“อำนวย” ยันไม่เกิดเหตุปะทะ หรือเหตุรุนแรงป่วนงานพันธมิตรฯ แน่นอน พร้อมวางกำลังกระจายทั่วทุกจุดล่อแหลมป้องกันเหตุปะทะหลังงานเลิกทั้งทางน้ำ-ทางบก เชื่อไม่เกิดเหตุซ้ำรอยเดิม พร้อมนำรถ 6 ล้อปิดขวางม็อบ ในขณะที่กลุ่มม็อบขู่ไม่นำรถออกไปจะเผาทิ้ง
วันนี้ (25 เม.ย.) เมื่อเวลา 16.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการสัมมนาประชาชน - ติดอาวุธทางปัญญา “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ ครั้งที่ 2” ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าสถานการณ์ยังคงอยู่ในความสงบ โดย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 ได้มาควบคุมสั่งการรักษาความปลอดภัยด้วยตัวเอง และบก.น.ได้ตั้งกองรักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าพิพิธภัณทสถานแห่งชาติ ซึ่งการรักษาความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังดูแลทั่วพื้นที่ท้องสนามหลวง และบริเวณโดยรอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยในกลุ่มต่อต้านคัดค้านการจัดงานของพันธมิตรฯ จะมีแผงเหล็กกั้น 2 ชั้น และในส่วนของกลุมพันธมิตรจะใช้วิธีปิดประตูรั้วมหาวิทยาลัย และนำรถประชาสัมพันธ์ของตำรวจนครบาลมาจอดกั้นอีกชั้น
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ได้ใช้กำลังจาก บก.น.1 จำนวนมากกระจายดูแลความสงบเรียบร้อยในทุกจุด ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรง แต่อย่างไรก็ตามยังมีความเป็นหว่งในสถานการณ์ช่วงเวลาหลัง 5 ทุ่มถึงเที่ยงคืน เกรงจะมีกลุ่มก่อกวนขณะกลุ่มสนับสนุนพันธมิตรเดินทางกลับ จึงได้เตรียมกำลังมีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ รักษาความปลอดภัย โดยได้กระจายกำลังอยู่โดยรอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประตูฝั่งท่าพระจันทร์ รวมถึงการดูแลความปลอดภัยทางน้ำ
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อไปว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งที่แล้ว เช่น การปาขวดน้ำ ปาหิน ไม่มีเจตนาทำร้ายกันรุนแรงเป็นเพียงการแสดงอารมณ์ของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยและกลุ่มสนับสนุน กระแทกอารมย์ใส่กัน ซึ่งทุก 1 ชั่วโมงตนจะต้องรายงานสถานการณ์ให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดตำรวจได้นำรถ 6 ล้อที่ใช้สำหรับขนผู้ต้องหาไปศาล จำนวน 3 คัน รวมทั้งรถบรรทุกขนาดใหญ่ติดเครื่องขยายเสียงของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าปิดบริเวณประตูหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นแนวยาว เพื่อป้องกันการก่อกวนของกลุ่มผู้ตัดค้านที่อยู่ฝั่งสนามหลวง
ทั้งนี้ ภายหลังตำรวจนำรถทั้ง 4 คันไปจอดบริเวณดังกล่าว กลุ่มผู้คัดค้านได้แสดงความไม่พอใจ และระบุว่าตำรวจกลั่นแกล้งนำรถมาปิดกั้น ซึ่งพวกตนมีเพียงแต่โทรโข่งและเครื่องขยายเสียงเท่านั้น เบื้องต้นหากตำรวจไม่ดำเนินการนำรถทั้ง 4 คันที่จอดขวางออกไป โดยครั้งแรก กลุ่มผู้คัดค้านจะทำการโห่ไล่ ครั้งที่ 2 หากยังไม่นำรถออกไปตามคำโห่ จะเตือนด้วยการก่อกวนวิธีการต่างๆ และครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย หากตำรวจยังไม่ยอมนำรถทั้งหมดออกไปอีก กลุ่มผู้คัดค้านจะเผาทิ้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุด การสัมมนาเป็นไปด้วยความสงบ ในขณะที่กลุ่มผู้ต่อต้าน ยังคงใช้เครื่องขยายเสียงตะโกนด่ากลุ่มพันธมิตร ด้วยถ้อยคำที่หยาบคายตลอดเวลา พร้อมทั้งเรียกร้องให้ตำรวจนำรถบรรทุกที่มาจอดขวาง หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ออกไป ไม่เช่นนั้นจะเผารถทิ้งเสีย
