xs
xsm
sm
md
lg

“สารวัตร” ยันไม่เคยลึกซึ้งกับพริตตี้สาว-พ่อแม่ “เนเน่” ใจสลาย!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

สารวัตรอำนวยการ สน.พระโขนง ยืนยันไม่เคยมีสัมพันธ์ หรือเป็นมือที่ 3 ที่ทำให้สาวพริตตี้ นักเรียนฝึกงานถูกแฟนหนุ่มสังหารโหด ขณะที่พ่อน้องเนเน่ วอนขอลูกสาวเป็นศพสุดท้าย สำหรับการตัดสินปัญหาด้วยความรุนแรงของวัยรุ่น


วันนี้ (9 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น.พ.ต.ต.ภัทรวุฒิ สุนทรศารทูล สว.อก.สน.พระโขนง ในฐานะผู้รับผิดชอบดูแลการฝึกงานของ น.ส.อมรทิพย์ หรือ น้องเนเน่ โชติจิรกาล อายุ 19 ปี ว่า น.ส.อมรทิพย์ มาฝึกงานที่ฝ่ายธุรการของ สน.พระโขนง ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เสร็จสิ้นการฝึกงานสิ้นเดือน เม.ย.นี้ โดยการมาฝึกงานที่ สน.พระโขนง นั้น เป็นการเลือกของเจ้าตัวเองที่ได้เลือกตามลิสต์รายชื่อสถานที่ราชการที่ทางโรงเรียนได้กำหนดไว้ให้นักเรียนเข้าฝึกงานในหน่วยภาครัฐ เนื่องจากว่าจะสามารถควบคุมความประพฤติของนักเรียนไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางได้ โดยทาง สน.พระโขนง ได้รับความไว้วางจากในจากโรงเรียนของผู้ตายมาตลอดทุกปี ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดเรื่องขึ้นแต่อย่างใด

พ.ต.ต.ภัทรวุฒิ กล่าวต่อว่า ตนเองจะให้ความเสมอภาคกับนักศึกษาฝึกงานทุกคนเท่าเทียมกัน ทุกคนจะได้รับมอบหมายงานทำเท่าๆ กันทุกคน เพราะคิดว่าหากมาฝึกแล้วก็ควรจะเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพออกไป นอกเหนือจากเวลางานนั้น ถ้ามีนักเรียนฝึกงานมาปรึกษาปัญหาก็จะให้คำแนะนำไป นอกจากนี้ จะก็คอยดูแลทุกคนเหมือนกับเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครอง โดยตอนแรกที่ฝ่ายหญิงมาเริ่มฝึกงานนั้นตนก็ยังไม่สนิทเท่าไหร่ แต่ทราบว่าฝ่ายหญิงมีปัญหากับฝ่ายชายอยู่ก่อนแล้ว โดยมักจะนำเรื่องไปปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงฝ่ายธุรการที่สนิทสนมด้วยตลอด จนกระทั่งฝ่ายหญิงได้มาปรึกษากับตนจึงได้ทราบปัญหาของทั้งคู่

“เท่าที่ทราบทั้งสองฝ่ายคบหากันมาประมาณปีเศษ มีการไปมาหาสู่ที่บ้านฝ่ายชายมาตลอด แต่ด้วยความที่ฝ่ายหญิงเป็นคนหน้าตาดี มักจะได้งานเป็นพริตตี้ หรือประชาสัมพันธ์อยู่เป็นประจำ เลยทำให้มีปากเสียงทะเลาะกันอยู่เรื่อย จนครั้งล่าสุดที่งานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา ฝ่ายชายเป็นคนติดต่อหางานให้ฝ่ายหญิงไปเป็นพริตตี้ให้รถยี่ห้อหนึ่ง โดยมีการไปรับส่งอยู่ตลอด แต่วันที่ทั้งคู่เกิดทะเลาะกันอย่างรุนแรง ก็เนื่องจากฝ่ายชายมาพบว่ามีลูกค้าผู้ชายมาขอถ่ายรูปกับผู้ตาย จึงเกิดทะเลาะกันอย่างรุนแรงภายในงาน สร้างความไม่พอใจกับฝ่ายหญิงอย่างมาก ไม่ยอมไปมาหาสู่ หรือติดต่อกันอีกเลย ถึงขนาดที่ว่าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น เป็นวันเกิดของฝ่ายชาย แต่ฝ่ายหญิงก็ไม่ยอมไปพบหน้า หรืออวยพรวันเกิดแต่อย่างใด จึงเดินทางมาหาที่ สน.เมื่อวานนี้” พ.ต.ต.ภัทรวุฒิ กล่าว

