“สมพงษ์” ส่งผู้ต้องหาคดีเสพยาเสพติด 300 คน เข้าโครงการบังคับบำบัดนาน 4 เดือน เชื่อจะไม่กลับไปเสพอีก ขณะที่ราชทัณฑ์พร้อมสั่งดำเนินคดีเพื่อนนักโทษตุ๋ยนักโทษชาวลาวในเรือนจำลพบุรี หากพบผิดจริง
วันนี้ (6 พ.ค.) ที่เรือนจำกลางคลองเปรม นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวระหว่างเป็นประธานในพิธีส่งตัวผู้เสพยาเสพติดจำนวน 300 คน เข้ารับการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้ถูกจับกุมในคดีเสพยาเสพติดจาก 89 ชุมชนในพื้นที่ 35 เขตของกรุงเทพมหานคร โดยภายหลังการฝึกฝนเพื่อฟื้นฟูร่างกายเป็นระยะเวลา 4 เดือน เพื่อให้พ้นจากการเป็นทาสยาเสพติด จากนั้นผู้ต้องหาจะได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระและกลับเข้าสู่สังคมโดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเข้ารายงานตัวต่อกรมคุมประพฤติเดือนละ1 ครั้ง เป็นเวลา 2 เดือน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่คุมประพฤติจะติดตามพฤติกรรมของผู้ที่ผ่านการฟื้นฟูอย่างใกล้ชิด ซึ่งตนเชื่อว่าผู้ที่ผ่านการบำบัดอย่างต่อเนื่องตามโปรแกรม 4 เดือนจะไม่กลับไปติดยาเสพติดซ้ำอีก
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ยาเสพติดในขณะนี้มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม.และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และไม่ใช่ยาเสพติดที่จำกัดอยู่ในกลุ่มยาบ้าเพียงอย่างเดียวแต่มีความหลากหลายของการใช้สารเสพติดของนักท่องเที่ยวในสถานบันเทิงผู้คนในชุมชนแออัด และกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ซึ่งสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้ประมาณการว่ามีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดใน กทม.ถึง 91,658 คน ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นผู้เสพ 82,780 คน ขณะที่การแก้ไขและบำบัดผู้เสพยังมีปัญหาสถานที่ควบคุมตัวระหว่างรอการพิสูจน์และฟื้นฟูสมรรถภาพไม่เพียงพอทำให้ต้องปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ผ่านการบำบัดรักษา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ติดยาเสพติดที่เข้าสู่ระบบการบำบัดให้พ้นจากยาเสพติด ผู้ต้องหารายหนึ่งได้ร้องเรียนต่อนายสมพงษ์ว่าตนถูกจับกุมในคดีเสพยาเสพติดเป็นครั้งแรกไม่ต้องการเข้ารับการบำบัดนานถึง 4 เดือน ซึ่งอาจทำให้ต้องถูกให้ออกจากงานจึงพยายามขอประกันตัวเพื่อจะกลับไปทำงานตามปกติ ซึ่งนายสมพงษ์ได้แนะนำให้รับการฟื้นฟูร่างกายตามโปรแกรมการรักษา เมื่อครบกำหนดจะมอบหมายให้กรมราชทัณฑ์จัดหางานให้
นอกจากนี้ นายสมพงษ์กล่าวถึงกรณีนักโทษชายชาวลาวในเรือนจำจังหวัดลพบุรีร้องเรียนว่าถูกเพื่อนนักโทษล่วงละเมิดทางเพศขณะถูกคุมขังในเรือนจำว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่จะมอบหมายให้กรมราชทัณฑ์เร่งตรวจสอบและนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
ทางด้าน นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า หากเรือนจำตรวจสอบพบว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศ ในเบื้องต้นจะสั่งให้แยกนักโทษชาวลาวไปคุมขังในแดนอื่น เพื่อเป็นมาตรการด้านความปลอดภัย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่เรือนจำจะสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจะแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศและกระทำอนาจารผู้อื่น
วันนี้ (6 พ.ค.) ที่เรือนจำกลางคลองเปรม นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวระหว่างเป็นประธานในพิธีส่งตัวผู้เสพยาเสพติดจำนวน 300 คน เข้ารับการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้ถูกจับกุมในคดีเสพยาเสพติดจาก 89 ชุมชนในพื้นที่ 35 เขตของกรุงเทพมหานคร โดยภายหลังการฝึกฝนเพื่อฟื้นฟูร่างกายเป็นระยะเวลา 4 เดือน เพื่อให้พ้นจากการเป็นทาสยาเสพติด จากนั้นผู้ต้องหาจะได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระและกลับเข้าสู่สังคมโดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเข้ารายงานตัวต่อกรมคุมประพฤติเดือนละ1 ครั้ง เป็นเวลา 2 เดือน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่คุมประพฤติจะติดตามพฤติกรรมของผู้ที่ผ่านการฟื้นฟูอย่างใกล้ชิด ซึ่งตนเชื่อว่าผู้ที่ผ่านการบำบัดอย่างต่อเนื่องตามโปรแกรม 4 เดือนจะไม่กลับไปติดยาเสพติดซ้ำอีก
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ยาเสพติดในขณะนี้มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม.และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และไม่ใช่ยาเสพติดที่จำกัดอยู่ในกลุ่มยาบ้าเพียงอย่างเดียวแต่มีความหลากหลายของการใช้สารเสพติดของนักท่องเที่ยวในสถานบันเทิงผู้คนในชุมชนแออัด และกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ซึ่งสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้ประมาณการว่ามีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดใน กทม.ถึง 91,658 คน ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นผู้เสพ 82,780 คน ขณะที่การแก้ไขและบำบัดผู้เสพยังมีปัญหาสถานที่ควบคุมตัวระหว่างรอการพิสูจน์และฟื้นฟูสมรรถภาพไม่เพียงพอทำให้ต้องปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ผ่านการบำบัดรักษา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ติดยาเสพติดที่เข้าสู่ระบบการบำบัดให้พ้นจากยาเสพติด ผู้ต้องหารายหนึ่งได้ร้องเรียนต่อนายสมพงษ์ว่าตนถูกจับกุมในคดีเสพยาเสพติดเป็นครั้งแรกไม่ต้องการเข้ารับการบำบัดนานถึง 4 เดือน ซึ่งอาจทำให้ต้องถูกให้ออกจากงานจึงพยายามขอประกันตัวเพื่อจะกลับไปทำงานตามปกติ ซึ่งนายสมพงษ์ได้แนะนำให้รับการฟื้นฟูร่างกายตามโปรแกรมการรักษา เมื่อครบกำหนดจะมอบหมายให้กรมราชทัณฑ์จัดหางานให้
นอกจากนี้ นายสมพงษ์กล่าวถึงกรณีนักโทษชายชาวลาวในเรือนจำจังหวัดลพบุรีร้องเรียนว่าถูกเพื่อนนักโทษล่วงละเมิดทางเพศขณะถูกคุมขังในเรือนจำว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่จะมอบหมายให้กรมราชทัณฑ์เร่งตรวจสอบและนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
ทางด้าน นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า หากเรือนจำตรวจสอบพบว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศ ในเบื้องต้นจะสั่งให้แยกนักโทษชาวลาวไปคุมขังในแดนอื่น เพื่อเป็นมาตรการด้านความปลอดภัย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่เรือนจำจะสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจะแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศและกระทำอนาจารผู้อื่น
