เลื่อนอ่านอุทธรณ์ “3 หนา กกต.” ทำผิด พ.ร.บ.กกต.ไม่เร่งสอบข้อเท็จจริง กล่าวหา ทรท.จ้างพรรคเล็กลงสมัครหนีเกณฑ์คะแนนไม่ถึงร้อยละ 20 หลัง“ วีระชัย” ยื่นใบรับรองแพทย์อ้างป่วยท้องเสียรุนแรง ศาลนัดอ่านคำพิพากษาอีกครั้ง 14 พ.ค.นี้ 09.00 น.
วันนี้ (25 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณา 807 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), นายปริญญา นาคฉัตรีย์, นายวีระชัย แนวบุญเนียร อดีต กกต. เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 และ พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 มาตรา 24 และ 42 กรณีที่ไม่เร่งสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ข้อร้องเรียนกล่าวหาพรรคไทยรักไทย ว่าจ้างพรรคการแผ่นดินไทย และพรรคพัฒนาชาติไทย ลงรับสมัครเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย.49 โดยพลันตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงและการวินิจฉัย พ.ศ.2542
โดยในวันนี้ พล.ต.อ.วาสนา และ นายปริญญา จำเลยที่ 1-2 เดินทางมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษา พร้อมอัยการฝ่ายจำเลย และเจ้าหน้าที่ กกต. ส่วนนายวีระชัย จำเลยที่ 3 ไม่เดินทางมาศาลเนื่องจากมีอาการป่วย ซึ่งอัยการฝ่ายจำเลย ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนการฟังคำพิพากษา พร้อมยื่นใบรับรองแพทย์ ระบุ นายวีระชัย เข้ารักษาอาการป่วยด้วยอาการท้องเสียรุนแรง ที่โรงพยาบาล บ้านแพ้ว สาขาพร้อมมิตร ย่านสุขุมวิท ตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลสอบถามทนายโจทก์แล้วแถลงว่า ตามใบรับรองแพทย์ดังกล่าว แพทย์ไม่ได้ระบุเหตุที่นายวีระชัย จำเลยที่ 3 จะเดินทางมาศาลไม่ได้ ดังนั้นจึงขอศาลเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจ ขณะที่อัยการจำเลยแถลงย้ำว่า นายวีระชัย จำเลยที่ 3 มีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง ประกอบกับนายวีระชัยป่วยเป็นโรคไตด้วย ซึ่งแพทย์วินิจฉัยแล้วเห็นว่าค่อนข้างอันตราย จึงต้องให้นายวีระชัยเข้าพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยได้มีใบรับรองแพทย์มาแสดง จึงเชื่อว่าจำเลยป่วยจริง กรณีมีเหตุสมควรจึงให้เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 14 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ศาลอาญา มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 15 ก.ย.49 ให้จำคุกคนละ 3 ปี ตามความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. ม.24 และ42 พร้อมกับเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลยทีกำหนดคนละ 10 ปี แต่เนื่องจากข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานที่จำเลยทั้งสามได้นำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษเห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี ส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 ให้ยกฟ้อง อย่างไรก็ดี คดีนี้เป็นคดีที่สองที่ศาลพิพากษาจำคุกอดีต กกต.ทั้งสาม โดยก่อนหน้านี้ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 15 ก.ค.49 ให้จำคุก 4 ปี พร้อมเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ตามความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. ม.24 และ 42 ที่นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องว่า อดีต กกต.ทั้งสามร่วมกันจัดการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตรอบใหม่ เมื่อวันที่ 23 และ 29 เมษายน 2549 ใน 38 เขต 15 จังหวัด โดยไม่มีอำนาจ และการออกหนังสือเวียนถึง ผอ.กต.เขต ให้รับผู้สมัครรายเดิมเวียนเทียนสมัครใหม่ อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้สมัครพรรคไทยรักไทย เลี่ยงการได้รับคะแนนเสียงน้อยกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้น ซึ่งศาลอุทธรณ์ ก็ได้มีคำพิพากษายืนให้จำคุก 4 ปี พร้อมเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี
วันนี้ (25 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณา 807 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), นายปริญญา นาคฉัตรีย์, นายวีระชัย แนวบุญเนียร อดีต กกต. เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 และ พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 มาตรา 24 และ 42 กรณีที่ไม่เร่งสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ข้อร้องเรียนกล่าวหาพรรคไทยรักไทย ว่าจ้างพรรคการแผ่นดินไทย และพรรคพัฒนาชาติไทย ลงรับสมัครเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย.49 โดยพลันตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงและการวินิจฉัย พ.ศ.2542
โดยในวันนี้ พล.ต.อ.วาสนา และ นายปริญญา จำเลยที่ 1-2 เดินทางมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษา พร้อมอัยการฝ่ายจำเลย และเจ้าหน้าที่ กกต. ส่วนนายวีระชัย จำเลยที่ 3 ไม่เดินทางมาศาลเนื่องจากมีอาการป่วย ซึ่งอัยการฝ่ายจำเลย ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนการฟังคำพิพากษา พร้อมยื่นใบรับรองแพทย์ ระบุ นายวีระชัย เข้ารักษาอาการป่วยด้วยอาการท้องเสียรุนแรง ที่โรงพยาบาล บ้านแพ้ว สาขาพร้อมมิตร ย่านสุขุมวิท ตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลสอบถามทนายโจทก์แล้วแถลงว่า ตามใบรับรองแพทย์ดังกล่าว แพทย์ไม่ได้ระบุเหตุที่นายวีระชัย จำเลยที่ 3 จะเดินทางมาศาลไม่ได้ ดังนั้นจึงขอศาลเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจ ขณะที่อัยการจำเลยแถลงย้ำว่า นายวีระชัย จำเลยที่ 3 มีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง ประกอบกับนายวีระชัยป่วยเป็นโรคไตด้วย ซึ่งแพทย์วินิจฉัยแล้วเห็นว่าค่อนข้างอันตราย จึงต้องให้นายวีระชัยเข้าพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยได้มีใบรับรองแพทย์มาแสดง จึงเชื่อว่าจำเลยป่วยจริง กรณีมีเหตุสมควรจึงให้เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 14 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ศาลอาญา มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 15 ก.ย.49 ให้จำคุกคนละ 3 ปี ตามความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. ม.24 และ42 พร้อมกับเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลยทีกำหนดคนละ 10 ปี แต่เนื่องจากข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานที่จำเลยทั้งสามได้นำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษเห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี ส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 ให้ยกฟ้อง อย่างไรก็ดี คดีนี้เป็นคดีที่สองที่ศาลพิพากษาจำคุกอดีต กกต.ทั้งสาม โดยก่อนหน้านี้ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 15 ก.ค.49 ให้จำคุก 4 ปี พร้อมเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ตามความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. ม.24 และ 42 ที่นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องว่า อดีต กกต.ทั้งสามร่วมกันจัดการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตรอบใหม่ เมื่อวันที่ 23 และ 29 เมษายน 2549 ใน 38 เขต 15 จังหวัด โดยไม่มีอำนาจ และการออกหนังสือเวียนถึง ผอ.กต.เขต ให้รับผู้สมัครรายเดิมเวียนเทียนสมัครใหม่ อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้สมัครพรรคไทยรักไทย เลี่ยงการได้รับคะแนนเสียงน้อยกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้น ซึ่งศาลอุทธรณ์ ก็ได้มีคำพิพากษายืนให้จำคุก 4 ปี พร้อมเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี