ตำรวจแจ้งข้อหาอดีต พ.ต.เคจีบี สะสมกำลังพล-อาวุธ ตระเตรียมการก่อการร้าย และพร้อมอายัดตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน หากมีต่างประเทศร้องขอ
วันนี้ (7 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผู้บัญชาบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. ร่วมแถลงข่าวการดำเนินคดี นายวิกเตอร์ อนาโตลเจวิช บูท อดีตเคจีบี หลังตำรวจกองบังคับการปราบปรามสามารถจับกุมได้ขณะเข้ามาในประเทศไทยเพื่อติดต่อซื้ออาวุธ
พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า หลังจากจับกุมตัวนายวิกเตอร์จะถูกดำเนินคดีในประเทศไทยก่อน ในข้อหาตามมาตรา 135/2 (2) สะสมกำลังพล หรืออาวุธ จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สิน ให้หรือรับการฝึกการก่อการร้าย ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อก่อการร้าย หรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อก่อการร้าย หรือยุยงประชาชนให้เข้ามีส่วนในการก่อการร้าย หรือรู้ว่ามีผู้จะก่อการร้ายแล้วกระทำการอันใดเป็นการช่วยปกปิดไว้ ซึ่งมีโทษจำคุก 2-10 ปี ปรับ 4,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.ท.อดิศร กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ตำรวจสามารถควบคุมตัวนายวิกเตอร์ได้ 48 ชั่วโมง โดยในวันพรุ่งนี้ (8 มี.ค.) จะนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดาภิเษก โดยมีอำนาจฝากขังได้ 7 ครั้งๆละ 12 วัน ซึ่งระหว่างนี้ตำรวจจะทำสำนวนคดีส่งให้อัยการเพื่อสั่งฟ้อง โดยตำรวจกองบังคับการปราบปรามจะทำการสอบสวนขยายผลร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษสำนักงานปราบปรามยาเสพติด สหรัฐอเมริกา (DEA) หาผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ หากศาลพิจารณาลงโทษก็จะต้องทำหนังสือแจ้งให้ทราบว่าประเทศใดต้องการตัวนายวิกเตอร์บ้าง เพื่อให้อัยการทำหนังสืออายัดตัวเพื่อส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนให้ไปดำเนินคดีต่อไป
“ขณะนี้นายวิกเตอร์ยังไม่ได้ให้การอะไรมากกว่าเมื่อวานนี้ แต่ทราบว่าเพียงเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพื่อติดต่อซื้ออาวุธสำหรับก่อการร้ายในประเทศโคลัมเบียเท่านั้น ไม่ได้เข้ามาก่อการร้ายในประเทศไทย หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงในภาคใต้ และไม่พบว่ามีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีผู้ร่วมขบวนการด้วยนั้น ในหนังสือที่ DEA ส่งมาก็มีรายงานว่าเป็นลูกน้องของนายวิกเตอร์ แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนแต่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอในการขอหมายจับ” พล.ต.ท.อดิศรกล่าว
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ทางอัยการเมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้เตรียมประสานมายังทางการไทย เพื่อขออายัดตัวนายวิกเตอร์เป็นผู้ร้ายข้ามแดนส่งกลับไปดำเนินคดีที่สหรัฐอเมริกาแล้ว
ที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า คดี นายวิกเตอร์ อนาโตลเจวิช บูท อดีตสายลับ เคจีบี อันโด่งดังของรัสเซีย ผู้ต้องหาขายอาวุธให้ผู้ก่อการร้าย ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัวได้ขณะกำลังเจรจากับ กลุ่ม FUERZAS ARMADAS REVOLUCIONARIAS DE COLOMBIA EJERCIJO DEL PUEBIO (FARC) ในโรงแรมหรูกลางกรุงฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ จากสถานทูตรัสเซีย เจ้าหน้าที่ ดีอีเอ และ เอฟบีไอ ของสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมกับสอบสวนตลอดทั้งคืน แต่นายวิคเตอร์ ไม่ยอมให้การใดๆที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี นอกจากนี้ ผู้ต้องหาได้ร้องขอพบเจ้าหน้าที่สถานทูตรัสเซียให้ช่วยจัดหาทนายความมาร่วมสอบสวนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายวิคเตอร์นั้นก็ยังมีสีหน้าอิดโรย เพราะไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืน และไม่ยอมรับประทานอาหารมาตั้งแต่เช้า เมื่อทางเจ้าหน้าที่จัดหารอาหารมาให้ นายวิกเตอร์ ก็ไม่ยอมแตะต้องแต่อย่างใดโดยอ้างว่าถ้าไม่ถอดกุญแจมือออกก็จะไม่กิน
วันเดียวกัน นายโคเลซอฟ ดิมิทตรี ( Mr.Colesov Dimitri ) เพื่อนนายวิคเตอร์ ติดต่อขอเข้าเยี่ยมนาวิคเตอร์ พร้อมทั้งนำหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษหลายฉบับมามอบให้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็อนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้แต่ก่อนเข้าไปพบกับนายวิคเตอร์นั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นตัวอย่างละเอียด
นายโคเลวอฟ กล่าวว่า เดินทางไปมาระหว่างกรุงเทพฯกับรัสเซียเป็นประจำ และรู้จักกับนายวิกเตอร์ตั้งแต่อยู่ที่รัสเซียแต่ก็เพียงผิวเผินเท่านั้น ซึ่งการเข้าเยี่ยมครั้งนี้ก็เนื่องจากมีเพื่อนชื่อ “อีวา” (eva) ซึ่งเป็น ทหารอยู่ที่รัสเซียขอความช่วยเหลือมา และขอให้ช่วยจัดหาทุกอย่างตามที่นายวิตเตอร์ต้องการ
นอกจากนี้มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้จับกุมนายแอนดริว ซมูลเลียน (ANDREW SMULIAN) อายุ 67 ปี สัญชาติอังกฤษ ลูกน้องคนสนิทของ นายวิคเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการสหรัฐอเมริกา ข้อหาสมรู้ร่วมคิดและสนันสนุนองค์การก่อการร้ายต่างประเทศ ที่ร่วมเดินทางมาร่วมเจรจาซื้อขายอาวุธสงครามล๊อตใหญ่ครั้งนี้ด้วย ซึ่งจะดำเนินการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป นอกจากสองผู้ต้องหาคนสำคัญแล้วขณะจับกุมยังพบชาวต่างชาติอีก 5 คนอยู่กับนายวิคเตอร์ด้วย แต่เนื่องจากทั้ง 5 คนนี้ไม่มีหมายจับกุมจึงได้เชิญตัวไปทำการสอบสวนเบื้องต้ และทำประวัติไว้เป็นหลักฐานเนื่องจากต้องสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับการค้าอาวุธสงครามของนายวิคเตอร์ โดยหลังจากทำการสอบสวนทำประวัติแล้วก็จะผลักดันออกนอกประเทศต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป. กล่าวว่า นายวิคเตอร์เป็นผู้ต้องหาคนสำคัญที่ทางการสหรัฐอเมริกาติดตามตัวมานานกว่า 20 ปี หลังจับกุมได้ก็เข้าตรวจค้นห้องพักแต่ก็ยึดมาได้เพียงเอกสารการติดต่อกับลูกค้าจำนวนหนึ่งเท่านั้นจึงยึดมาไว้เป็นหลักฐานเพื่อทำการตรวจสอบต่อไปแต่ก็คิดว่าไม่น่าเป็นปัญหาเนื่องจากเจ้าหน้าที่สหรัฐและพนักงานสอบสวนไทยมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ นอกจากการดำเนินคดีอาญาแล้วทางพนักงานสอบสวนจะได้ประสานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง.เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินของนายวิคเตอร์ด้วยเนื่องจากความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายนั้นเป็นหนึ่งในความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน
รายงานข่าวแจ้งว่า จากข้อมูลการสืบสวนของทางการสหรัฐฯพบว่านายวิคเตอร์นั้นเข้าไปเกี่ยวข้องกับการลักลอบค้าอาวุธระหว่างประเทศ โดยจัดหาอาวุธที่ใช้ในสงครามที่เกิดขึ้นทั่วโลกมาตลอดช่วง 15 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งจัดหาอาวุธให้ประเทศที่ถูกคว่ำบาตรมาตั้งแต่เดือน พ.ย.2550 ถึงปัจจุบัน ทั้งจากการตรวจสอบพบว่านายวิคเตอร์นั้นใช้นามแฝงไม่ต่ำกว่า 15 ชื่อ ส่วนใหญ่จะขึ้นต้นด้วยวิคเตอร์ และนายวิคเตอร์นั้นมีหนังสือเดินทางของรัสเซีย และสหราชอาณาจักร เคยเดินทางไปหลายประเทศ เช่น โรมาเนีย อังกฤษ ไซปรัส และอาฟริกาเหนือ เป็นต้น
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ส่วนการติดต่อซื้อขายอาวุธสงครามกับกลุ่ม FARC ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้นมีรายงานว่านายวิคเตอร์เดินทางจากกรุงมอสโคว รัสเซียมาประเทศไทย และถือว่าเป็นการเดินทางมาประเทศไทยเป็นครั้งแรก แต่นายวิคเตอร์นั้นมีความสนิทสนมกับกลุ่ม FARC มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1990 และที่ผ่านมามีการค้าอาวุธให้กับกลุ่มนี้รวมมูลค่าหลายร้อยล้านดอลล่าสหรัฐ
กองปราบจับอดีตเคจีบี หัวหน้าก่อการร้ายระดับโลกกลางกรุง!!
