อดีตผู้การตำรวจป่าไม้ หอบหลักฐานโร่แจ้ง DSI เร่งจับ กกต.ฐานละเว้นหน้าที่ปฏิบัติงานมิชอบเปิดช่องเอื้อให้พรรคพวกฮั้วพิมพ์บัตรโกงเลือกตั้ง ขีดเส้น 10 วันคดีไม่คืบจะติดป้ายประจานหน่วยงานรัฐ ขณะที่โฆษกดีเอสไอยันจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ด้าน รมว.ยุติธรรมระบุเรื่องนี้ไม่ควรโยงกับเรื่องยุบพรรค
วันนี้ (27 มี.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.ต.เสวก ปิ่นสินชัย อดีตผู้บังคับการตำรวจป่าไม้ เข้ายื่นหนังสือกล่าวโทษให้ดีเอสไอดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และผู้เกี่ยวข้องในความผิดตามกฎหมายฮั้วประมูล กรณีการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ ผ่าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ โฆษกดีเอสไอ พร้อมอ้างว่าในการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งแบบสัดส่วนและแบ่งเขต มีการดำเนินการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้เสนอราคาบางราย และนำบัตรเลือกตั้งบางส่วนไปกาเลือกเบอร์พรรคการเมือง และผู้สมัครสมาชิกสภาฯ พรรคหนึ่ง เพื่อให้ได้คะแนนสูงขึ้น ก่อนนำไปสับเปลี่ยนกับบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 15-16 ธ.ค.2550 จนทำให้ผู้สมัครบางส่วนได้รับเลือกตั้ง พร้อมทั้งนำสำเนาบัตรเลือกตั้งที่ประชาชนลงคะแนนฉบับจริงแต่ทำลายไม่หมด และซองไปรษณีย์ที่ส่งบัตรเลือกตั้งแบบสัดส่วนยัดไส้ล่วงหน้าจากต่างจังหวัดมายังส่วนกลาง และถุงเมล์สำหรับการใส่บัตรเลือกตั้งของประชาชนที่ถูกสับเปลี่ยน มายืนยัน
พล.ต.ต.เสวก ปิ่นสินชัย อดีตผู้บังคับการตำรวจป่าไม้ เปิดแถลงว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้นำหลักฐานจากพลเมืองดีเกี่ยวกับการโกงเลือกตั้ง ส.ส.ล่วงหน้าในวันที่ 15-16 ธ.ค.2550 ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ สน.โคกคราม ต่อคนที่มีหน้าที่กำกับดูแลควบคุมการเลือกตั้ง คือ กกต. กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จัดการเลือกตั้งร่วมกันทุจริตโกงเลือกตั้ง กรณีดังกล่าวเป็นการโกงครั้งยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์ไทย ต่อมา 8 ก.พ.ได้ทำหนังสือทวงถาม กกต.ว่า ดำเนินการตรวจสอบถึงไหนแล้ว จากนั้น 27 ก.พ. กกต.ได้เรียกให้ตนให้ถ้อยคำ แต่จากวันนั้นถึงวันนี้เกือบ 2 เดือนยังไม่คืบหน้ากับเรื่องการปล้นสิทธิปล้นเสียงของประชาชน เชื่อว่าคนที่มีหน้าที่ดูแลควบคุมการเลือกตั้ง ส่อเจตนาน่าจะช่วยเหลือพวกเดียวกัน หรือให้คุณให้โทษพรรคใดพรรคหนึ่ง จึงต้องกล่าวหา กกต.ทุจริตการเลือกตั้งและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งฮั้วประมูล
“ผมต้องการให้ กกต.ออกมาชี้แจง เรื่องการฮั้วประมูลการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง เพราะได้ร้องเรียนไปนานแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ ภายใน 2 วันนี้ หาก กกต.ยังไม่เปิดเผย ผมจะเปิดแถลงข่าวถึงวิธีการฮั้วประมูลอย่างละเอียดอีกครั้ง และจะนำบัตรเลือกตั้งที่ถูกฉีกไปติดประจานทั่วถนนรามอินทรา สำหรับดีเอสไอหากไม่ดำเนินการอะไร ผมจะประจานในลักษณะเดียวกัน แต่ตอนนี้ขอเล่นงาน กกต.ก่อน”พ ล.ต.ต.เสวกกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การอกมาร้องเรียนในช่วงนี้เพราะมีพรรคการเมืองสนับสนุนใช่หรือไม่ พล.ต.ต.เสวก กล่าวว่า การออกมาร้องทุกข์กล่าวโทษ กกต.ช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงที่เป็นประชาธิปไตย ในช่วงเผด็จการคงไม่เหมาะสม การเคลื่อนไหวของตนไม่มีการมีการเมืองสนับสนุนแน่นอน ใครจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ตนไม่ทราบ ทุกอย่างตรวจสอบได้ ยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้ทำในฐานะคนไทยที่เห็นการทุจริตการเลือกตั้งเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
