ตำรวจคุมตัวโจรบุกเดี่ยวจี้ชิงทรัพย์ในแบงก์ไทยพาณิชย์ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ รวมทั้งจุดที่ขับขี่รถ จยย.หลบหนีแล้วเกิดอุบัติเหตุด้วย ด้านจอมโจร เผย ที่แต่งกายคล้ายตำรวจ ด้วยรักเป็นตำรวจมาตั้งแต่เด็ก เคยสอบข้อเขียนเข้า นรต.ได้ แต่ตกพลศึกษา จึงพลาดหวังในอาชีพที่ใฝ่ฝัน ด้านเมียเผย ผัวเป็นโรคจิต
วันนี้ (4 มี.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น.พ.ต.ท.อัครวินต์ สุคนธวิช รอง ผกก.สส.สน.บางยี่ขัน พร้อมพ.ต.ท.จุมพล เงินกอบทอง พนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่ขัน จำนวนหนึ่ง ได้ควบคุมตัว นายไพบูลย์ ปางปัญญา อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาจี้ชิงเงินธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยจุดแรก เป็นบริเวณชั้น 2 ของห้างเซ็นทรัล ด้านข้างธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นจุดที่คนร้ายเดินเข้ามา จากนั้นได้เดินเข้าไปในธนาคาร ควักถุงพลาสติกขนาดใหญ่สีแดง ออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้านซ้าย จากนั้นได้ชักปืนพกออกมาจากเอวจ่อที่ศีรษะของพนักงานธนาคาร เพื่อให้หยิบเงิน หลังจากได้เงินสดแล้วได้หลบหนี โดยระหว่างที่เดินอยู่ภายในห้าง ได้ถอดเสื้อซาฟารีสีเหลืองพับไว้ที่แขนก่อนจะเดินย้อนกลับมาทางเดิมทางด้านข้างธนาคาร และเดินไปยังลานจอดรถจักรยานยนต์ที่อยู่ด้านล่างของห้าง จากนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า รุ่นเจเอ็กซ์อาร์ สีเหลือง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีเข้าไปในซอย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปทำแผนยังจุดที่สอง ซึ่งเป็นจุดที่ นายไพบูลย์ ประสบอุบัติเหตุ รถชนกับรถยนต์ ฮอนด้า แจ๊ซ ซึ่งอยู่บริเวณทางเข้าหมู่บ้านปิ่นเกล้าพัฒนา หลังจากประสบอุบัติเหตุนายไพบูลย์ ได้นำเสื้อซาฟารีไปทิ้งที่ข้างเสาประตูทางเข้าหมู่บ้าน จากนั้นได้ไปทำแผนยังจุดที่สาม บริเวณโรงพยาบาลเจ้าพระยา โดย นายไพบูลย์ ผู้ต้องหาได้ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่ลานจอดรถด้านนอก เพื่อที่จะไปทำแผลแต่นายไพบูลย์เกรงว่าจะมีคนจำหน้าได้ จึงได้หลบหนีโดยการขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดอยู่ด้านหน้าโรงพยาบาลดังกล่าว เพื่อไปหลบหนียังจุดที่ 4
ส่วนจุดที่ 4 หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาล มายังบ้านวิภาวัณย์ ซึ่งเป็นอพาร์ตเมนต์ เลขที่ 1820/300 ถ.สิรินธร แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม.โดยได้ติดต่อขอเช่าห้องพัก หมายเลข 320 ซึ่งอยู่ชั้น 3 ของอพาร์ตเมนต์ โดยขอเช่าเป็นรายเดือน เดือนละ 1,800 บาท โดยวางมัดจำ 1,000 บาท รวมเงิน 2,800 บาท จากนั้นได้นำตัวไพบูลย์ไปทำแผนจุดที่ 5 ซึ่งเป็นจุดสุดท้าย เป็นจุดที่ นายไพบูลย์ ไปซื้อรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ซุปเปอร์โฟร์ สีดำ ที่บริษัท ซีคาร์ ธนยนต์ จำกัด เป็นที่จำหน่ายรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่โดยเฉพาะ ตั้งอยู่เลขที่ 1820/440 โดย นายไพบูลย์ ผู้ต้องหาได้ซื้อรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวในราคา 165,000 บาท หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายไพบูลย์มาควบคุมตัวที่สน.ต่อ เพื่อมาสอบปากคำเพิ่มเติม
