นักเรียน ปวส.ก่อเหตุสลด บุกยิงนักเรียนสาวพริตตี้มอเตอร์โชว์ สดๆ ร้อนๆ ที่ไปฝึกงาน สน.พระโขนง ดับแล้วจ่อขมับยิงตัวเองตายตามในโรงพัก ตำรวจน้อยใหญ่ปิดข้อมูล ด้วยมีข่าวนายตำรวจเข้าไปเกี่ยวพันเป็นมือที่ 3 จนฝ่ายหญิงบอกเลิกฝ่ายชาย เป็นชนวนเหตุฆาตกรรมหน้าโรงพัก เซ่นความรักสีดำ 2 ศพ
วันนี้ (8 เม.ย.) เมื่อเวลา 16.10 น. ขณะที่ ร.ต.อ.วุฒิพงษ์ ภาดี พนักงานสอบสวน (สบ.1) สน.พระโขนง กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก ได้ยินเสียงปืนดังมาจากด้านข้าง สน.ฝั่งหน้าบันไดทางขึ้นชั้น 2 จำนวนหลายนัด จึงรีบรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นรีบไปตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ พร้อม พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.5 พ.ต.อ.อาจินต์ จารุวร รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.สิทธิภาพ ใบประเสริฐ ผกก.สน.พระโขนง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน
ในที่เกิดเหตุ บริเวณดังกล่าว ตำรวจพบศพผู้เสียชีวิต 2 ศพ จึงประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลจุฬาฯ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งมาร่วมตรวจสอบ โดยรายแรกคือ น.ส.อมรทิพย์ โชติจิรกาล อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71/1 ถนนริมทางรถไฟสายปากน้ำ แขวงและเขตคลองเตย กทม. นักเรียน ปวช.ชั้นปีที่ 3 แผนกคอมพิวเตอร์ โรงเรียนเทคนิคศรีวัฒนาบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีนานาชาติ อยู่ระหว่างฝึกงานฝ่ายธุรการ สน.พระโขนง ทั้งยังเป็นพริตตี้งานมอเตอร์โชว์ 2008 ที่ผ่านมา และเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แก่ทางโรงเรียนด้วย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสภาพศพ น.ส.อมรทิพย์ อยู่ในสภาพนอนตะแคงซ้าย ในชุดนักเรียน สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว กระโปรงสีกรมท่า รองเท้าหนัง ตามร่างกายมีบาดแผลถูกยิงเข้าบริเวณสะบักหลัง ทะลุราวนมขวา 1 นัด และกลางศีรษะด้านหลัง 1 นัด ใกล้กันพบศพ นายจิรายุ มูลศรี อายุประมาณ 25 ปี นักศึกษาชั้น ปวส.ภาคค่ำโรงเรียนเดียวกัน ถูกยิงเข้าที่ขมับซ้ายทะลุขวา 1 นัด นอนหงายจมกองเลือด โดยสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้น สวมเสื้อกั๊กสีน้ำตาลทับอีกชั้น สวมกางเกงยีนส์ และที่ปลายเท้าขวานายจิรายุพบอาวุธปืนลูกโม่ .38 สีเงิน ตกอยู่ 1 กระบอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
นอกจากนี้ มีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย ถูกนำตัวส่ง รพ.สุขุมวิท ทราบต่อมาชื่อ น.ส.จันจิรา บุตรรชาลี อายุ 18 ปี นักเรียนโรงเรียนศรีวิกรม์บริหารธุรกิจ ที่มาฝึกงานยังโรงพักเช่นเดียวกัน ถูกกระสุนปืนถากโหนกแก้มซ้ายได้รับบาดเจ็บ ส่วนบริเวณประตูกระจกทางเข้า สน.ถูกกระสุนยิงทะลุ 1 นัด ไปถูกหมวกตำรวจที่วางอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์โรงพัก ห่างไปประมาณ 10 เมตร ได้รับความเสียหาย