พล.ต.ต.เสวก กล่าวอีกว่า ตนไม่เล่นการเมือง ไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ยืนยันสิ่งที่ทำอยากเห็นสังคมเป็นธรรม ไม่ได้ช่วยพรรคใด การสืบสวนพบใครผิดก็ดำเนินการไป หากภายใน 10 วัน กกต.ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร จะนำป้ายติดบัตรเลือกตั้งโกงไปติดบริเวณถนนรามอินทรา ประจานการทำงานหน่วยงานรัฐซึ่งไม่เอาจริงต่อการทุจริตการเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า อาจมีการมองว่าท่านออกมาเพราะมีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองหรือไม่ พล.ต.ต.เสวก กล่าวสวนว่า “ใครล่ะ ทำไมไม่ถามว่าผมเป็นเพื่อนกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล บ้าง ผมทำในฐานะประชาชน ให้ตรวจสอบประวัติรับราชการของผมได้”
ด้าน พ.ต.อ.ณรัตต์ เศวตนันทน์ โฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า ผู้ร้องแจ้งว่ามีพยานหลักฐานสำคัญที่น่าเชื่อว่าอาจมีการกระทำผิดกฎหมายในการเลือกตั้งของบุคคลที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ ได้มอบหมายให้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดีเอสไอ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ผบ.สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมต่างประเทศ ตรวจสอบข้อเท็จจริง ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอจะพิจารณานำเข้าเป็นคดีพิเศษต่อไป
ต่อข้อถามที่ว่า ดีเอสไอจะทำอย่างไรไม่ให้ถูกมองว่าเรื่องนี้เป็นคดีการเมือง โฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอจะทำตรงไปตรงมามีความเป็นสากล เป็นกลางทางการเมืองจะพิจารณาข้อมูลตามพยานหลักฐานบนพื้นฐานของความเป็นธรรม ไม่ได้ตั้งธงล่วงหน้า เรื่องนี้ละเอียดอ่อนจะใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ด้าน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการโกงการเลือกตั้งมาหนาหู แต่ยังขาดหลักฐานที่จะเอาผิด ล่าสุดทราบว่าการเข้าร้องเรียนครั้งนี้ พล.ต.ต. เสวก ได้นำหลักฐานมามอบให้ดีเอสไอด้วย แต่ยังไม่ทราบว่ามีหลักฐานอะไรบ้าง ซึ่งตนจะกำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานผลมายังสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่า การร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.เป็นการต่อสู้เพื่อไม่ให้ถูกยุบพรรคพลังประชาชนหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า การร้องเรียนดังกล่าวเป็นความต้องการให้ดีเอสไอตรวจสอบคดีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้ง เป็นคนละเรื่องการคดียุบพรรค จึงไม่น่าจะถูกหยิบมาเป็นประเด็นโจมตี ในส่วนของการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีของดีเอสไอ ขึ้นอยู่กับข้อมูลและพยานหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีข้อกังวลว่าอาจมีการปะทะกันระหว่างกลุ่มของนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ซึ่งยืนยันจะจัดชุมนุมเป็นเวทีคู่ขนานกับการสัมมนาของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสมพงษ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าจะไม่มีเหตุรุนแรงหรือการปะทะกัน เพราะการชุมนุมของทั้ง 2 กลุ่ม เป็นเพียงการนำเสนอความคิดเห็นว่าแต่ละฝ่ายใครมีความเห็นอย่างไร จึงไม่น่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น
