรือสนิทสนมเป็นการส่วนตัวและไม่เคยเป็นหัวคะแนนหรือได้รับการสนับสนุนทางการเมืองจากนายวัฒนา แต่อย่างใด ภายหลังศาลไต่สวนพยานเสร็จสิ้นแล้ว ทนายจำเลยแถลงหมดพยาน เว้นแต่ตัว นายวัฒนา จำเลย ซึ่งจะนำมาเบิกความในวันที่ 2, 6 และ 8 พฤษภาคม

ทั้งนี้ ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้คดีได้ข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์จึงมีคำสั่งให้ออกหมายเรียกพยานมาไต่สวนเพิ่มเติมอีก 10 ปาก ประกอบด้วย 1.นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี 2.นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย 3.นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช 4. นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ 5.นายอนันต์ อนันตกูล อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ 6.นายบัญญัติ จันทน์เสนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 7.นายผัน จันทรปาน อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและอดีต ป.ป.ช. 8.นายไพศาล กาญจนประพันธ์ อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ สาขาบางพลี 9.นางเชอรี่ หรือ เชอร์ลี่ สื่อสิน และ 10.นายสมชัย แตงน้อย อดีตนายช่างรังวัด 6 ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายรังวัด มาไต่สวนหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยให้นัดไต่สวนพยานเพิ่มเติมในวันที่ 2, 6 และ 8 พฤษภาคม เวลา 09.30 น.ส่วนที่โจทก์แถลงขอให้ศาลออกหมายเรียก พล.ต.ต.วิเชียร สิงห์ปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) มาไต่สวนในวันที่ 2 พฤษภาคม นั้น องค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาแล้วให้หมายเรียก พล.ต.ต.วิเชียร มาไต่สวนในวันที่ 2 พฤษภาคม ด้วย

ภายหลัง นายวัฒนา กล่าวว่า ดีใจมากที่ได้มีโอกาสต่อสู้ชี้แจงต่อศาลฎีกา ไม่ได้มีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงไม่เข้าเบิกความ โดยกำชับให้ทนายความได้ชี้แจงกับศาลทุกครั้ง ขณะนี้ตนอายุ 76 ปีแล้วยังมีอาการป่วยเป็นโรคหัวใจ น้ำท่วมปอด เส้นเลือดประสาทตีบ ให้ทนายความนำหลักฐานทางการแพทย์ฟิล์มเอ็กซเรย์ให้ศาลพิจารณา โดยในวันนี้ก็ยังมีอาการเจ็บป่วยอยู่มีอาการผิดปกติในร่างกาย แต่ไม่ได้กินยารักษาโรคน้ำท่วมปอดมา เพราะเกรงว่าจะต้องเข้าห้องน้ำบ่อย นักข่าวก็รู้ว่าปกติตนเป็นคนพูดเร็ว ซึ่งในวันนี้ได้ขอศาลทำคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร แต่หากศาลหรืออัยการต้องการซักถามก็พร้อมที่จะเดินทางมาให้ซักถาม โดยศาลก็อนุญาต

นายวัฒนา กล่าวว่า คดีถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ตนถูกอดีตรัฐบาลกลั่นแกล้ง เห็นตัวอย่างได้หลายคน เช่นเดียวกับกำนันเซียะ (นายประชา โพธิพิพิธ อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ อดีตจำเลยคดีฮั้วประมูล) และกำนันเป๊าะ (นายสมชาย คุณปลื้ม อดีตนายกเทศมนตรี ต.แสนสุข จ.ชลบุรี จำเลยคดีทุจริตซื้อที่ดิน ต.เขาไม้แก้ว จ.ชลบุรี ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 5 ปี) เพื่อต้องการบีบบังคับให้เข้าสังกัดพรรคการเมือง จนต้องติดคุกหนีหัวซุกหัวซุน แต่ตนไม่ยอมเพราะเกลียดเผด็จการรัฐสภา รับสมัครเลือกตั้งมา 10 สมัยไม่เคยสอบตก ไม่เคยถูกอภิปราย ไม่เคยทำอะไรเสียหายหรือคิดว่าจะเอาของคนอื่น ของหลวงของรัฐมาเป็นของตนเอง หรือไปบีบคั้นข่มขู่ใคร คนเต็มใจที่จะขายให้ ซึ่งตนไม่ได้เป็นผู้ซื้อ แต่เป็นบริษัทที่ซื้อไป

