จารบุรุษ
วันนี้ พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร. โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมพล.ต.ต.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผบช.ประจำ ตร. รองโฆษก ได้ออกมาแถลงถึงมาตรการเตรียมความพร้อมการสัมมนาของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 25 เม.ย.นี้ว่า ได้กำชับไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ในการเตรียมการรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุม ทั้งในบริเวณมหาวิทยาลัย และสนามหลวง โดยจัดกำลังรวมกว่า 500 นาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบ เช่น กองร้อยควบคุมฝูงชนและตำรวจปราบจลาจลหน่วยละ 150 นายที่รอ ณ ที่ตั้งพร้อมปฏิบัติการ ชุดปฏิบัติการข่าว 28 นาย การตั้งจุดตรวจค้นคนและยานพาหนะบริเวณใต้สะพานพระปิ่นเกล้า ป้อมพระสุเมรุ หน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และแยกพระจันทร์
พล.ต.ท.วัชรพล บอกว่า จากรายงานการข่าวของสันติบาล คาดว่าจะมีกลุ่มพันธมิตรร่วมสัมมนากว่า 5,000 คน และกลุ่มต่อต้าน 300-500 คน โดยการข่าวขณะนี้ยังไม่พบรายงานว่าจะมีความรุนแรง ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ตำรวจนครบาลที่ดูแลระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันเนื่องจากมีบทเรียนมาแล้วจากการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา หากเกิดการกระทบกระทั่ง ตำรวจจะพยายามแยก ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันซึ่งหน้า แม้การข่าวประเมินว่าไม่รุนแรงแต่ก็ไม่ประมาทติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับแผนรับมือตลอดเวลา ทั้งนี้ เตรียมประสานเจ้าหน้าที่จาก กทม.มาช่วยเสริมกรณีเกิดเหตุปะทะด้วย และมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหา
คำแถลงอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะของกระบอกเสียงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเปรียบเสมือนเสียงของตำรวจทุกนายที่จะดูแลเรื่องความปลอดภัยของงานสัมมนาในครั้งนี้ดูจะอบอุ่นขึ้นบ้าง และเราก็เชื่อมั่นเกินร้อนในคำแถลงนั้น
การสัมมนาของกลุ่มพันธมิตรฯ ครั้งแรกนั้น ไม่ได้เกิดเหตุรุนแรงอะไรที่บานปลายออกไป แม้จะมีลิ่วล้อฝ่ายตรงข้าม มาร่วมป่วนงานอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้าง แต่เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ดังกล่าวก็อาจจะกลายเป็นเหตุบานปลายได้ หากตำรวจไม่ได้เข้าไปดูแลหรือดำเนินการอย่างเฉียบขาด
การสัมมนาครั้งที่ผ่านมา มีกลุ่มป่วนไปปักหลักอยู่ที่บริเวณท้องสนามหลวง ฝั่งตรงข้ามประตูมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แม้ตำรวจภายใต้การนำของพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 ไปยืนอำนวยการและสั่งการอยู่บริเวณนั้น แต่กลุ่มป่วนดังกล่าว ก็ไม่เกรงกลัว พล.ต.ต.อำนวย จึงเป็นได้แค่เพียง“มือปราบโทรโข่ง” ยืนถือโทรโข่งประกาศปาวๆ แต่กลุ่มคนเหล่านั้นที่พอเริ่มพลบค่ำ ผลของแอลกอฮอล์เริ่มออกฤทธิ์ ก็ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมอีกต่อไป แม้ภายหลัง พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. จะเดินทางไปบอกให้ผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบ แต่พวกเขาก็ไม่ฟังและเกรงกลัวแต่อย่างใด หนำซ้ำ กลับท้าทาย ทั้งตะโกนด่าทอผู้ที่เข้าร่วมสัมมนา ขว้างปาก้อนอิฐ ขว้างปาผลมะพร้าวเผาเป็นการยั่วยุตลอดเวลา ซึ่ง “มือปราบโทรโข่ง” ทำได้เต็มที่ก็เพียงประกาศว่า “ตำรวจเราเห็นแล้วนะครับว่าพวกคุณกำลังไปถอดอิฐตัวหนอนจากทางเดินมา ขอให้ระงับการกระทำเสีย ไม่เช่นนั้นเราจะจัดการขั้นเด็ดขาดนะครับ”