พ.ต.ท.อัครวินต์ กล่าวว่า เบื้องต้นจะต้องสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก โดยจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลตลิ่งชันในวันที่ 5 มีนาคม ไม่เกินเวลา 12.00 น.ขณะเดียวกัน จะต้องทำการตรวจสอบประวัติการรักษาอาการทางจิตของผู้ต้องหา และตรวจสอบทะเบียนปืน 9 มม.ว่าได้มาโดยถูกต้องหรือไม่ และ นายไพบูลย์ เป็นผู้ครอบครองปืนดังกล่าวได้อย่างไร สำหรับเส้นทางการหลบหนีจนไปประสบอุบัติเหตุนั้น ผู้ต้องหามีเจตนาหลบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ประสบอุบัติเหตุเสียก่อน โดยเจ้าของรถยนต์ได้ขับตัดหน้ารถของ นายไพบูลย์ ก่อนจะเจรจาให้ไปรักษาที่ รพ.เจ้าพระยา แต่ฝ่ายเจ้าของรถยนต์ไม่ได้ไปตามนัดหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายไพบูลย์ มาควบคุมตัวที่ สน.บางยี่ขัน เพื่อทำการสอบปากคำเพิ่มเติม โดยมี นางกุลกมล ปางปัญญา อายุ 40 ปี ภรรยาผู้ต้องหา มารอเยี่ยม พร้อมจัดเตรียมอาหาร รวมถึงเสื้อผ้ามาให้ผลัดเปลี่ยน ในระหว่างนั้นได้มีผู้สื่อข่าวมารอทำข่าวจำนวนมาก ทำให้ นางกุลกมล เกิดความไม่พอใจ ส่งเสียงเอะอะโวยวาย พร้อมกับร้องไห้ ด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้สื่อข่าว ว่า “ทำกับสามีและครอบครัวตนเกินไป ทำให้ได้รับความอับอาย” และยังบอกอีกว่า สิ่งที่สามีตนทำลงไปนั้นไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากสามีเป็นโรคจิต
นอกจากนี้ นายไพบูลย์ มีประวัติต้องคดีทำร้ายร่างกายภรรยาตัวเองที่ สน.บางกอกน้อย เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2550 อย่างไรก็ตาม นายไพบูลย์ ได้กล่าวยืนยันว่า ที่แต่งกายคล้ายคลึงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นไม่มีเจตนาที่จะป้ายสีเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เป็นเพราะความชอบส่วนตัวที่ได้ใฝ่ฝันอยากให้เป็นตำรวจมาตั้งแต่เด็กแล้ว ที่ผ่านมาเคยสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจ สามารถสอบผ่านข้อเขียน แต่สอบไม่ผ่านวิชาพลศึกษา เกี่ยวกับความพร้อมของร่างกาย จึงไม่ได้เป็นตำรวจอย่างที่ใฝ่ฝัน
รวบแล้ว! โจรจี้แบงก์ใบโพธิ์ อ้างทำเพื่อลูก
“อัศวิน” สั่งเร่งล่าตัวโจรจี้แบงก์ไทยพาณิชย์ปิ่นเกล้า
บุกเดี่ยวจี้แบงก์ไทยพาณิชย์เซ็นทรัลปิ่นเกล้า กวาด 8 แสนลอยนวล
วันนี้ (4 มี.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น.พ.ต.ท.อัครวินต์ สุคนธวิช รอง ผกก.สส.สน.บางยี่ขัน พร้อมพ.ต.ท.จุมพล เงินกอบทอง พนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่ขัน จำนวนหนึ่ง ได้ควบคุมตัว นายไพบูลย์ ปางปัญญา อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาจี้ชิงเงินธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยจุดแรก เป็นบริเวณชั้น 2 ของห้างเซ็นทรัล ด้านข้างธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นจุดที่คนร้ายเดินเข้ามา จากนั้นได้เดินเข้าไปในธนาคาร ควักถุงพลาสติกขนาดใหญ่สีแดง ออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้านซ้าย จากนั้นได้ชักปืนพกออกมาจากเอวจ่อที่ศีรษะของพนักงานธนาคาร เพื่อให้หยิบเงิน หลังจากได้เงินสดแล้วได้หลบหนี โดยระหว่างที่เดินอยู่ภายในห้าง ได้ถอดเสื้อซาฟารีสีเหลืองพับไว้ที่แขนก่อนจะเดินย้อนกลับมาทางเดิมทางด้านข้างธนาคาร และเดินไปยังลานจอดรถจักรยานยนต์ที่อยู่ด้านล่างของห้าง จากนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า รุ่นเจเอ็กซ์อาร์ สีเหลือง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีเข้าไปในซอย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปทำแผนยังจุดที่สอง ซึ่งเป็นจุดที่ นายไพบูลย์ ประสบอุบัติเหตุ รถชนกับรถยนต์ ฮอนด้า แจ๊ซ ซึ่งอยู่บริเวณทางเข้าหมู่บ้านปิ่นเกล้าพัฒนา หลังจากประสบอุบัติเหตุนายไพบูลย์ ได้นำเสื้อซาฟารีไปทิ้งที่ข้างเสาประตูทางเข้าหมู่บ้าน จากนั้นได้ไปทำแผนยังจุดที่สาม บริเวณโรงพยาบาลเจ้าพระยา โดย นายไพบูลย์ ผู้ต้องหาได้ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่ลานจอดรถด้านนอก เพื่อที่จะไปทำแผลแต่นายไพบูลย์เกรงว่าจะมีคนจำหน้าได้ จึงได้หลบหนีโดยการขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดอยู่ด้านหน้าโรงพยาบาลดังกล่าว เพื่อไปหลบหนียังจุดที่ 4