พ.ต.ต.ภัทรวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุการณ์เมื่อวานนี้นั้น เริ่มตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น.ฝ่ายชายได้มาหาฝ่ายหญิงที่ สน.หลังจากไม่ได้เจอหน้ากันเลยตั้งแต่งานมอเตอร์โชว์ เมื่อมาถึงตนก็ให้ทั้งสองคนเข้าไปนั่งคุยปรับความเข้าใจกันในห้องประชุมของโรงพัก โดยที่ตนไม่ได้เข้าไปยุ่งด้วย แต่ระหว่างนั้นได้ให้เพื่อนักศึกษาฝึกงานด้วยกันไปสังเกตการณ์อยู่ตลอด ซึ่งเพื่อนก็บอกว่าดูแล้วท่าทางจะไม่มีปัญหา ตนเลยเข้าไปเคาะห้องสอบถามว่าตกลงกันว่าอย่างไร ฝ่ายชายก็บอกว่าจะขอปรับเนื้อปรับตัว แต่ฝ่ายหญิงกลับบอกว่าจะขอเป็นแค่เพื่อนกัน ทำให้รู้ว่าทั้งสองฝ่ายอาจจะยังตกลงกันไม่ได้

หลังจากนั้น ฝ่ายหญิงก็กลับเข้ามาทำงานตามปกติ แต่ฝ่ายชายก็ไม่ยอมกลับ ยังนั่งรอฝ่ายหญิงอยู่ที่หน้าห้องทำงาน ตนก็ออกไปเตือนแล้วว่าเป็นผู้ชายมานั่งเฝ้าผู้หญิงแบบนี้มันไม่ดี จนกระทั่งฝ่ายหญิงก็มาบอกตนว่าฝ่ายชายชวนไปกินข้าว จากนั้นก็จะเข้าไปโรงเรียนต่อ ตนดูเวลาแล้วก็เห็นว่า บ่าย 3 โมงกว่าแล้วใกล้เลิกงาน จึงปล่อยให้ทั้งคู่ออกไปข้างนอกกัน โดยที่ไม่รู้ว่าทั้งสองคนไปไหนแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างนั้น แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าฝ่ายหญิงอาจจะขอฝ่ายชายเลิก เพราะช่วงเวลาประมาณ 16.00 น.ตนได้ยินเสียงดังลั่นมาจากบันไดทางลงชั้นล่าง พอออกมาดูก็เห็นทั้งสองคนกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันรุนแรงอยู่บริเวณดังกล่าว

พ.ต.ต.ภัทรวุฒิ กล่าวต่อว่า เมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปห้ามปราม พร้อมกับกอดคอฝ่ายชายให้สงบสติอารมณ์ ก่อนพาลงมาที่ชั้นล่าง จากนั้นเจ้าตัวก็เดินกลับไปนั่งที่รถ จากนั้นก็ถามฝ่ายหญิงว่าจะเอาอย่างไร จังหวะนั้นมีเพื่อนรุ่นพี่ของฝ่ายหญิง 2 คนที่ฝึกงานอยู่ที่ สน.เดินเข้ามาบอกฝ่ายหญิงว่ากำลังจะไปโรงเรียน ก็เลยชวนฝ่ายหญิงไปด้วยกัน ทำให้ตนสบายใจขึ้น เพราะคิดว่าหน้าที่ตนหมดแล้ว เลยเดินเลี้ยวซ้ายออกจากจุดเกิดเหตุตรงไปที่รถ เพื่อจะเดินทางไปธุระ แต่เมื่อหันมาอีกทีก็เห็นฝ่ายชายวิ่งลงมาจากรถ ตรงเข้าหาฝ่ายหญิง โดยถือปืนมาด้วย ตนจึงรีบตะโกนให้ฝ่ายหญิงระวังตัว พร้อมกลับรีบหันไปหยิบปืนในรถออกมา