วันนี้ (7 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผู้บัญชาบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. ร่วมแถลงข่าวการดำเนินคดี นายวิกเตอร์ อนาโตลเจวิช บูท อดีตเคจีบี หลังตำรวจกองบังคับการปราบปรามสามารถจับกุมได้ขณะเข้ามาในประเทศไทยเพื่อติดต่อซื้ออาวุธ
พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า หลังจากจับกุมตัวนายวิกเตอร์จะถูกดำเนินคดีในประเทศไทยก่อน ในข้อหาตามมาตรา 135/2 (2) สะสมกำลังพล หรืออาวุธ จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สิน ให้หรือรับการฝึกการก่อการร้าย ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อก่อการร้าย หรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อก่อการร้าย หรือยุยงประชาชนให้เข้ามีส่วนในการก่อการร้าย หรือรู้ว่ามีผู้จะก่อการร้ายแล้วกระทำการอันใดเป็นการช่วยปกปิดไว้ ซึ่งมีโทษจำคุก 2-10 ปี ปรับ 4,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.ท.อดิศร กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ตำรวจสามารถควบคุมตัวนายวิกเตอร์ได้ 48 ชั่วโมง โดยในวันพรุ่งนี้ (8 มี.ค.) จะนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดาภิเษก โดยมีอำนาจฝากขังได้ 7 ครั้งๆละ 12 วัน ซึ่งระหว่างนี้ตำรวจจะทำสำนวนคดีส่งให้อัยการเพื่อสั่งฟ้อง โดยตำรวจกองบังคับการปราบปรามจะทำการสอบสวนขยายผลร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษสำนักงานปราบปรามยาเสพติด สหรัฐอเมริกา (DEA) หาผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ หากศาลพิจารณาลงโทษก็จะต้องทำหนังสือแจ้งให้ทราบว่าประเทศใดต้องการตัวนายวิกเตอร์บ้าง เพื่อให้อัยการทำหนังสืออายัดตัวเพื่อส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนให้ไปดำเนินคดีต่อไป
“ขณะนี้นายวิกเตอร์ยังไม่ได้ให้การอะไรมากกว่าเมื่อวานนี้ แต่ทราบว่าเพียงเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพื่อติดต่อซื้ออาวุธสำหรับก่อการร้ายในประเทศโคลัมเบียเท่านั้น ไม่ได้เข้ามาก่อการร้ายในประเทศไทย หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงในภาคใต้ และไม่พบว่ามีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีผู้ร่วมขบวนการด้วยนั้น ในหนังสือที่ DEA ส่งมาก็มีรายงานว่าเป็นลูกน้องของนายวิกเตอร์ แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนแต่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอในการขอหมายจับ” พล.ต.ท.อดิศรกล่าว
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ทางอัยการเมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้เตรียมประสานมายังทางการไทย เพื่อขออายัดตัวนายวิกเตอร์เป็นผู้ร้ายข้ามแดนส่งกลับไปดำเนินคดีที่สหรัฐอเมริกาแล้ว
ที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า คดี นายวิกเตอร์ อนาโตลเจวิช บูท อดีตสายลับ เคจีบี อันโด่งดังของรัสเซีย ผู้ต้องหาขายอาวุธให้ผู้ก่อการร้าย ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัวได้ขณะกำลังเจรจากับ กลุ่ม FUERZAS ARMADAS REVOLUCIONARIAS DE COLOMBIA EJERCIJO DEL PUEBIO (FARC) ในโรงแรมหรูกลางกรุงฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ จากสถานทูตรัสเซีย เจ้าหน้าที่ ดีอีเอ และ เอฟบีไอ ของสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมกับสอบสวนตลอดทั้งคืน แต่นายวิคเตอร์ ไม่ยอมให้การใดๆที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี นอกจากนี้ ผู้ต้องหาได้ร้องขอพบเจ้าหน้าที่สถานทูตรัสเซียให้ช่วยจัดหาทนายความมาร่วมสอบสวนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายวิคเตอร์นั้นก็ยังมีสีหน้าอิดโรย เพราะไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืน และไม่ยอมรับประทานอาหารมาตั้งแต่เช้า เมื่อทางเจ้าหน้าที่จัดหารอาหารมาให้ นายวิกเตอร์ ก็ไม่ยอมแตะต้องแต่อย่างใดโดยอ้างว่าถ้าไม่ถอดกุญแจมือออกก็จะไม่กิน
