วิศวกรปืนโหดกระหน่ำยิงเพื่อนบ้านอริเก่าดับอนาถ 4 ศพ สาหัส 1 เผยคู่กรณีเคยมีเรื่องบาดหมางถึงขั้นฟ้องร้องก่อนมีปากเสียงกันมาตลอด จนล่าสุดเห็นกลุ่มผู้ตายเดินผ่านหน้าบ้านเกิดทะเลาะวิวาทชกต่อยชุลมุน จึงคว้าปืนกระหน่ำยิงไม่เลี้ยงชำระแค้น ก่อนขึ้น จยย.หลบหนีไป ตำรวจเตรียมขอหมายจับล่าตัวดำเนินคดี
วันนี้ (29 เม.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. พ.ต.ต.ไตรมิตร วงศ์พรประดิษฐ์ สารวัตรเวร สภ.สำโรงใต้ รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายคน ภายในซอยกุศลส่งสามัคคี หมู่ 4 ต.สำโรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ แจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ภวัต พรมมะกฤต รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.นริศวร์ ละม้ายอินทร์ ผกก.สภ.สำโรงใต้ พ.ต.ท.ณรงค์ชัย ฉายแสง รอง ผกก.ปป.สภ.สำโรงใต้ พ.ต.ท.สง่า ธีรศรัณยานนท์ รอง ผกก.สส.สภ.สำโรงใต้ พ.ต.ต.ภาสกร มังกรแก้ว สว.สส.สภ.สำโรงใต้ แพทย์นิติเวช รพ.บางจาก และมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 219/18 หมู่ 4 ต.สำโรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบกองเลือดขนาดใหญ่ที่พื้น และมีร่องรอยการต่อสู้ นอกจากนี้ยังพบจอบ 1 ด้าม และปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.10 ปลอกตกอยู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อ คือ น.ส.พัชราวรรณ จันทรัตน์ อายุ 52 ปี นางสำเนา จันทรัตน์ อายุ 62 ปี และนางจิราภา จันทรัตน์ อายุ 56 ปี ถูกยิงเข้าตามร่างกายหลายแห่งอาการสาหัส พลเมืองดีนำส่ง รพ.สำโรงการแพทย์ไปก่อนหน้านี้ แต่นางสำเนาและนางจิราภาทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล
ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถัดไปจากบ้านหลังดังกล่าวประมาณ 60 เมตร บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 128/31 ซึ่งเป็นร้านขายของชำ พบผู้เสียชีวิตอีก 2 คน ทราบชื่อคือ นายตรีเนศ สุริยันพันธ์พงษ์ อายุ 24 ปี และนายรุ่งโรจน์ ศรุติพันธ์ อายุ 21 ปี ถูกยิงเข้าที่ศีรษะและกลางหลัง
สอบสวน น.ส.สมบัติ จันทรัตน์ อายุ 48 ปี น้องสาวของนางสำเนา ให้การว่า ผู้ตายและผู้บาดเจ็บเป็นญาติกันทั้งหมด พักอยู่บ้านเลขที่ 219/41 ซึ่งมีรั้วบ้านติดกับบ้านผู้ก่อเหตุ ก่อนเกิดเหตุเมื่อคืนวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ตายทั้งหมดนั่งรับประทานอาหารที่บ้านพักเลขที่ 219/41 จากนั้นกลุ่มผู้ตายและผู้บาดเจ็บได้ไปส่งนายตรีธเนศและรุ่งโรจน์ขึ้นรถแท็กซี่ บริเวณปากทาง เพื่อกลับบ้านที่ ซอยลาซาล เขตบางนา กทม. แต่ระหว่างทางต้องเดินผ่านหน้าบ้านเลขที่ 219/18 ซึ่งเป็นบ้านพักของนายอภิเชษฐ์ นวลสำลี อายุ 35 ปี อาชีพวิศวกรไฟฟ้า ซึ่งเคยมีคดีความฟ้องร้องกันเรื่องทำร้ายร่างกายตั้งแต่ปี 2548 ทำให้มีปากเสียงกันเรื่อยมา
“ตอนเกิดเหตุดิฉันนั่งอยู่ในบ้าน และได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดจึงวิ่งออกมาดู พบว่าพี่สาวทั้ง 3 คน นอนจมกองเลือดอยู่หน้าบ้านของนายอภิเชษฐ์ จึงนำผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คนส่งรักษาโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วน นอกจากนี้ยังพบรอยเลือดไหลหยดเป็นทางยาวไปถึงร้านขายของชำเมื่อตามเข้าไปดูก็พบว่านายตรีเนศและนายรุ่งโรจน์เสียชีวิตแล้ว จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที” น.ส.สมบัติกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ประสงค์ จันทรัตน์ รองผู้กำกับกลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.สุพรรณบุรี กล่าวว่า นางสำเนาและนางจิราภา ผู้ตายทั้งสองคนเป็นน้าสาว หลังจากเกิดเหตุได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากญาติว่า คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงน้าสาวเสียชีวิต จึงรีบเดินทางมาดู และไม่คิดว่าจะทำกันถึงขนาดนี้ ส่วนนายอภิเชษฐ์ มือปืนที่ก่อเหตุ เคยมีคดีความฟ้องร้องกับที่บ้านในข้อหาทำร้ายร่างกาย โดยน้าสาวเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอภิเชษฐ์ ซึ่งคดีสิ้นสุดไปแล้ว แต่ที่ผ่านมาทราบมาตลอดว่า ทุกครั้งที่น้าสาวเดินผ่านหน้าบ้านนายอภิเชษฐ์ก็จะมีปากเสียงกันตลอด
ด้าน พล.ต.ต.วิทยา ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ กล่าวว่า สาเหตุที่คนร้ายยิงใส่กลุ่มผู้ตายมาจากความไม่พอใจส่วนตัวกับบ้านของกลุ่มผู้ตาย เพราะเคยมีคดีฟ้องร้องเรื่องทำร้ายร่างกายกันมาก่อนหน้านี้ โดยก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้ตายเดินผ่านหน้าบ้านผู้ก่อเหตุ ซึ่งกำลังถือจอบพรวนดินและถางหญ้าอยู่บริเวณหน้าบ้าน จากนั้นได้มีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันถึงขั้นลงไม้ลงมือ กระทั่งผู้ก่อเหตุกลับเข้าบ้านไปเอาอาวุธปืนออกมาไล่ยิง น.ส.พัชราวรรณ และผู้ตายทั้งสองคือ นางสำเนาและนางจิราภา จากนั้นยังวิ่งตามไปไล่ยิงนายตรีเนศ และนายรุ่งโรจน์ เสียชีวิตที่หน้าร้านขายของชำ ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อไทเกอร์-สมาร์ท สีแดง ทะเบียน บบจ 976 กทม.หลบหนีไป
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมขออนุมัติหมายจับกุมนายอภิเชษฐ์ผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