ต่อมา เมื่อเวลา 18.00 น. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. ได้เดินทางมาตรวจดูความเรียบร้อย พร้อมกล่าวว่า จากการได้รับรายงานเบื้องต้น กลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านมีประมาณ 1,000 คน ซึ่งได้กำชับให้ตำรวจนอกเครื่องแบบตามประกบแกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มคัดค้านตลอดเวลา รวมทั้งยังให้ตำรวจตรวจค้นอาวุธอย่างละเอียด หากกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มคัดค้าน ลุกล้ำข้ามมา จะให้ยุติการชุมนุมทันที และดำเนินคดีตามกฏหมาย โดยในวันนี้ ได้วางกำลังอย่างหนาแน่น ในฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จำนวน 2,500 นาย ที่ฝั่งสนามหลวง 500 นายในการป้องกันและรักษาความปลอดภัย ซึ่งการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยในวันนี้ ค่อนข้างเป็นที่หน้าพอใจ มีความปลอดภัยสูง
พล.ต.ท.อัศวินกล่าวต่อว่า กลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย สามารถที่จะแสดงพลังและความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ แต่ต้องอยู่ในกติกา ชุมนุมอย่างสงบ ไม่ก่อความวุ่นวาย ส่วนที่ต้องดูแลเป็นพิเศษคือช่วงเวลาเดินทางกลับ จะให้ตำรวจดูแลในเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ ไม่ให้ขว้างปาเหมือนครั้งที่แล้ว ส่วนรถที่นำไปจอดขวางนั้น เป็นหนึ่งในมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันการเผชิญหน้าของทั้ง 2 ฝ่าย
"คนไทยด้วยกัน ไม่อยากให้เข่นฆ่ากัน ฆ่ากันไปเนื้อก็กินไม่ได้ รังแต่จะเน่าเหม็นเสียเปล่า คนไทยด้วยกันควรสามัคคีกันไว้ หากพบว่า ทั้ง 2 ฝ่ายมีการปะทะกัน จะยุติการชุมนุม และดำเนินการตามกฏหมายทันที"พล.ต.ท.อัศวินกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ม็อบที่ชุมนุมคัดค้านกลุ่มพันธมิตร นำโดยนางดารนี หรือ ดา ตอบิโด ได้พยายามวิ่งข้ามถนนมายังฝั่งธรรมศาสตร์ โดยกล่าวหาว่ามีบุคคลยิงลูกแก้วเข้ามายังกลุ่มของพวกตน โดยนำลูกแก้วมาให้ตำรวจดู แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตรึงกำลังและกันให้กลับไปยังฝั่งสนามหลวง แต่ไม่เกิดเหตุอะไรรุนแรง ส่วนบุคคลต้องสงสัยมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไว้ได้
ต่อมา ตำรวจนำรั้วแผงเหล็กมากั้นด้านฝั่งตรงข้าม กันให้ผู้ชุมนุม เข้าไปอยู่ในพื้นที่ ไม่ให้ลุกล้ำลงมาในถนน ส่วนฝั่งตรงข้ามให้ตำรวจปราบจลาจลที่มีโล่และกระบอก เข้ามายืนเป็นแนว 2 ชั้นๆละ 20 นาย และตำรววจยืนกันบริเวณด้านหน้าหอประชุมอีก 10 นาย และกันผู้ไม่เกี่ยวข้อง ให้ออกพ้นนอกรั้วมหาวิทยาลัยทุกคน
ด้านกลุ่มคัดค้านที่ไม่พอใจ ต่างตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายเช่นเดิม โดยหนึ่งในกลุ่มนั้นได้ ถอดเสื้อ และถลกกางเกงลงโชว์อวัยวะเพศ ในทำนองยั่วยุ แต่ไม่มีเหตุรุนแรงอะไร ซึ่งล่าสุด ตำรวจนำรถไฟส่องสว่างมาส่องทั้ง 2 ฝั่งที่เป็นมุมมืดเพื่อให้เห็นอย่างชัดเจน พร้อมเปิดเพลงรักกันไว้เถิดตลอดเวลา จนกระทั่งฝนได้ตกลงมา ปรากฏว่า กลุ่มผู้คัดค้านต่างแตกฮือ ส่วนหนึ่งวิ่งเข้าไปหลบในเตนท์กองรักษาการณ์ของตำรวจ