จากการสอบถาม จ.ส.ต.สิทธิเดช อนุสาร ผบ.หมู่ ป.โรงพักดังกล่าวที่เห็นเหตุการณ์และอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 15.30 น.เห็นผู้ตายทั้ง 2 คนยืนทะเลาะกันอย่างรุนแรง และมีการยื้อยุดฉุดกระชากกันบริเวณจุดเกิดเหตุ จึงได้เข้าไปเตือนว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ราชการไม่ควรที่จะมาทะเลาะกันอย่างรุนแรง และยังบอกให้ทั้งคู่กลับไปคุยกันที่บ้าน โดยได้ยินฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายขอบอกเลิกฝ่ายชาย จากนั้นเห็นทั้งคู่ขึ้นไปเคลียร์กันบนชั้น 2 ของโรงพัก จนกระทั่งเวลา 16.10 น.ขณะที่ตนออกเวรแล้วและกำลังจะกลับบ้าน ได้ยืนอยู่หลังประตูกระจกบริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งมองเห็นฝ่ายหญิงยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่ฝึกงานด้วยกัน ส่วนฝ่ายชายนั่งอยู่ในรถฮอนด้าซีอาร์-วี สีน้ำเงิน ทะเบียน กม-3798 เชียงใหม่ จากนั้นเห็นฝ่ายชายลงมาจากรถและได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ก็เห็นฝ่ายหญิงล้มลง และมีเสียงปืนดังตามมาอีกหลายนัด โดยฝ่ายชายไล่ยิงกลุ่มเพื่อนผู้ตาย ซึ่งกระสุนไปเฉี่ยวแก้มผู้บาดเจ็บ 1 นัด ทะลุกระจกไปถูกหมวกตำรวจ 1 นัด จากนั้นเห็นฝ่ายชายเดินตรงเข้าไปหาฝ่ายหญิง โดยฝ่ายหญิงยกมือร้องขอชีวิต แต่ฝ่ายชายไม่ฟัง จ่อยิงซ้ำที่ศีรษะอีก 1 นัด จึงรีบผลักประตูกระจกออกไป พร้อมตะโกนว่าทำอะไรลงไป ให้รีบวางปืนลงเดี๋ยวนี้ แต่ฝ่ายชายไม่ฟังอีก ใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันจ่อเข้าที่ขมับซ้าย แล้วลั่นไกปลิดชีวิตตนเองในที่เกิดเหตุ
มีรายงานว่า ทั้ง น.ส.อมรทิพย์ และนายจิรายุมีความสนิทสนมคบหาเป็นแฟนกันอยู่ แต่ภายหลังเมื่อฝ่าย น.ส.อมรทิพย์ มาฝึกงานด้านธุรการที่ สน.พระโขนง ทั้งคู่ก็มักมีปากเสียงและทะเลาะกันเป็นประจำเนื่องจากทางฝ่ายหญิงมีนายตำรวจเข้ามาติดพัน และนายตำรวจคนดังกล่าวยังได้ขับรถไปส่งฝ่ายหญิงหลายครั้ง จึงเกิดเรื่องหึงหวงจนฝ่ายชายตามมาเคลียร์ถึงโรงพัก แต่เคลียร์ไม่จบ ได้ก่อเหตุสลดดังกล่าวขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า คดีฆาตกรรมกันในพื้นที่ สน.พระโขนง ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่ค่อยได้รับความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่าที่ควร ทั้งในส่วนของเรื่องข้อมูล และการบันทึกภาพ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีตำรวจของโรงพักดังกล่าวเข้าไปเกี่ยวพันเป็นมือที่ 3 ด้วยก็อาจเป็นได้
ด้าน พ.ต.อ.อาจินต์ จารุวร รอง ผบก.น.5 กล่าวว่า สาเหตุน่าจะมาจากเรื่องหึงหวง เนื่องจากผู้ตายมาฝึกงานที่ สน.พระโขนง ฝ่ายธุรการได้ประมาณ 1 เดือน โดยมีฝ่ายชายมารอรับเป็นประจำ และเคยมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง โดยในวันนี้ทั้งสองคนมีปากเสียงกันอีกจนมีการขึ้นไปไกล่เกลี่ยกันที่ฝ่ายธุรการชั้น 2 ก่อนที่ทั้งสองคนจะลงเดินกลับออกมา และมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
สำหรับ น.ส.อมรทิพย์ หรือเนเน่ เคยประกวดและเข้ารอบมิสทีนไทยแลนด์มาแล้ว อีกทั้งยังเป็นดาวของโรงเรียน ประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน และร่วมทำกิจกรรมต่างๆมาโดยตลอด เพิ่งมาหารายได้พิเศษด้วยการเป็นพริตตี้มอเตอร์โชว์ช่วงปิดเทอมเป็นปีแรก โดยตั้งใจว่าจะเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยศรีนคิรนทรวิโรฒ (มศว) ด้านการแสดง เพราะอนาคตต้องการจะเป็นผู้กำกับการแสดง
ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.mediathai.net
วันนี้ (8 เม.ย.) เมื่อเวลา 16.10 น. ขณะที่ ร.ต.อ.วุฒิพงษ์ ภาดี พนักงานสอบสวน (สบ.1) สน.พระโขนง กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก ได้ยินเสียงปืนดังมาจากด้านข้าง สน.ฝั่งหน้าบันไดทางขึ้นชั้น 2 จำนวนหลายนัด จึงรีบรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นรีบไปตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ พร้อม พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.5 พ.ต.อ.อาจินต์ จารุวร รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.สิทธิภาพ ใบประเสริฐ ผกก.สน.พระโขนง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน
ในที่เกิดเหตุ บริเวณดังกล่าว ตำรวจพบศพผู้เสียชีวิต 2 ศพ จึงประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลจุฬาฯ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งมาร่วมตรวจสอบ โดยรายแรกคือ น.ส.อมรทิพย์ โชติจิรกาล อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71/1 ถนนริมทางรถไฟสายปากน้ำ แขวงและเขตคลองเตย กทม. นักเรียน ปวช.ชั้นปีที่ 3 แผนกคอมพิวเตอร์ โรงเรียนเทคนิคศรีวัฒนาบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีนานาชาติ อยู่ระหว่างฝึกงานฝ่ายธุรการ สน.พระโขนง ทั้งยังเป็นพริตตี้งานมอเตอร์โชว์ 2008 ที่ผ่านมา และเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แก่ทางโรงเรียนด้วย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสภาพศพ น.ส.อมรทิพย์ อยู่ในสภาพนอนตะแคงซ้าย ในชุดนักเรียน สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว กระโปรงสีกรมท่า รองเท้าหนัง ตามร่างกายมีบาดแผลถูกยิงเข้าบริเวณสะบักหลัง ทะลุราวนมขวา 1 นัด และกลางศีรษะด้านหลัง 1 นัด ใกล้กันพบศพ นายจิรายุ มูลศรี อายุประมาณ 25 ปี นักศึกษาชั้น ปวส.ภาคค่ำโรงเรียนเดียวกัน ถูกยิงเข้าที่ขมับซ้ายทะลุขวา 1 นัด นอนหงายจมกองเลือด โดยสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้น สวมเสื้อกั๊กสีน้ำตาลทับอีกชั้น สวมกางเกงยีนส์ และที่ปลายเท้าขวานายจิรายุพบอาวุธปืนลูกโม่ .38 สีเงิน ตกอยู่ 1 กระบอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
นอกจากนี้ มีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย ถูกนำตัวส่ง รพ.สุขุมวิท ทราบต่อมาชื่อ น.ส.จันจิรา บุตรรชาลี อายุ 18 ปี นักเรียนโรงเรียนศรีวิกรม์บริหารธุรกิจ ที่มาฝึกงานยังโรงพักเช่นเดียวกัน ถูกกระสุนปืนถากโหนกแก้มซ้ายได้รับบาดเจ็บ ส่วนบริเวณประตูกระจกทางเข้า สน.ถูกกระสุนยิงทะลุ 1 นัด ไปถูกหมวกตำรวจที่วางอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์โรงพัก ห่างไปประมาณ 10 เมตร ได้รับความเสียหาย