“หลังจากนั้น ผมได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด พอหันไปก็เห็นทิพย์ถูกยิงล้มลงกับพื้นแล้ว ส่วนฝ่ายชายไม่เห็นว่าอยู่ไหน เลยรีบวิ่งเข้าไปดูก็พบว่าทิพย์เขายังมีลมหายใจอยู่ เลยบอกกับเขาว่า ทิพย์พี่ขอโทษนะ พี่ทำดีที่สุดแล้ว แก้ไขปัญหาได้แค่นี้ คิดว่าทำบุญมาเท่านี้นะ หลับให้สบายนะทิพย์ แล้วเขาก็สิ้นใจ ส่วน จิรายุ นั้น ตอนแรกผมหาเขาไม่เจอ แต่หลังจากนั้น มีตำรวจตะโกนว่ามันยิงตัวตายแล้วครับ พอหันไปเลยเห็นว่าเขายิงตัวตายอยู่ข้างๆ แล้ว ตอนนั้นถ้าหยิบปืนทัน ผมก็ต้องยิง เป็นตำรวจคนไหนในโรงพักก็ต้องยิง เพราะไม่รู้ว่าเขาคลั่งแล้วจะไปทำร้ายใครอีกหรือเปล่า ผมคิดว่าโชคดีนะที่ผมไม่ได้ยิงใส่เขาไป เพราะถ้าเมื่อวานผมยิงเขา เรื่องจะออกมาเป็นคนละแบบเลย ผมต้องถูกมองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยแน่นอน” พ.ต.ต.ภัทรวุฒิ กล่าว

พ.ต.ต.ภัทรวุฒิ กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องที่มีข่าวว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นมือที่ 3 ของทั้งสองฝ่ายนั้น ก่อนที่จะมีกลุ่มนักศึกษามาฝึกงานที่โรงพักนั้น ตนได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจในฝ่ายแล้ว โดยกำชับไม่ให้เกิดเรื่องในทำนองชู้สาวขึ้น พร้อมทั้งบอกนักศึกษาฝึกงานที่เป็นฝ่ายหญิงทุกคนด้วยว่า หากมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้ว ทำให้เกิดความอึดอัดไม่สบายใจ ให้มาบอกตนโดยตรง ซึ่งเท่าที่ผ่านมาตนตอบไม่ได้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนใดชอบฝ่ายหญิงหรือไม่ แต่ในเชิงพฤติกรรมที่จะแสดงให้เห็นนั้นตอบได้ว่าไม่มี แต่หลังเวลางานนั้นอยู่นอกเหนือที่ตนจะรู้ได้ โดยส่วนตัวตนมีเบอร์โทรศัพท์ของนักเรียนฝึกงานทุกคนไว้คอยเช็ก ถ้าหากไม่มาทำงานก็จะโทร.ไปสอบถามกับนักเรียนคนนั้นๆ แต่ตนไม่เคยโทร.เอง จะให้ตำรวจหญิงเป็นผู้โทร.ตลอด เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีนักเรียน 2 คนมาขอฝึกงานแล้วไม่เคยเห็นหน้าเลย จึงต้องทำเรื่องส่งตัวกลับทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน หลังจากนี้ ก็ยังคงจะรับนักเรียนฝึกงานมาฝึกต่อ ในส่วนตัวเห็นว่าจะเดินหน้าต่อ เพราะถ้าหากมีปัญหาก็จะตอบสังคมไม่ได้ แต่หลังจากนี้จะต้องมีการเรียกอาจารย์มาพูดคุยกันก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าแต่ละคนมีภูมิหลังอย่างไรบ้าง