ตรงนี้ อยากถาม “มือปราบโทรโข่ง” พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 ว่า ทำไมไม่ป้องกันเสียก่อนละครับ ก็เห็นอยู่ว่า พวกเขาเหล่านั้น กำลังไปถอดอิฐตัวหนอนบนพื้นมาเตรียมการ หรือว่า ต้องรอให้ขว้างปามาก่อน จึงจะจับกุมได้ ซึ่งเรื่องนี้ ก็น่าเห็นใจตำรวจเช่นกัน เพราะอาจ(แกล้ง) ไม่รู้ว่าคนกลุ่มนี้ ผู้มีอำนาจอาจส่งมาป่วนก็เป็นได้ หากไปแตะต้องเข้ามีหวังตัวเราเป็นอันกระเด็นก่อนแน่
ในทางตรงกันข้าม ภายในรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประชาชนจำนวนมากรอรับปัญญา รอรับฟังความรู้ รอรับทราบข้อเท็จจริงอย่างสงบ ไม่มีเหตุแม้เพียงปลายเล็บเกิดขึ้น ซึ่งตำรวจเองก็สบายใจได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ หลังจากงานสัมมนาเลิก กลุ่มกองทัพธรรม แม้จะหลีกเลี่ยง เดินอ้อมไปออกประตูทางท่าพระจันทร์แล้วก็ตาม แต่กลับถูกกลุ่มอันธพาลดักใช้ก้อนอิฐขว้างปาขึ้นไปบนรถ จนได้รับบาดเจ็บไปหลายคน
หวังว่า ครั้งนี้ “มือปราบโทรโข่ง” ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง คงจะปรับบทบาท ดำเนินการอย่างจริงจังกับผู้ที่จงใจและเจตนาที่จะทำร้ายประชาชนที่มาร่วมงานสัมมนา การตรวจค้นอาวุธของกลุ่มที่มาป่วน ก็ถือเป็นนโยบายการป้องกันที่ดี แต่หากจะให้ดีที่สุด ควรจะห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย เพราะเจ้าพวกนี้แหละที่ทำให้พวกมันฮึกเหิม ไม่เกรงกลัวแม้กระทั่ง “มือปราบโทรโข่ง”...เชอะ!!!
วันนี้ พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร. โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมพล.ต.ต.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผบช.ประจำ ตร. รองโฆษก ได้ออกมาแถลงถึงมาตรการเตรียมความพร้อมการสัมมนาของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 25 เม.ย.นี้ว่า ได้กำชับไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ในการเตรียมการรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุม ทั้งในบริเวณมหาวิทยาลัย และสนามหลวง โดยจัดกำลังรวมกว่า 500 นาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบ เช่น กองร้อยควบคุมฝูงชนและตำรวจปราบจลาจลหน่วยละ 150 นายที่รอ ณ ที่ตั้งพร้อมปฏิบัติการ ชุดปฏิบัติการข่าว 28 นาย การตั้งจุดตรวจค้นคนและยานพาหนะบริเวณใต้สะพานพระปิ่นเกล้า ป้อมพระสุเมรุ หน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และแยกพระจันทร์
พล.ต.ท.วัชรพล บอกว่า จากรายงานการข่าวของสันติบาล คาดว่าจะมีกลุ่มพันธมิตรร่วมสัมมนากว่า 5,000 คน และกลุ่มต่อต้าน 300-500 คน โดยการข่าวขณะนี้ยังไม่พบรายงานว่าจะมีความรุนแรง ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ตำรวจนครบาลที่ดูแลระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันเนื่องจากมีบทเรียนมาแล้วจากการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา หากเกิดการกระทบกระทั่ง ตำรวจจะพยายามแยก ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันซึ่งหน้า แม้การข่าวประเมินว่าไม่รุนแรงแต่ก็ไม่ประมาทติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับแผนรับมือตลอดเวลา ทั้งนี้ เตรียมประสานเจ้าหน้าที่จาก กทม.มาช่วยเสริมกรณีเกิดเหตุปะทะด้วย และมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหา
คำแถลงอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะของกระบอกเสียงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเปรียบเสมือนเสียงของตำรวจทุกนายที่จะดูแลเรื่องความปลอดภัยของงานสัมมนาในครั้งนี้ดูจะอบอุ่นขึ้นบ้าง และเราก็เชื่อมั่นเกินร้อนในคำแถลงนั้น
การสัมมนาของกลุ่มพันธมิตรฯ ครั้งแรกนั้น ไม่ได้เกิดเหตุรุนแรงอะไรที่บานปลายออกไป แม้จะมีลิ่วล้อฝ่ายตรงข้าม มาร่วมป่วนงานอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้าง แต่เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ดังกล่าวก็อาจจะกลายเป็นเหตุบานปลายได้ หากตำรวจไม่ได้เข้าไปดูแลหรือดำเนินการอย่างเฉียบขาด
การสัมมนาครั้งที่ผ่านมา มีกลุ่มป่วนไปปักหลักอยู่ที่บริเวณท้องสนามหลวง ฝั่งตรงข้ามประตูมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แม้ตำรวจภายใต้การนำของพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 ไปยืนอำนวยการและสั่งการอยู่บริเวณนั้น แต่กลุ่มป่วนดังกล่าว ก็ไม่เกรงกลัว พล.ต.ต.อำนวย จึงเป็นได้แค่เพียง“มือปราบโทรโข่ง” ยืนถือโทรโข่งประกาศปาวๆ แต่กลุ่มคนเหล่านั้นที่พอเริ่มพลบค่ำ ผลของแอลกอฮอล์เริ่มออกฤทธิ์ ก็ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมอีกต่อไป แม้ภายหลัง พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. จะเดินทางไปบอกให้ผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบ แต่พวกเขาก็ไม่ฟังและเกรงกลัวแต่อย่างใด หนำซ้ำ กลับท้าทาย ทั้งตะโกนด่าทอผู้ที่เข้าร่วมสัมมนา ขว้างปาก้อนอิฐ ขว้างปาผลมะพร้าวเผาเป็นการยั่วยุตลอดเวลา ซึ่ง “มือปราบโทรโข่ง” ทำได้เต็มที่ก็เพียงประกาศว่า “ตำรวจเราเห็นแล้วนะครับว่าพวกคุณกำลังไปถอดอิฐตัวหนอนจากทางเดินมา ขอให้ระงับการกระทำเสีย ไม่เช่นนั้นเราจะจัดการขั้นเด็ดขาดนะครับ”
ตรงนี้ อยากถาม “มือปราบโทรโข่ง” พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 ว่า ทำไมไม่ป้องกันเสียก่อนละครับ ก็เห็นอยู่ว่า พวกเขาเหล่านั้น กำลังไปถอดอิฐตัวหนอนบนพื้นมาเตรียมการ หรือว่า ต้องรอให้ขว้างปามาก่อน จึงจะจับกุมได้ ซึ่งเรื่องนี้ ก็น่าเห็นใจตำรวจเช่นกัน เพราะอาจ(แกล้ง) ไม่รู้ว่าคนกลุ่มนี้ ผู้มีอำนาจอาจส่งมาป่วนก็เป็นได้ หากไปแตะต้องเข้ามีหวังตัวเราเป็นอันกระเด็นก่อนแน่
ในทางตรงกันข้าม ภายในรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประชาชนจำนวนมากรอรับปัญญา รอรับฟังความรู้ รอรับทราบข้อเท็จจริงอย่างสงบ ไม่มีเหตุแม้เพียงปลายเล็บเกิดขึ้น ซึ่งตำรวจเองก็สบายใจได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ หลังจากงานสัมมนาเลิก กลุ่มกองทัพธรรม แม้จะหลีกเลี่ยง เดินอ้อมไปออกประตูทางท่าพระจันทร์แล้วก็ตาม แต่กลับถูกกลุ่มอันธพาลดักใช้ก้อนอิฐขว้างปาขึ้นไปบนรถ จนได้รับบาดเจ็บไปหลายคน
หวังว่า ครั้งนี้ “มือปราบโทรโข่ง” ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง คงจะปรับบทบาท ดำเนินการอย่างจริงจังกับผู้ที่จงใจและเจตนาที่จะทำร้ายประชาชนที่มาร่วมงานสัมมนา การตรวจค้นอาวุธของกลุ่มที่มาป่วน ก็ถือเป็นนโยบายการป้องกันที่ดี แต่หากจะให้ดีที่สุด ควรจะห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย เพราะเจ้าพวกนี้แหละที่ทำให้พวกมันฮึกเหิม ไม่เกรงกลัวแม้กระทั่ง “มือปราบโทรโข่ง”...เชอะ!!!