วันนี้ (25 เม.ย.) เมื่อเวลา 16.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการสัมมนาประชาชน - ติดอาวุธทางปัญญา “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ ครั้งที่ 2” ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าสถานการณ์ยังคงอยู่ในความสงบ โดย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 ได้มาควบคุมสั่งการรักษาความปลอดภัยด้วยตัวเอง และบก.น.ได้ตั้งกองรักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าพิพิธภัณทสถานแห่งชาติ ซึ่งการรักษาความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังดูแลทั่วพื้นที่ท้องสนามหลวง และบริเวณโดยรอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยในกลุ่มต่อต้านคัดค้านการจัดงานของพันธมิตรฯ จะมีแผงเหล็กกั้น 2 ชั้น และในส่วนของกลุมพันธมิตรจะใช้วิธีปิดประตูรั้วมหาวิทยาลัย และนำรถประชาสัมพันธ์ของตำรวจนครบาลมาจอดกั้นอีกชั้น
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ได้ใช้กำลังจาก บก.น.1 จำนวนมากกระจายดูแลความสงบเรียบร้อยในทุกจุด ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรง แต่อย่างไรก็ตามยังมีความเป็นหว่งในสถานการณ์ช่วงเวลาหลัง 5 ทุ่มถึงเที่ยงคืน เกรงจะมีกลุ่มก่อกวนขณะกลุ่มสนับสนุนพันธมิตรเดินทางกลับ จึงได้เตรียมกำลังมีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ รักษาความปลอดภัย โดยได้กระจายกำลังอยู่โดยรอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประตูฝั่งท่าพระจันทร์ รวมถึงการดูแลความปลอดภัยทางน้ำ
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อไปว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งที่แล้ว เช่น การปาขวดน้ำ ปาหิน ไม่มีเจตนาทำร้ายกันรุนแรงเป็นเพียงการแสดงอารมณ์ของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยและกลุ่มสนับสนุน กระแทกอารมย์ใส่กัน ซึ่งทุก 1 ชั่วโมงตนจะต้องรายงานสถานการณ์ให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดตำรวจได้นำรถ 6 ล้อที่ใช้สำหรับขนผู้ต้องหาไปศาล จำนวน 3 คัน รวมทั้งรถบรรทุกขนาดใหญ่ติดเครื่องขยายเสียงของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าปิดบริเวณประตูหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นแนวยาว เพื่อป้องกันการก่อกวนของกลุ่มผู้ตัดค้านที่อยู่ฝั่งสนามหลวง
ทั้งนี้ ภายหลังตำรวจนำรถทั้ง 4 คันไปจอดบริเวณดังกล่าว กลุ่มผู้คัดค้านได้แสดงความไม่พอใจ และระบุว่าตำรวจกลั่นแกล้งนำรถมาปิดกั้น ซึ่งพวกตนมีเพียงแต่โทรโข่งและเครื่องขยายเสียงเท่านั้น เบื้องต้นหากตำรวจไม่ดำเนินการนำรถทั้ง 4 คันที่จอดขวางออกไป โดยครั้งแรก กลุ่มผู้คัดค้านจะทำการโห่ไล่ ครั้งที่ 2 หากยังไม่นำรถออกไปตามคำโห่ จะเตือนด้วยการก่อกวนวิธีการต่างๆ และครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย หากตำรวจยังไม่ยอมนำรถทั้งหมดออกไปอีก กลุ่มผู้คัดค้านจะเผาทิ้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุด การสัมมนาเป็นไปด้วยความสงบ ในขณะที่กลุ่มผู้ต่อต้าน ยังคงใช้เครื่องขยายเสียงตะโกนด่ากลุ่มพันธมิตร ด้วยถ้อยคำที่หยาบคายตลอดเวลา พร้อมทั้งเรียกร้องให้ตำรวจนำรถบรรทุกที่มาจอดขวาง หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ออกไป ไม่เช่นนั้นจะเผารถทิ้งเสีย