ส่วนจุดที่ 4 หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาล มายังบ้านวิภาวัณย์ ซึ่งเป็นอพาร์ตเมนต์ เลขที่ 1820/300 ถ.สิรินธร แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม.โดยได้ติดต่อขอเช่าห้องพัก หมายเลข 320 ซึ่งอยู่ชั้น 3 ของอพาร์ตเมนต์ โดยขอเช่าเป็นรายเดือน เดือนละ 1,800 บาท โดยวางมัดจำ 1,000 บาท รวมเงิน 2,800 บาท จากนั้นได้นำตัวไพบูลย์ไปทำแผนจุดที่ 5 ซึ่งเป็นจุดสุดท้าย เป็นจุดที่ นายไพบูลย์ ไปซื้อรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ซุปเปอร์โฟร์ สีดำ ที่บริษัท ซีคาร์ ธนยนต์ จำกัด เป็นที่จำหน่ายรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่โดยเฉพาะ ตั้งอยู่เลขที่ 1820/440 โดย นายไพบูลย์ ผู้ต้องหาได้ซื้อรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวในราคา 165,000 บาท หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายไพบูลย์มาควบคุมตัวที่สน.ต่อ เพื่อมาสอบปากคำเพิ่มเติม
พ.ต.ท.อัครวินต์ กล่าวว่า เบื้องต้นจะต้องสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก โดยจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลตลิ่งชันในวันที่ 5 มีนาคม ไม่เกินเวลา 12.00 น.ขณะเดียวกัน จะต้องทำการตรวจสอบประวัติการรักษาอาการทางจิตของผู้ต้องหา และตรวจสอบทะเบียนปืน 9 มม.ว่าได้มาโดยถูกต้องหรือไม่ และ นายไพบูลย์ เป็นผู้ครอบครองปืนดังกล่าวได้อย่างไร สำหรับเส้นทางการหลบหนีจนไปประสบอุบัติเหตุนั้น ผู้ต้องหามีเจตนาหลบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ประสบอุบัติเหตุเสียก่อน โดยเจ้าของรถยนต์ได้ขับตัดหน้ารถของ นายไพบูลย์ ก่อนจะเจรจาให้ไปรักษาที่ รพ.เจ้าพระยา แต่ฝ่ายเจ้าของรถยนต์ไม่ได้ไปตามนัดหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายไพบูลย์ มาควบคุมตัวที่ สน.บางยี่ขัน เพื่อทำการสอบปากคำเพิ่มเติม โดยมี นางกุลกมล ปางปัญญา อายุ 40 ปี ภรรยาผู้ต้องหา มารอเยี่ยม พร้อมจัดเตรียมอาหาร รวมถึงเสื้อผ้ามาให้ผลัดเปลี่ยน ในระหว่างนั้นได้มีผู้สื่อข่าวมารอทำข่าวจำนวนมาก ทำให้ นางกุลกมล เกิดความไม่พอใจ ส่งเสียงเอะอะโวยวาย พร้อมกับร้องไห้ ด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้สื่อข่าว ว่า “ทำกับสามีและครอบครัวตนเกินไป ทำให้ได้รับความอับอาย” และยังบอกอีกว่า สิ่งที่สามีตนทำลงไปนั้นไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากสามีเป็นโรคจิต
นอกจากนี้ นายไพบูลย์ มีประวัติต้องคดีทำร้ายร่างกายภรรยาตัวเองที่ สน.บางกอกน้อย เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2550 อย่างไรก็ตาม นายไพบูลย์ ได้กล่าวยืนยันว่า ที่แต่งกายคล้ายคลึงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นไม่มีเจตนาที่จะป้ายสีเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เป็นเพราะความชอบส่วนตัวที่ได้ใฝ่ฝันอยากให้เป็นตำรวจมาตั้งแต่เด็กแล้ว ที่ผ่านมาเคยสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจ สามารถสอบผ่านข้อเขียน แต่สอบไม่ผ่านวิชาพลศึกษา เกี่ยวกับความพร้อมของร่างกาย จึงไม่ได้เป็นตำรวจอย่างที่ใฝ่ฝัน
รวบแล้ว! โจรจี้แบงก์ใบโพธิ์ อ้างทำเพื่อลูก
“อัศวิน” สั่งเร่งล่าตัวโจรจี้แบงก์ไทยพาณิชย์ปิ่นเกล้า
บุกเดี่ยวจี้แบงก์ไทยพาณิชย์เซ็นทรัลปิ่นเกล้า กวาด 8 แสนลอยนวล