“สมัคร” ออกคำสั่งให้ “เสรีพิศุทธ์” ออกจากราชการแล้ว พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาทำผืดวินัยร้ายแรง 3 ข้อ เรื่องโครงการเช่ารถ การใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมสั่งการ และออกคำสั่งแต่งตั้งผิดกฎหมาย
วันนี้ (9 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งที่ 73/2551 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน โดบระบุว่าด้วย พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ข้าราชการตำรวจประจำการ ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรับเงินเดือนระดับ ส.9 ขั้น 10 (66,480 บาท) มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ดังนี้
1.ดำเนินโครงการเช่ารถยนต์บรรทุกขนาด 1 ตัน แบบดับเบิลแค็บ จำนวน 2,894 คัน โครงการเช่ารถตู้โดยสาร (เบนซิน) ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ขนาด15 ที่นั่ง จำนวน 1,447 คัน โครงการเช่ารถยนต์บรรทุกอเนกประสงค์ขนาด 3 ตัน ขนาด 24 ที่นั่ง จำนวน 270 คัน และรถยนต์บรรทุกขนาด 3 ตันพร้อมติดตั้งอุปกรณ์กวาดเรือใบ เครนยก จำนวน 51 คันและโครงการเช่ารถยนต์บรรทุก (ขนาด 1 ตัน) แบบมีช่องว่างด้านหลังคนขับ จำนวน 1,555 คัน ซึ่งใช้งบประมาณรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9,899,578,200 บาท โดยมีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริต และเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ซึ่งทำให้ทางราชการเสียหายตลอดจนเป็นการเอื้อประโยชน์แก่บริษัทผู้ให้เช่ารถยนต์ อันถือได้ว่าเป็นการกระทำการหรือไม่กระทำการใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง และเป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้
2. สั่งการโดยใช้ถ้อยคำที่มิบังควร และไม่เหมาะสม ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงานในบันทึกของกองสวัสดิการที่เสนอขอให้พิจารณางดการแข่งขันกีฬาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปี 2551 ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 21-28 มี.ค.2551 เนื่องจากผู้เสนอเห็นว่าในช่วงระยะเวลาดังกล่าวอยู่ระหว่างการไว้ทุกข์ตามมติ ครม.หากจัดการแข่งขันกีฬาภายในจะเป็นการไม่บังควร
3. ดำเนินการบริหารงานบุคคลโดยออกคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับพันตำรวจเอกตำแหน่งผู้กำกับการฝ่ายปฏิบัติการที่ 1-ที่ 10 ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในกองบังคับการต่างๆโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการทำให้ข้าราชการตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ดังกล่าวไม่มีกฎหมายรองรับตำแหน่งจึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในการแบ่งส่วนราชการของกองบังคับการต่างๆ และกรณีดังกล่าวเป็นเหตุทำให้ราชการต้องเสียงบประมาณสำหรับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งโดยยังไม่มีการดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมายเสียก่อนแต่อย่างใดจนถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีลับมาก ที่ 34/2551 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ลับมากที่ 45/2551 ลงวันที่13 มี.ค.2551แล้ว และมีเหตุให้พักราชการได้ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 ข้อ 3(1) และ (2) คือ ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ราชการหรือเกี่ยวกับความประพฤติหรือพฤติการณ์อันไม่น่าไว้วางใจหากให้คงอยู่ในหน้าที่ราชการอาจเกิดการเสียหายแก่ราชการและจะเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนพิจารณาหรือจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นและได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการสอบสวนพิจารณาที่เป็นเหตุให้สั่งพักราชการนั้นจะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว
ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 95 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ประกอบกับกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนพ.ศ.2547 ข้อ 8 จึงให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
อนึ่ง ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามคำสั่งนี้มีสิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.ตร.ได้ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 105 และหากประสงค์จะฟ้องโต้แย้งคำสั่งหรือคำวินิจฉัยอุทธรณ์นี้ให้ทำคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครองหรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังศาลปกครองภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์ หรือภายใน 90 วัน นับแต่วันพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องขอทราบผลการวินิจฉัยอุทธรณ์
สั่ง ณ วันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2551
นายสมัคร สุนทรเวช
นายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 11 เม.ย.นี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้นัดประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยคาดว่าจะมีการเสนอวาระพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร.ขึ้นมาแทน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ด้วย