พ.ต.ต.ภัทรวุฒิ กล่าวต่อว่า ทางฝ่ายชายก็นับถือตนเหมือนกัน ทุกครั้งที่มีปัญหาก็จะโทร.มาปรึกษาทุกครั้ง ตนยังแนะนำไปทุกครั้ง และบอกว่าไม่ให้ลงมือกับฝ่ายหญิง ไม่เคยตวาดหรือว่าอะไรไป ส่วนในวันเกิดเหตุก็ยังพูดว่าลูกผู้ชายไม่ทำกับฝ่ายหญิงแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าฝ่ายชายคิดว่าอย่างไร ในวันนั้นคิดว่าถ้าเต็มที่อาจจะมีการยื้อยุดฉุดกระชากที่โรงพัก หรือถ้าฝ่ายหญิงขึ้นแท็กซี่ไป ฝ่ายชายก็อาจจะตามไปที่โรงเรียน แต่ไม่รู้ว่าฝ่ายชายมีปืนอยู่ในรถ ถ้ารู้ว่ามีปืนก็คงคิดว่า ถ้าไม่เกิดเหตุที่โรงพักก็คงจะเกิดเหตุที่อื่นแน่นอน

“คู่นี้เวลารักกัน เท่าที่รู้ก็รักกันจริงๆ เวลาหวานกันก็มีการนำภาพถ่ายมาให้ดูอยู่เรื่อย แต่ผู้ชายเป็นคนสองอารมณ์ เวลาโมโหก็จะแรงมาก อาจจะทำอะไรให้ทะเลาะกันจนฝ่ายหญิงขอเลิก หลังจากนั้น ฝ่ายชายก็ไปง้อ แต่ตัดกันไม่ขาด ก็มีการง้อกันขอคืนดีกัน และกลับมาคบกันต่อเรื่อยๆ แต่ฝ่ายหญิงอาจจะเก็บมานานแล้ว จนมาถึงจุดเปลี่ยนที่งานมอเตอร์โชว์” พ.ต.ต.ภัทรวุฒิ กล่าว

ด้าน ร.ต.อ.วุฒิพงษ์ ภาดี พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.พระโขนง เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ได้เรียกพยานเป็นญาติของผู้ตายทั้ง 2 ฝ่าย มาสอบปากคำบ้างแล้ว โดยเบื้องต้นสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องหึงหวงเป็นหลัก และเท่าที่สอบปากคำ นายวัติ มูลศรี อายุ 48 ปี บิดา นายจิรายุ ทราบว่า ทั้งคู่คบหากันมาประมาณปีกว่า มีการทะเลาะกันบ้าง เนื่องจากฝ่ายหญิงเป็นคนหน้าตาดี ทำให้มีคนมาติดพัน มีเรื่องหึงหวงกันตลอด ส่วนเรื่องอื่นยังไม่ได้สอบปากคำมากนัก

ร.ต.อ.วุฒิพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนมารดาของฝ่ายหญิงนั้น ได้เรียกมาสอบแล้ว แต่ยังสอบไม่ได้มาก เนื่องจากยังตกใจ และอยู่ระหว่างเตรียมการเรื่องศพบุตรสาว ซึ่งจะนัดมาสอบปากคำอีกครั้ง สำหรับปืนที่ฝ่ายชายใช้ก่อเหตุ จากการสอบถามพ่อผู้ตายไม่ทราบว่าบุตรชายนำปืนมาจากไหน แต่ไม่ใช่ปืนที่บ้านแน่ เบื้องต้นพบว่าเป็นปืนมีทะเบียน กำลังส่งให้ทางกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบอยู่ว่าเป็นปืนถูกกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากเลขทะเบียนยังไม่แน่ชัด ส่วนเรื่องสำนวนคดีนั้น เมื่อสอบปากคำแล้วเสร็จก็จะทำเรื่องสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากผู้ต้องหายิงตัวตายไปแล้ว

ด้าน น.ส.จันจิรา บุตรชาลี ผู้บาดเจ็บ นร.ฝึกงานธุรการ ฝ่ายปราบปราม เดินทางเข้ามาให้ปากคำเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.โดยระบุว่า ก่อนเกิดเหตุ เลิกงานแล้วได้ยืนอยู่หลังประตูกระจก เห็น น.ส.อมรทิพย์ ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เพราะฝึกงานอยู่คนละฝ่าย และอยู่คนละโรงเรียนเดินสวนออกไป จากนั้นเห็นฝ่ายชายวิ่งเข้ามาใช้ปืนจ่อยิงจนกระทั่งล้มลง และกระสุนมาเฉี่ยวที่แก้มซ้าย 1 นัด แพทย์ต้องเย็บทั้งหมด 20 เข็ม

