ตำรวจฝากขัง “นายไพบูลย์ ปางปัญญา” ผู้ต้องหาบุกเดี่ยวปล้นแบงก์ไทยพาณิชย์ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน พร้อมยื่นคัดค้านประกันตัว เกรงผู้ต้องหาหลบหนี ด้านญาติยังคงเครียดไม่พูดจากับสื่อ ขณะที่ตำรวจกันผู้สื่อข่าวไม่ให้กดดันผู้ต้องหา เกรงผู้ต้องหาจะฆ่าตัวตาย
วันนี้ (5 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. พ.ต.ท.จุมพล เงินกอบทอง พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.บางยี่ขัน เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายปล้นธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า กวาดเงินสดไปกว่า 8 แสนบาท โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ตรวจได้จับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุบุกเดี่ยวจี้พนักงานธนาคารได้แล้ว คือ นายไพบูลย์ ปางปัญญา อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ที่ 77 ซ.กานต์ประภา เขตบางซื่อ กทม. โดยสามารถจับกุมได้ที่ห้องเลขที่ 320 ชั้น 3 วิภาวัณย์ อพาร์ตเม้นท์ เลขที่ 1820/300 ถ.สิรินธร แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม.นั้นว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่ขัน ได้ทำเรื่องฝากขังผู้ต้องหาคนดังกล่าวต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน และได้ทำเรื่องยื่นต่อศาลคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าคนร้ายจะหลบหนี
อย่างไรก็ตาม นายไพบูลย์ได้กล่าวเพียงสั้นๆ ในช่วงระหว่างถูกควบคุมตัวไปฝากขังว่า ตนเองจะยื่นขอประกันตัวแน่นอน แต่ยังไม่ชัดเจนจะใช้เงินสดหรือหลักทรัพย์ใดประกันตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในการควบคุมตัวผู้ต้องหารายนี้ ได้มีภรรยา ลูก และญาติๆ ผู้ต้องหาได้มาให้กำลังใจพร้อมกับเดินทางไปยังศาลจังหวัดตลิ่งชันร่วมกับผู้ต้องหาด้วย ซึ่งภรรยา ลูก และญาติๆ มีสีหน้าที่ตึงเครียดและไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ ต่อสื่อมวลชน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไปสัมภาษณ์ และอยู่ใกล้ผู้ต้องหาและญาติๆ มากนัก เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการกดดันผู้ต้องหาทำให้เกิดความเครียดและทำให้ทำร้ายตัวเองถึงขั้นฆ่าตัวตายได้
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ นายไพบูลย์ได้ให้ปากคำและเหตุผลต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสอบสวนว่า มีอาชีพเป็นพนักงานบริษัทรับเหมาก่อสร้าง แต่ภายหลังป่วยเป็นโรคหัวใจต้องทำบอลลูนถึง 2 ครั้ง นอกจากนี้ เพิ่งทราบว่าเป็นมะเร็งที่โพรงจมูก คิดว่าอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ตนยังมีลูกสาวอีก 1 คน ซึ่งอายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น จึงอยากหาเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูกได้เรียนสูงๆ เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมาจึงได้พกปืนปลอมที่ซื้อจากคลองถมไปที่ห้างเซ็นทรัลปิ่นเกล้า และพบว่าธนาคารต่างๆ ปิดบริการหมดแล้ว เหลือเพียงธนาคารไทยพาณิชย์ที่ปิดประตูบานเลื่อนเพียงครึ่งเดียวจึงตรงเข้าไปใช้ปืนปลอมจี้ชิงเงินสดจากพนักงานธนาคารก่อนหลบหนีออกจากห้างฯ
วันนี้ (5 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. พ.ต.ท.จุมพล เงินกอบทอง พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.บางยี่ขัน เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายปล้นธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า กวาดเงินสดไปกว่า 8 แสนบาท โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ตรวจได้จับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุบุกเดี่ยวจี้พนักงานธนาคารได้แล้ว คือ นายไพบูลย์ ปางปัญญา อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ที่ 77 ซ.กานต์ประภา เขตบางซื่อ กทม. โดยสามารถจับกุมได้ที่ห้องเลขที่ 320 ชั้น 3 วิภาวัณย์ อพาร์ตเม้นท์ เลขที่ 1820/300 ถ.สิรินธร แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม.นั้นว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่ขัน ได้ทำเรื่องฝากขังผู้ต้องหาคนดังกล่าวต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน และได้ทำเรื่องยื่นต่อศาลคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าคนร้ายจะหลบหนี
อย่างไรก็ตาม นายไพบูลย์ได้กล่าวเพียงสั้นๆ ในช่วงระหว่างถูกควบคุมตัวไปฝากขังว่า ตนเองจะยื่นขอประกันตัวแน่นอน แต่ยังไม่ชัดเจนจะใช้เงินสดหรือหลักทรัพย์ใดประกันตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในการควบคุมตัวผู้ต้องหารายนี้ ได้มีภรรยา ลูก และญาติๆ ผู้ต้องหาได้มาให้กำลังใจพร้อมกับเดินทางไปยังศาลจังหวัดตลิ่งชันร่วมกับผู้ต้องหาด้วย ซึ่งภรรยา ลูก และญาติๆ มีสีหน้าที่ตึงเครียดและไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ ต่อสื่อมวลชน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไปสัมภาษณ์ และอยู่ใกล้ผู้ต้องหาและญาติๆ มากนัก เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการกดดันผู้ต้องหาทำให้เกิดความเครียดและทำให้ทำร้ายตัวเองถึงขั้นฆ่าตัวตายได้
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ นายไพบูลย์ได้ให้ปากคำและเหตุผลต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสอบสวนว่า มีอาชีพเป็นพนักงานบริษัทรับเหมาก่อสร้าง แต่ภายหลังป่วยเป็นโรคหัวใจต้องทำบอลลูนถึง 2 ครั้ง นอกจากนี้ เพิ่งทราบว่าเป็นมะเร็งที่โพรงจมูก คิดว่าอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ตนยังมีลูกสาวอีก 1 คน ซึ่งอายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น จึงอยากหาเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูกได้เรียนสูงๆ เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมาจึงได้พกปืนปลอมที่ซื้อจากคลองถมไปที่ห้างเซ็นทรัลปิ่นเกล้า และพบว่าธนาคารต่างๆ ปิดบริการหมดแล้ว เหลือเพียงธนาคารไทยพาณิชย์ที่ปิดประตูบานเลื่อนเพียงครึ่งเดียวจึงตรงเข้าไปใช้ปืนปลอมจี้ชิงเงินสดจากพนักงานธนาคารก่อนหลบหนีออกจากห้างฯ