จากการสอบถาม จ.ส.ต.สิทธิเดช อนุสาร ผบ.หมู่ ป.โรงพักดังกล่าวที่เห็นเหตุการณ์และอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 15.30 น.เห็นผู้ตายทั้ง 2 คนยืนทะเลาะกันอย่างรุนแรง และมีการยื้อยุดฉุดกระชากกันบริเวณจุดเกิดเหตุ จึงได้เข้าไปเตือนว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ราชการไม่ควรที่จะมาทะเลาะกันอย่างรุนแรง และยังบอกให้ทั้งคู่กลับไปคุยกันที่บ้าน โดยได้ยินฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายขอบอกเลิกฝ่ายชาย จากนั้นเห็นทั้งคู่ขึ้นไปเคลียร์กันบนชั้น 2 ของโรงพัก จนกระทั่งเวลา 16.10 น.ขณะที่ตนออกเวรแล้วและกำลังจะกลับบ้าน ได้ยืนอยู่หลังประตูกระจกบริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งมองเห็นฝ่ายหญิงยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่ฝึกงานด้วยกัน ส่วนฝ่ายชายนั่งอยู่ในรถฮอนด้าซีอาร์-วี สีน้ำเงิน ทะเบียน กม-3798 เชียงใหม่ จากนั้นเห็นฝ่ายชายลงมาจากรถและได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ก็เห็นฝ่ายหญิงล้มลง และมีเสียงปืนดังตามมาอีกหลายนัด โดยฝ่ายชายไล่ยิงกลุ่มเพื่อนผู้ตาย ซึ่งกระสุนไปเฉี่ยวแก้มผู้บาดเจ็บ 1 นัด ทะลุกระจกไปถูกหมวกตำรวจ 1 นัด จากนั้นเห็นฝ่ายชายเดินตรงเข้าไปหาฝ่ายหญิง โดยฝ่ายหญิงยกมือร้องขอชีวิต แต่ฝ่ายชายไม่ฟัง จ่อยิงซ้ำที่ศีรษะอีก 1 นัด จึงรีบผลักประตูกระจกออกไป พร้อมตะโกนว่าทำอะไรลงไป ให้รีบวางปืนลงเดี๋ยวนี้ แต่ฝ่ายชายไม่ฟังอีก ใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันจ่อเข้าที่ขมับซ้าย แล้วลั่นไกปลิดชีวิตตนเองในที่เกิดเหตุ
มีรายงานว่า ทั้ง น.ส.อมรทิพย์ และนายจิรายุมีความสนิทสนมคบหาเป็นแฟนกันอยู่ แต่ภายหลังเมื่อฝ่าย น.ส.อมรทิพย์ มาฝึกงานด้านธุรการที่ สน.พระโขนง ทั้งคู่ก็มักมีปากเสียงและทะเลาะกันเป็นประจำเนื่องจากทางฝ่ายหญิงมีนายตำรวจเข้ามาติดพัน และนายตำรวจคนดังกล่าวยังได้ขับรถไปส่งฝ่ายหญิงหลายครั้ง จึงเกิดเรื่องหึงหวงจนฝ่ายชายตามมาเคลียร์ถึงโรงพัก แต่เคลียร์ไม่จบ ได้ก่อเหตุสลดดังกล่าวขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า คดีฆาตกรรมกันในพื้นที่ สน.พระโขนง ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่ค่อยได้รับความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่าที่ควร ทั้งในส่วนของเรื่องข้อมูล และการบันทึกภาพ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีตำรวจของโรงพักดังกล่าวเข้าไปเกี่ยวพันเป็นมือที่ 3 ด้วยก็อาจเป็นได้
ด้าน พ.ต.อ.อาจินต์ จารุวร รอง ผบก.น.5 กล่าวว่า สาเหตุน่าจะมาจากเรื่องหึงหวง เนื่องจากผู้ตายมาฝึกงานที่ สน.พระโขนง ฝ่ายธุรการได้ประมาณ 1 เดือน โดยมีฝ่ายชายมารอรับเป็นประจำ และเคยมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง โดยในวันนี้ทั้งสองคนมีปากเสียงกันอีกจนมีการขึ้นไปไกล่เกลี่ยกันที่ฝ่ายธุรการชั้น 2 ก่อนที่ทั้งสองคนจะลงเดินกลับออกมา และมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
สำหรับ น.ส.อมรทิพย์ หรือเนเน่ เคยประกวดและเข้ารอบมิสทีนไทยแลนด์มาแล้ว อีกทั้งยังเป็นดาวของโรงเรียน ประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน และร่วมทำกิจกรรมต่างๆมาโดยตลอด เพิ่งมาหารายได้พิเศษด้วยการเป็นพริตตี้มอเตอร์โชว์ช่วงปิดเทอมเป็นปีแรก โดยตั้งใจว่าจะเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยศรีนคิรนทรวิโรฒ (มศว) ด้านการแสดง เพราะอนาคตต้องการจะเป็นผู้กำกับการแสดง
ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.mediathai.net