รวบแล้วเสี่ยคนสนิทพัวพันการหายตัวไปของ “น้องอุ๋ย โปงลาง” เอทีเอ็มมัดตัวขณะนำบัตรเหยื่อไปกดที่ชลบุรี ด้านเจ้าตัวปฏิเสธทุกข้อหา พร้อมให้ญาติใช้ตำแหน่งประกันตัวออกไป ด้านแม่เหยื่อเผยดีใจที่ตำรวจจับกุมคนร้ายได้แม้ไม่สามารถเอาผิดคดีฆ่าได้
วันนี้ (19 มี.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 16.00 น. พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป.และ พ.ต.อ.สมยศ พรมนิ่ม รอง ผบก.ป.แถลงข่าวจับกุมเสี่ยคนสนิท น.ส.ชลธิชา บรรเทาทึก หรือ น้องอุ๋ย อายุ 23 ปี บัณฑิตสาวจากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม และ อดีตแดนเซอร์วงโปงลางสะออน ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2550 ที่ผ่าน โดย พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล ผกก.ฝป.10 บก.ป.พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.ช่วยราชการ ฝป.10 บก.ป.นำกำลังจับกุมตัว นายชัยภัทร หรือสมคิด กอธงชัย อายุ 43 ปี เสี่ยเจ้าของโรงงานพลาสติก อยู่บ้านเลขที่ 3/1 หมู่ที่ 1 ต.คอกกระบือ อ.เมืองสมุทรสาคร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 936 /2551 ข้อหากระทำการด้วยกระการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย,ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยจับกุมได้ที่ บริเวณถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กทม.เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ก่อนควบคุมตัวมาทำการสอบปากคำที่กองปราบปราม
ทั้งนี้ การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา นางสุทธมาศ รักสมบัติ อายุ 46 ปี มารดาของ น.ส.ชลธิชา เข้าร้องกองปราบว่า บุตรสาวที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจากห้องพักเลขที่ 308 ชั้น 8 รุ่งทรัพย์แมนชั่น ปิ่นเกล้า เลขที่ 121 ซอยสมเด็จพระปิ่นเกล้า 7 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม.
ต่อมาเมื่อวันที่ 22 ต.ค. พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ได้สั่งการให้ทีมสืบสวนของกองปราบฯ พร้อมเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจค้นห้องพักหมายเลข 308 ชั้น 8 รุ่งทรัพย์แมนชั่น ปิ่นเกล้า เลขที่ 121 ซอยสมเด็จพระปิ่นเกล้า 7 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด ซึ่งเคยเป็นห้องพักของ น.ส.ชลธิชา จากการตรวจสอบภายในห้องพัก พบว่า มีร่องรอยคราบโลหิตหลงเหลืออยู่บางส่วน จึงได้เก็บตัวอย่างไปตรวจสอบ นอกจากนี้ ยังมีการนำรถยนต์ของเพื่อนชายคนสนิทของ น.ส.ชลธิชา ไปตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย เนื่องจากเชื่อว่ารถคันดังกล่าวได้ไปประสบอุบัติเหตุตกน้ำจนเสียหาย ภายหลังจาก น.ส.ชลธิชา หายตัวไปได้ไม่นานถูกนำไปซ่อมรักษาอยู่ที่อู่แห่งหนึ่ง ทีมสืบสวนได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่าอาจจะมีส่วนในการสูญหายตัวไปของ น.ส.ชลธิชา ด้วย หลังจากที่มีการรวบรวมพยานหลักฐานจนเชื่อว่านายชัยภัทร น่าจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ น.ส.ชลธิชา จึงขออนุมัติหมายศาลอาญาและเข้าทำการจับกุมตัวดังกล่าว