วันเดียวกัน นายโคเลซอฟ ดิมิทตรี ( Mr.Colesov Dimitri ) เพื่อนนายวิคเตอร์ ติดต่อขอเข้าเยี่ยมนาวิคเตอร์ พร้อมทั้งนำหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษหลายฉบับมามอบให้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็อนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้แต่ก่อนเข้าไปพบกับนายวิคเตอร์นั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นตัวอย่างละเอียด
นายโคเลวอฟ กล่าวว่า เดินทางไปมาระหว่างกรุงเทพฯกับรัสเซียเป็นประจำ และรู้จักกับนายวิกเตอร์ตั้งแต่อยู่ที่รัสเซียแต่ก็เพียงผิวเผินเท่านั้น ซึ่งการเข้าเยี่ยมครั้งนี้ก็เนื่องจากมีเพื่อนชื่อ “อีวา” (eva) ซึ่งเป็น ทหารอยู่ที่รัสเซียขอความช่วยเหลือมา และขอให้ช่วยจัดหาทุกอย่างตามที่นายวิตเตอร์ต้องการ
นอกจากนี้มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้จับกุมนายแอนดริว ซมูลเลียน (ANDREW SMULIAN) อายุ 67 ปี สัญชาติอังกฤษ ลูกน้องคนสนิทของ นายวิคเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการสหรัฐอเมริกา ข้อหาสมรู้ร่วมคิดและสนันสนุนองค์การก่อการร้ายต่างประเทศ ที่ร่วมเดินทางมาร่วมเจรจาซื้อขายอาวุธสงครามล๊อตใหญ่ครั้งนี้ด้วย ซึ่งจะดำเนินการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป นอกจากสองผู้ต้องหาคนสำคัญแล้วขณะจับกุมยังพบชาวต่างชาติอีก 5 คนอยู่กับนายวิคเตอร์ด้วย แต่เนื่องจากทั้ง 5 คนนี้ไม่มีหมายจับกุมจึงได้เชิญตัวไปทำการสอบสวนเบื้องต้ และทำประวัติไว้เป็นหลักฐานเนื่องจากต้องสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับการค้าอาวุธสงครามของนายวิคเตอร์ โดยหลังจากทำการสอบสวนทำประวัติแล้วก็จะผลักดันออกนอกประเทศต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป. กล่าวว่า นายวิคเตอร์เป็นผู้ต้องหาคนสำคัญที่ทางการสหรัฐอเมริกาติดตามตัวมานานกว่า 20 ปี หลังจับกุมได้ก็เข้าตรวจค้นห้องพักแต่ก็ยึดมาได้เพียงเอกสารการติดต่อกับลูกค้าจำนวนหนึ่งเท่านั้นจึงยึดมาไว้เป็นหลักฐานเพื่อทำการตรวจสอบต่อไปแต่ก็คิดว่าไม่น่าเป็นปัญหาเนื่องจากเจ้าหน้าที่สหรัฐและพนักงานสอบสวนไทยมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ นอกจากการดำเนินคดีอาญาแล้วทางพนักงานสอบสวนจะได้ประสานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง.เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินของนายวิคเตอร์ด้วยเนื่องจากความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายนั้นเป็นหนึ่งในความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน
รายงานข่าวแจ้งว่า จากข้อมูลการสืบสวนของทางการสหรัฐฯพบว่านายวิคเตอร์นั้นเข้าไปเกี่ยวข้องกับการลักลอบค้าอาวุธระหว่างประเทศ โดยจัดหาอาวุธที่ใช้ในสงครามที่เกิดขึ้นทั่วโลกมาตลอดช่วง 15 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งจัดหาอาวุธให้ประเทศที่ถูกคว่ำบาตรมาตั้งแต่เดือน พ.ย.2550 ถึงปัจจุบัน ทั้งจากการตรวจสอบพบว่านายวิคเตอร์นั้นใช้นามแฝงไม่ต่ำกว่า 15 ชื่อ ส่วนใหญ่จะขึ้นต้นด้วยวิคเตอร์ และนายวิคเตอร์นั้นมีหนังสือเดินทางของรัสเซีย และสหราชอาณาจักร เคยเดินทางไปหลายประเทศ เช่น โรมาเนีย อังกฤษ ไซปรัส และอาฟริกาเหนือ เป็นต้น
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ส่วนการติดต่อซื้อขายอาวุธสงครามกับกลุ่ม FARC ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้นมีรายงานว่านายวิคเตอร์เดินทางจากกรุงมอสโคว รัสเซียมาประเทศไทย และถือว่าเป็นการเดินทางมาประเทศไทยเป็นครั้งแรก แต่นายวิคเตอร์นั้นมีความสนิทสนมกับกลุ่ม FARC มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1990 และที่ผ่านมามีการค้าอาวุธให้กับกลุ่มนี้รวมมูลค่าหลายร้อยล้านดอลล่าสหรัฐ
กองปราบจับอดีตเคจีบี หัวหน้าก่อการร้ายระดับโลกกลางกรุง!!