ต่อมา เมื่อเวลา 18.00 น. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. ได้เดินทางมาตรวจดูความเรียบร้อย พร้อมกล่าวว่า จากการได้รับรายงานเบื้องต้น กลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านมีประมาณ 1,000 คน ซึ่งได้กำชับให้ตำรวจนอกเครื่องแบบตามประกบแกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มคัดค้านตลอดเวลา รวมทั้งยังให้ตำรวจตรวจค้นอาวุธอย่างละเอียด หากกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มคัดค้าน ลุกล้ำข้ามมา จะให้ยุติการชุมนุมทันที และดำเนินคดีตามกฏหมาย โดยในวันนี้ ได้วางกำลังอย่างหนาแน่น ในฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จำนวน 2,500 นาย ที่ฝั่งสนามหลวง 500 นายในการป้องกันและรักษาความปลอดภัย ซึ่งการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยในวันนี้ ค่อนข้างเป็นที่หน้าพอใจ มีความปลอดภัยสูง
พล.ต.ท.อัศวินกล่าวต่อว่า กลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย สามารถที่จะแสดงพลังและความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ แต่ต้องอยู่ในกติกา ชุมนุมอย่างสงบ ไม่ก่อความวุ่นวาย ส่วนที่ต้องดูแลเป็นพิเศษคือช่วงเวลาเดินทางกลับ จะให้ตำรวจดูแลในเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ ไม่ให้ขว้างปาเหมือนครั้งที่แล้ว ส่วนรถที่นำไปจอดขวางนั้น เป็นหนึ่งในมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันการเผชิญหน้าของทั้ง 2 ฝ่าย
"คนไทยด้วยกัน ไม่อยากให้เข่นฆ่ากัน ฆ่ากันไปเนื้อก็กินไม่ได้ รังแต่จะเน่าเหม็นเสียเปล่า คนไทยด้วยกันควรสามัคคีกันไว้ หากพบว่า ทั้ง 2 ฝ่ายมีการปะทะกัน จะยุติการชุมนุม และดำเนินการตามกฏหมายทันที"พล.ต.ท.อัศวินกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ม็อบที่ชุมนุมคัดค้านกลุ่มพันธมิตร นำโดยนางดารนี หรือ ดา ตอบิโด ได้พยายามวิ่งข้ามถนนมายังฝั่งธรรมศาสตร์ โดยกล่าวหาว่ามีบุคคลยิงลูกแก้วเข้ามายังกลุ่มของพวกตน โดยนำลูกแก้วมาให้ตำรวจดู แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตรึงกำลังและกันให้กลับไปยังฝั่งสนามหลวง แต่ไม่เกิดเหตุอะไรรุนแรง ส่วนบุคคลต้องสงสัยมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไว้ได้
ต่อมา ตำรวจนำรั้วแผงเหล็กมากั้นด้านฝั่งตรงข้าม กันให้ผู้ชุมนุม เข้าไปอยู่ในพื้นที่ ไม่ให้ลุกล้ำลงมาในถนน ส่วนฝั่งตรงข้ามให้ตำรวจปราบจลาจลที่มีโล่และกระบอก เข้ามายืนเป็นแนว 2 ชั้นๆละ 20 นาย และตำรววจยืนกันบริเวณด้านหน้าหอประชุมอีก 10 นาย และกันผู้ไม่เกี่ยวข้อง ให้ออกพ้นนอกรั้วมหาวิทยาลัยทุกคน
ด้านกลุ่มคัดค้านที่ไม่พอใจ ต่างตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายเช่นเดิม โดยหนึ่งในกลุ่มนั้นได้ ถอดเสื้อ และถลกกางเกงลงโชว์อวัยวะเพศ ในทำนองยั่วยุ แต่ไม่มีเหตุรุนแรงอะไร ซึ่งล่าสุด ตำรวจนำรถไฟส่องสว่างมาส่องทั้ง 2 ฝั่งที่เป็นมุมมืดเพื่อให้เห็นอย่างชัดเจน พร้อมเปิดเพลงรักกันไว้เถิดตลอดเวลา จนกระทั่งฝนได้ตกลงมา ปรากฏว่า กลุ่มผู้คัดค้านต่างแตกฮือ ส่วนหนึ่งวิ่งเข้าไปหลบในเตนท์กองรักษาการณ์ของตำรวจ