“คดีนี้ผมไม่เคยถูกสอบสวน และถูกฟ้องเป็นจำเลยที่หลังสุด ส่วนกรรมการและบริษัท ปาล์มบีช ไม่ถูกดำเนินคดีอ้างว่าหมดอายุความ แต่สวนผมคดีไม่หมดอายุความ แล้วนำพยานคดีอื่นๆกว่า 40 ปากมาเป็นพยานกล่าวหาผมว่าเอาถนนและคลองมาเป็นที่ดินตัวเอง ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้เป็นคนออกโฉนด และเจ้าพนักงานที่ดินก็ทำถูกต้องตามระเบียบกลับถูกไล่ออก อย่าทำ 2 ลักษณะเอาแต่อะไรที่เป็นประโยชน์มาใช้กล่าวหา ผมเป็นนักการเมืองมานาน 30-40 ปี ชื่อเสียงเกียรติยศวงศ์ตระกูลเสียหายย่อยยับ วันนี้ผมขอเรียกร้องคืน ประเทศไทยไม่เคยมีใครถูกลงโทษตาม ป.อาญา ม.148 ซึ่งมีโทษจำคุกตลอดชีวิต สูงสุดประหารชีวิต ถ้าผมทำผิดอย่าจำคุกตลอดชีวิตเลย เอาไปประหาร คนไม่ดีก็ต้องถูกประหาร ผมไม่ได้ท้าทาย” นายวัฒนากล่าวและว่า ผู้พิพากษาที่เป็นองค์คณะมีวัยวุฒิคุณวุฒิ เป็นครูบาอาจารย์ และเป็นผู้พิพากษาในศาลฎีกามีประสบการณ์การทำงานมานาน ตนจึงเชื่อและมั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวถาม นายวัฒนา ว่า ถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองอย่างไร นายวัฒนา ตอบว่า คุณก็รู้ดีว่าถูกกลั่นแกล้งอย่างไร คนรู้ทั้งประเทศ ก็ให้ยุบพรรคแล้วไปรวมกับพรรคอื่น คดีนี้คนที่ทำจริงๆถ้ายอมทุกอย่างก็ไม่ถูกฟ้องดำเนินคดี เกิดเป็นคนเราต้องมีศักดิ์ศรีความเป็นคน ซึ่งประเด็นนี้ต้องชี้ให้ศาลเห็นแน่นอน

เมื่อถามว่าที่กล่าวว่าถูกพรรคร่วมรัฐบาลกลั่นแกล้งจะมีปัญหาหรือไม่ นายวัฒนา ตอบว่า ความจริงเรื่องพรรคการเมืองไม่ควรเอามาเกี่ยวกับตัวบุคคลต้องแยกจากกัน พรรคการเมืองส่วนพรรคการเมือง ไม่เกี่ยวกับนายวัฒนา

เมื่อถามว่าหากได้ชี้แจงกับศาลเสร็จสิ้นแล้วศาลนัดฟังคำพิพากษาจะเดินทางมาหรือไม่ นายวัฒนา หัวเราะและตอบว่า “ใครสั่งให้มาถามเช่นนี้ ถามเช่นนี้ได้อย่างไร” ผู้สื่อข่าวถามว่ามีอดีตนักการเมืองหลบหนีการฟังคำพิพากษาหลายคนแล้ว นายวัฒนา กล่าวว่า “ผมยืนยันว่าผมจะเดินทางมาฟังคำพิพากษาอย่างแน่นอน ผมไม่ได้ทำผิดผมจะหลบหนีทำไม”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นายวัฒนา วันนี้ เดินทางมาศาลโดยสวมชุดสูทสีดำ ซึ่งมีสีหน้าท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส ขณะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเป็นเวลานานร่วม 20 นาที โดยไม่แสดงอาการความจำหลงลืม หรือการโต้ตอบเชื่องช้า ซึ่งการให้สัมภาษณ์นายวัฒนาพูดจาอย่างฉะฉาน คล่องแคล่ว โดยก่อนที่จะออกจากห้องพิจารณาคดีมาให้สัมภาษณ์ นายวัฒนา ได้แถลงต่อศาลขออนุญาตให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว เนื่องจากเกรงว่าศาลจะเข้าใจผิดว่าเหตุใดเมื่อแถลงว่าป่วยแล้วยังออกมาให้สัมภาษณ์ได้อีก อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้นายวัฒนา เคยมอบหมายให้ทนายยื่นคำร้องเพื่อขอเลื่อนการไต่สวนถึง 4 ครั้ง โดยอ้างเหตุว่านายวัฒนา มีอาการสับสนเฉียบพลัน หลงลืม สูญเสียความทรงจำชั่วคราว และการโต้ตอบเชื่องช้า เนื่องจากอาการโรคเส้นเลือดอุดตันที่ก้านสมอง

ขณะที่นายรักเกียรติ วัฒนพงษ์ เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กล่าวถึงกรณีที่องค์คณะผู้พิพากษาออกหมายเรียกหัวหน้าพรรคการเมือง รัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรี อดีตเจ้าพนักงานที่ดิน เข้าไต่สวนเป็นพยานเพิ่มเติม 10 ปากว่า การมาเป็นพยานถือเป็นหน้าที่ของพลเมือง ซึ่งขณะนี้พยานที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ได้ตอบรับที่จะมาเป็นพยานไต่สวนแล้ว ดังนั้นเพื่อความสะดวก ในการออกหมาย ส่งหมาย และเพื่อความสะดวกของผู้ที่จะต้องมาเป็นพยานเอง ขอให้ผู้ที่จะมาเป็นพยานติดต่อกลับมาที่แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของศาลฎีกา หมายเลข 02-2247749 เพื่อกำหนดวันที่จะเดินทางมาเป็นพยานต่อศาลตามวันที่ผู้นั้นว่าง ว่าจะเป็นวันที่ 2, 6 หรือ 8 พฤษภาคม ซึ่งองค์คณะกำหนดไว้เป็นวันไต่สวนพยานเพิ่มเติม
นายวัฒนา เดินทางไปศาล
ขออนุญาตศาลกลับก่อน
ยืนให้สัมภาษณ์ราว 20 นาที โดยไม่มีอาการ
กำลังโหลดความคิดเห็น