พ.ต.อ.สมยศ เปิดเผยว่า การคลี่คลายคดีนี้ถือว่าค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อนในการสืบสวน เนื่องจากไม่สามารถพบตัว น.ส.ชลธิชา ในขณะที่ยังมีชีวิตหรือเสียชีวิตไปแล้ว โดยเชื่อว่าคนร้ายมีเจตนาปิดบังซ้อนเร้นอำพรางศพ ประกอบกับคดีนี้ทิ้งช่วงเวลามานานจึงทำให้การเสาะแสวงหาหลักฐานเป็นไปด้วยความลำบาก แต่ที่สุดแล้วจากการสืบสวนได้ไปพบหลักฐานเป็นบัตรเอทีเอ็มของ น.ส.ชลธิชา ถูกนำไปใช้กดเงินจำนวน 10,000 บาท ที่บริเวณปั๊มน้ำมันเจ็ท ถ.ชลบุรี - ศรีราชา (อ่าวอุดม) จ.ชลบุรี เมื่อเวลาประมาณ 17.37 น.ของวันที่ 8 ก.ค. ปีที่ผ่านมา หลังการหายตัวไปของ น.ส.ชลธิชา ประมาณ 5 วัน นอกจากนี้ในการตรวจสอบยังพบว่าช่วงเวลานั้นนายชัยภัทรได้ไปปรากฏตัวอยู่บริเวณปั๊มน้ำมันดังกล่าวด้วย เมื่อนำเอาหลักฐานต่างๆรวมทั้งวัตถุพยาน และพยานบุคคลมาพิจารณาแล้ว เชื่อว่า นายชัยภัทร น่าจะเกี่ยวข้องกับคดีนี้ จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับพร้อมเข้าทำการจับกุมดังกล่าว
พ.ต.อ.สมยศ กล่าวต่อว่า หลังจากควบคุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว เบื้องต้นจากการสอบสวน นายชัยภัทร ได้ให้การปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหายังได้ให้การยอมรับว่า ตนเองอยู่กับ น.ส.ชลธิชา เป็นคนสุดท้าย ก่อนที่จะหายตัวไป ก็จะได้ดำเนินการสอบสวนขยายผลต่อไป ส่วนการติดตามหาตัว น.ส.ชาธิชา นั้นที่ผ่านมาได้มีการตรวจสอบไปในหลายพื้นทั้งภาคตะวันออกและภาคใต้ ที่เชื่อว่าจะมีการนำร่างของ น.ส.ชลธิชา ไปทำลาย แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า จึงอยากขอความร่วมมือไปยังพลเมืองดีที่พอจะทราบเบาะแสในเรื่องนี้ว่า ขอให้แจ้งข้อมูลมาที่กองปราบปรามด้วย
ส่วน นางสุทธมาศ มาราดาของน้องอุ๋ย กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่กองปราบปรามช่วยเหลือ จนถึงขั้นตามจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ในที่สุด ถึงแม้จะไม่ใช่คดีฆาตกรรมก็ตาม ส่วนตัวแล้วเชื่อว่าลูกสาวคงถูกฆ่าตายไปแล้ว เพราะไม่เคยติดต่อกลับมาที่บ้านเลย ที่ผ่านมามีเพียงพบกันในความฝันเท่านั้น เพราะเขามาเข้าฝันเป็นประจำ เพื่อบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเขาทำให้รู้สึกสงสารลูกมาก ขณะนี้ตนแค่อยากรู้ว่าเขาเอาร่างของลูกสาวของตนไปไว้ไหนก็พอแล้ว เพื่อที่จะขอนำเอาร่าง ฃลูกกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา เพื่อให้น้องอุ๋ยไปอย่างสงบแค่นี้ตนก็พอใจแล้ว ไม่อยากจะคิดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะใครทำอะไรไว้ก็ขอให้ชดใช้กรรมกันไปก็แล้วกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายชัยภัทร และ น.ส.ชลธิชา นั้นจากการสอบสวนทราบว่าทั้งคู่ได้รู้จักกันตั้งแต่เดือน มี.ค.48 ที่ผับดังแห่งหนึ่งย่านบางพลัด โดยขณะนั้น น.ส.ชลธิชา เป็นแดนเซอร์ ต่อมาได้คบหาและติดต่อกับนายชัยภัทรที่มาทำหน้าที่ขับรถรับส่งระหว่างที่ น.ส.ชลธิชา ไปรับงานรำไทย พิธีกร และแดนเซอร์ นอกจากนี้ยังคอยช่วยเหลือออกค่าเช่าห้อง รวมทั้งค่าการศึกษาจำนวนหนึ่งให้ด้วย มาระยะหลัง น.ส.ชลธิชา เริ่มออกเที่ยวหนัก จนก่อนวันเกิดเหตุประมาณวันที่ 3 ก.ค. น.ส.ชลธิชาได้ไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน เมื่อกลับมาก็มีเกิดมีปากเสียงกับนายชัยภัทรอย่างรุนแรง หลังจากนั้นก็ได้หายตัวไป กระทั่งนางสุทธมาศ มารดาทราบข่าวก็เลยเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.บางยี่ขัน สภ.ต.พัทยา และที่กองปราบปราม
ด้าน นายชัยภัทร ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมทั้งได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ทางราชการของญาติรายหนึ่ง มายื่นขอประกันตัวออกไป โดยพนักงานสอบสวนได้ให้อนุมัติการประกันตัว ก่อนปล่อยตัวกลับไป
แกะรอยบัณฑิตสาวนาฏศิลป์หายลึกลับ-พบคราบเลือดในห้อง!
เตรียมแจ้งข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวเสี่ยคนใกล้ชิด “อุ๋ย โปงลาง”
กองปราบพบหลักฐานเด็ดมัดตัวคนสนิท “อุ๋ย โปงลางสะออน”