ขณะที่ พ.ต.อ.สิทธิภาพ ใบประเสริฐ ผกก.สน.พระโขนง กล่าวว่า ในทางคดีจบไปแล้ว เนื่องจากทาง นายจิรายุ ที่ก่อเหตุยิง น.ส.อมรทิพย์ ได้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุด้วย ส่วนพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเพื่อนผู้ตายที่อยู่ในที่เกิดเหตุหลายคน พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ได้มีการสอบปากคำผู้ปกครองของทั้งสองฝ่าย รวมถึงอาจารย์ที่สถาบันของทั้ง 2 คน เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

“เจ้าหน้าที่ได้สอบถามเพื่อนของ น.ส.อมรทิพย์ ที่มาฝึกงานด้วยกัน ได้เล่าให้ฟังว่า ทั้ง 2 คนได้คบหากันประมาณ 2 ปี ขณะเรียนสถาบันเดียวกัน ซึ่งฝ่ายชายเป็นคนที่มีอารมณ์หึงหวงฝ่ายหญิงมาก ถึงขนาดเวลาฝ่ายหญิงมาเรียน ร่างกายจะมีรอยฟกช้ำดำเขียวประจำ แม้กระทั่งช่วงที่มาฝึกงาน จนทำให้ฝ่ายหญิงเริ่มจะตีจาก เนื่องจากทนพฤติกรรมฝ่ายชายไม่ไหว กระทั่งวันเกิดเหตุฝ่ายหญิงมีการมาปรึกษากับเพื่อน ว่า ไม่ไหวแล้ววันนี้เป็นไงเป็นกัน ต้องบอกเลิกให้ได้” พ.ต.อ.สิทธิภาพ กล่าว

ผกก.สน.พระโขนง กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เพื่อนฝ่ายหญิงยังระบุด้วยว่า วันเกิดเหตุฝ่ายชายได้มาหาฝ่ายหญิงตั้งแต่เที่ยง ทั้งคู่ออกไปกินข้าวที่ห้างคาร์ฟูร์ ในตอนแรกที่ออกไปทั้งคู่ได้เดินจูงมือกันออกไป ยังไม่มีอาการของการทะเละเบาะแว้ง และฝ่ายชายยังบอกฝ่ายหญิงว่าจะบวช และเมื่อบวชแล้วก็จะขอฝ่ายหญิงแต่งงาน กระทั่งกลับจากทานข้าว ทั้งคู่กลับมามีปากเสียงกัน กระทั่งเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญดังกล่าวขึ้น ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุเลวร้ายขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุเป็นไปได้หรือไม่ ที่มีตำรวจนายหนึ่งไปจีบ จนทำให้ฝ่ายชายหึงหวง พ.ต.อ.สิทธิภาพ กล่าวว่า สอบถามเพื่อนผู้ตายของฝ่ายหญิงแล้ว ไม่มีตำรวจคนใดไปจีบ และไม่ได้เป็นแฟนตำรวจนายไหน แต่อาจมีบ้างที่พูดคุยตามประสาชายหญิง หรือพูดแซว พูดแหย่กันซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ได้มีการสั่งกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจใต้บังคับบัญชาให้วางตัวให้ถูกต้อง เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียขึ้น รวมทั้ง นศ.ฝึกงานด้วย และที่ผ่านมามีการประชุมหัวหน้าแต่ละแผนกให้มีการดูแล นศ.ฝึกงานให้อยู่ในกฎระเบียบ เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย

วันเดียวกัน ที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นายเพียว โชติจิรกาล อายุ 61 ปี นางเบญจวรรณ โชติจิรกาล อายุ 51 ปี บิดามารดาน้องเนเน่ พร้อมญาติๆ ได้เดินทางมารับศพน้องเนเน่ ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าโศก