วันนี้ (27 มี.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.ต.เสวก ปิ่นสินชัย อดีตผู้บังคับการตำรวจป่าไม้ เข้ายื่นหนังสือกล่าวโทษให้ดีเอสไอดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และผู้เกี่ยวข้องในความผิดตามกฎหมายฮั้วประมูล กรณีการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ ผ่าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ โฆษกดีเอสไอ พร้อมอ้างว่าในการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งแบบสัดส่วนและแบ่งเขต มีการดำเนินการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้เสนอราคาบางราย และนำบัตรเลือกตั้งบางส่วนไปกาเลือกเบอร์พรรคการเมือง และผู้สมัครสมาชิกสภาฯ พรรคหนึ่ง เพื่อให้ได้คะแนนสูงขึ้น ก่อนนำไปสับเปลี่ยนกับบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 15-16 ธ.ค.2550 จนทำให้ผู้สมัครบางส่วนได้รับเลือกตั้ง พร้อมทั้งนำสำเนาบัตรเลือกตั้งที่ประชาชนลงคะแนนฉบับจริงแต่ทำลายไม่หมด และซองไปรษณีย์ที่ส่งบัตรเลือกตั้งแบบสัดส่วนยัดไส้ล่วงหน้าจากต่างจังหวัดมายังส่วนกลาง และถุงเมล์สำหรับการใส่บัตรเลือกตั้งของประชาชนที่ถูกสับเปลี่ยน มายืนยัน
พล.ต.ต.เสวก ปิ่นสินชัย อดีตผู้บังคับการตำรวจป่าไม้ เปิดแถลงว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้นำหลักฐานจากพลเมืองดีเกี่ยวกับการโกงเลือกตั้ง ส.ส.ล่วงหน้าในวันที่ 15-16 ธ.ค.2550 ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ สน.โคกคราม ต่อคนที่มีหน้าที่กำกับดูแลควบคุมการเลือกตั้ง คือ กกต. กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จัดการเลือกตั้งร่วมกันทุจริตโกงเลือกตั้ง กรณีดังกล่าวเป็นการโกงครั้งยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์ไทย ต่อมา 8 ก.พ.ได้ทำหนังสือทวงถาม กกต.ว่า ดำเนินการตรวจสอบถึงไหนแล้ว จากนั้น 27 ก.พ. กกต.ได้เรียกให้ตนให้ถ้อยคำ แต่จากวันนั้นถึงวันนี้เกือบ 2 เดือนยังไม่คืบหน้ากับเรื่องการปล้นสิทธิปล้นเสียงของประชาชน เชื่อว่าคนที่มีหน้าที่ดูแลควบคุมการเลือกตั้ง ส่อเจตนาน่าจะช่วยเหลือพวกเดียวกัน หรือให้คุณให้โทษพรรคใดพรรคหนึ่ง จึงต้องกล่าวหา กกต.ทุจริตการเลือกตั้งและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งฮั้วประมูล
“ผมต้องการให้ กกต.ออกมาชี้แจง เรื่องการฮั้วประมูลการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง เพราะได้ร้องเรียนไปนานแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ ภายใน 2 วันนี้ หาก กกต.ยังไม่เปิดเผย ผมจะเปิดแถลงข่าวถึงวิธีการฮั้วประมูลอย่างละเอียดอีกครั้ง และจะนำบัตรเลือกตั้งที่ถูกฉีกไปติดประจานทั่วถนนรามอินทรา สำหรับดีเอสไอหากไม่ดำเนินการอะไร ผมจะประจานในลักษณะเดียวกัน แต่ตอนนี้ขอเล่นงาน กกต.ก่อน”พ ล.ต.ต.เสวกกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การอกมาร้องเรียนในช่วงนี้เพราะมีพรรคการเมืองสนับสนุนใช่หรือไม่ พล.ต.ต.เสวก กล่าวว่า การออกมาร้องทุกข์กล่าวโทษ กกต.ช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงที่เป็นประชาธิปไตย ในช่วงเผด็จการคงไม่เหมาะสม การเคลื่อนไหวของตนไม่มีการมีการเมืองสนับสนุนแน่นอน ใครจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ตนไม่ทราบ ทุกอย่างตรวจสอบได้ ยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้ทำในฐานะคนไทยที่เห็นการทุจริตการเลือกตั้งเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