นายเพียว กล่าวว่า ตนเองทำธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรองเท้า โดย น้องเนเน่ เป็นลูกสาวคนสุดท้องในจำนวนลูกทั้งหมด 6 คน ปกติ น้องเนเน่ เป็นคนร่าเริง รักสวยรักงาม ตั้งใจเรียน ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงเช่นนี้ รู้สึกเสียใจมาก โดยในวันเกิดเหตุได้ขับรถไปส่งน้องเนเน่ที่สถานนีรถไฟฟ้าบีทีเอส อ่อนนุช เพื่อเดินทางไปฝึกงาน โดย น้องเนเน่ ฝึกงานที่ สน.พระโขนง มาได้ 1 เดือนแล้ว และช่วงที่ไปส่งไม่มีอะไรผิดสังเกต ส่วนกับ นายจิรายุ ทราบว่า คบหากันมาประมาณ 1 ปี ไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่เห็นว่าไปรับไปส่งกันมาตลอด

นายเพียว กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ น้องเนเน่ ไปทำงานพิเศษเป็นพริตตี้ในงานมอเตอร์โชว์ 2008 ซึ่ง น้องเนเน่ ชอบความสวยงามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และตัวน้องเนเน่เองก็รู้สึกดีที่ได้ช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวในการหาค่าเล่าเรียนเองได้ ซึ่งตนเห็นว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จึงอนุญาตให้ทำงานดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่น้องเนเน่ทำงานพริตตี้อยู่ ทราบว่า นายจิรายุ ตามไปหึงหวง แสดงความไม่พอใจที่มีคนมาถ่ายรูป มีผู้ชายมาคอยมอง จึงไปต่อว่าต่อขาน จนกระทั่งเมื่อ 4-5 วันที่ผ่านมา น้องเนเน่ บ่นให้ฟังว่า ทนไม่ไหวอยากจะเลิกกับนายจิรายุ เพราะมีพฤติกรรมหึงหวงแสดงอาการความเป็นเจ้าของ แต่ตนได้แนะนำไปว่าให้ลูกใช้เหตุผล ค่อยๆ พูดคุยกัน ซึ่งหากนิสัยใจคอเข้ากันไม่ได้จริงๆ หากจะเลิกก็ให้ค่อยเป็นค่อยไป แต่ไม่นึกว่าจะมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น

“อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ของวัยรุ่นที่ยังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ไม่ควรใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา เพราะผมเคยเห็นข่าวทำนองนี้มามาก แต่ไม่คิดจะเกิดกับตัวเอง อยากให้ลูกเป็นศพสุดท้าย ผมขอฝากวัยรุ่น ว่า หากไม่เห็นแก่ตัวเองก็ให้เห็นแก่ครอบครัวที่ต้องมาทุกข์ใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” นายเพียว กล่าวน้ำตาคลอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับศพ น.ส.อมรทิพย์ นั้น ญาติจะนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมศพที่ศาลา 4 วัดคลองเตยนอก โดยจะตั้งสวดเพียงคืนเดียว จากนั้นในวันที่ 10 เม.ย. จะทำพิธีฌาปนกิจทันที

ด้านญาติของ นายจิรายุ ได้เดินทางมารับศพเช่นเดียวกัน แต่ทั้งหมดปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยทราบเพียงว่าญาติจะนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดอรุณรังสี อ.องครักษ์ จ.นครนายก

หึงหฤโหด! ยิงพริตตี้มอเตอร์โชว์ดับ-จ่อขมับตายตามคาโรงพัก!
พ.ต.ต.ภัทรวุฒิ สุนทรศารทูล สว.อก.สน.พระโขนง เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผู้สื่อข่าวฟัง
น.ส.อมรทิพย์ หริอน้องเน่เน่ โชติจิรกาล
นายเพียว โชติจิรกาล อายุ 61 ปี บิดาน้องเนเน่ เดินทางมารับศพ ท่ามกลางความโศกเศร้า ทันทีเมื่อเห็นหน้าบุตรสาว
นายจิรายุ มูลศรี แฟนหนุ่มที่ก่อเหตุ
นายเพียว โชติจิรกาล อายุ 61 ปี บิดาน้องเนเน่
กำลังโหลดความคิดเห็น