พล.ต.ต.เสวก กล่าวอีกว่า ตนไม่เล่นการเมือง ไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ยืนยันสิ่งที่ทำอยากเห็นสังคมเป็นธรรม ไม่ได้ช่วยพรรคใด การสืบสวนพบใครผิดก็ดำเนินการไป หากภายใน 10 วัน กกต.ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร จะนำป้ายติดบัตรเลือกตั้งโกงไปติดบริเวณถนนรามอินทรา ประจานการทำงานหน่วยงานรัฐซึ่งไม่เอาจริงต่อการทุจริตการเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า อาจมีการมองว่าท่านออกมาเพราะมีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองหรือไม่ พล.ต.ต.เสวก กล่าวสวนว่า “ใครล่ะ ทำไมไม่ถามว่าผมเป็นเพื่อนกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล บ้าง ผมทำในฐานะประชาชน ให้ตรวจสอบประวัติรับราชการของผมได้”
ด้าน พ.ต.อ.ณรัตต์ เศวตนันทน์ โฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า ผู้ร้องแจ้งว่ามีพยานหลักฐานสำคัญที่น่าเชื่อว่าอาจมีการกระทำผิดกฎหมายในการเลือกตั้งของบุคคลที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ ได้มอบหมายให้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดีเอสไอ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ผบ.สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมต่างประเทศ ตรวจสอบข้อเท็จจริง ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอจะพิจารณานำเข้าเป็นคดีพิเศษต่อไป
ต่อข้อถามที่ว่า ดีเอสไอจะทำอย่างไรไม่ให้ถูกมองว่าเรื่องนี้เป็นคดีการเมือง โฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอจะทำตรงไปตรงมามีความเป็นสากล เป็นกลางทางการเมืองจะพิจารณาข้อมูลตามพยานหลักฐานบนพื้นฐานของความเป็นธรรม ไม่ได้ตั้งธงล่วงหน้า เรื่องนี้ละเอียดอ่อนจะใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ด้าน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการโกงการเลือกตั้งมาหนาหู แต่ยังขาดหลักฐานที่จะเอาผิด ล่าสุดทราบว่าการเข้าร้องเรียนครั้งนี้ พล.ต.ต. เสวก ได้นำหลักฐานมามอบให้ดีเอสไอด้วย แต่ยังไม่ทราบว่ามีหลักฐานอะไรบ้าง ซึ่งตนจะกำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานผลมายังสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่า การร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.เป็นการต่อสู้เพื่อไม่ให้ถูกยุบพรรคพลังประชาชนหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า การร้องเรียนดังกล่าวเป็นความต้องการให้ดีเอสไอตรวจสอบคดีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้ง เป็นคนละเรื่องการคดียุบพรรค จึงไม่น่าจะถูกหยิบมาเป็นประเด็นโจมตี ในส่วนของการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีของดีเอสไอ ขึ้นอยู่กับข้อมูลและพยานหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีข้อกังวลว่าอาจมีการปะทะกันระหว่างกลุ่มของนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ซึ่งยืนยันจะจัดชุมนุมเป็นเวทีคู่ขนานกับการสัมมนาของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสมพงษ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าจะไม่มีเหตุรุนแรงหรือการปะทะกัน เพราะการชุมนุมของทั้ง 2 กลุ่ม เป็นเพียงการนำเสนอความคิดเห็นว่าแต่ละฝ่ายใครมีความเห็นอย่างไร จึงไม่น่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น