โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติคนใหม่ แถลงยาวเหยียดเป็นเนื้อเป็นหนัง ถึงการประชุมผู้บริหาร ตร.โดยจะมีการร่วมแก้ปัญหาต่อกรณีที่ ผบ.ตร.คนเก่า ดำเนินการและถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง แต่มีระบุ คำสั่งไหนก่อประโยชน์ให้คงไว้ แต่ส่วนใหญ่สงสัยจะถูกโละทิ้งหมด ทั้งเครื่องแบบใหม่ที่อนุมัติไปแล้ว การก่อสร้างกองบัญชาการ 1-9 ตามงบผูกพัน รวมทั้งร่าง พ.ร.ฎ.แบ่งส่วนราชการตำรวจด้วย
วันนี้ (3 มี.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) คนใหม่ ถึงการประชุมผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันนี้ ว่า ที่ประชุมได้มีการพูดเรื่องปัญหาการแต่งตั้งโยกย้าย ที่อาจมีปัญหาเรื่องยังไม่มีกฎหมายรองรับ ตามที่เป็นประเด็นการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องการสอบสวนวินัย เนื่องจากเป็นเรื่องของรัฐบาลที่ตั้ง นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุดเป็นประธานสอบสวนแล้ว แต่ในส่วนของตร.มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้ โดยให้มีหน้าที่พิจารณาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากคำสั่งดังกล่าว ศึกษาข้อกฎหมาย พร้อมทั้งเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา ซึ่งคณะกรรรมการชุดนี้ ประกอบด้วย พล.ต.ท.ศุภวุฒิ สังข์อ่อง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ฝ่ายบริหาร เป็นประธาน พล.ต.ท.พรชัย พันธ์วัฒนา รองจเรตำรวจแห่งชาติ (สบ 9) พล.ต.ท.บรรจง ตันศยานนท์ ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ผบช.ก.ตร.) และ พล.ต.ต.ชนาภัทร เชยสมบัติ ผู้บังคับการกองกำลังพล เป็นกรรมการ่วมตรวจสอบ โดยกรรมการชุดนี้ ต้องไปศึกษา ตั้งโจทย์หลายกรณี เช่น หากการแต่งตั้งนี้ถูกต้อง จะดำเนินการต่ออย่างไร หรือหากการแต่งตั้งดังกล่าาวไม่ถูกต้องจะแก้อย่างไร โดยทุกอย่างยืนยันว่าต้องเป็นไปโดยถูกกฎหมาย ซึ่ง รรท.ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ไปเร่งศึกษา หาคำตอบโดยเร็วที่สุด เนื่องจากในวันที่ 5 มีนาคมนี้ คำสั่งแต่งตั้งบางส่วนจะมีผลตามกฎหมาย และให้รายผลตรงยัง รท.ผบ.ตร.ทันที
โฆษก ตร.กล่าวยังกล่าวถึงคำสั่งแต่งตั้งในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งมีผลไปแล้วว่า คำสั่งดังกล่าวออกไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น ในขณะนี้ให้ยึดตามการตีความกฎหมายของฝ่ายกฎหมายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ พล.ต.ท.วันชัย ศรีนวลนัด ผู้ช่วย ผบ.ตร.ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและกฎหมาย เคยพิจารณาว่าทั้ง ทุกตำแหน่งที่แต่งตั้งไปแล้วมีอำนาจสอบสวนตามกฎหมาย แต่หากการพิจารณาของคณะกรรมการชุดของ พล.ต.ท.ศุภวุฒิ รายงานข้อเสนอให้เปลี่ยนแปลงอย่างไรให้แก้ไขภายหลัง ซึ่งจะถึงขึ้นเพิกถอนคำสั่งหรือไม่ ก็ต้องพิจารณาตามตัวบทกฎหมายอย่ารอบคอบ ส่วนการจะแก้ไขคำสั่ง ผบ.ตร.ที่เคยให้กองบังคับการปราบปรามงดรับแจ้งคดีนั้น ไม่มีการพูดถึงในครั้งนี้ โดยต้องไปดูรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ ยังคงให้ ตำรวจสอบสวนกลางทำหน้าที่รับใช้พี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ที่ประชุมตร.ไม่ได้แสดงความหนักใจต่อผลการสอบสวนประเด็นนี้ของคณะกรรรมการชุดของนายกรัฐมนตรี เพราะในเรื่องนี้เชื่อว่ารัฐบาลมีข้อมูลอยู่แล้ว แต่ในส่วน ตร.ก็ต้องแก้ปัญหา ขณะนี้ตำรวจที่มีหน้าที่ตามคำสั่งก็ทำไป
“ที่ประชุมไม่ได้พูดถึงกรณีรถเช่าที่มีปัญหาถูกตั้งกรรมการ เพราะเป็นเรื่องรายละเอียด แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารตร.มีหน้าที่สนับสนุน พยานหลักฐาน ตามอำนาจหน้าที่ เนื่องจากการดำเนินการของกรรมชุดนี้ เป็นไปตามคำสั่ง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี"พล.ต.ท.วัชรพลกล่าว
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวอีกว่า รรท.ผบ.ตร.ยืนยันให้ดำเนินตามแนวทาง แนวนโยบายของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในนโยบายที่และเกิดประโยชน์ต่อไป แต่บางอย่างที่มีผลกระทบต่องบประมาณผูกพัน ซึ่งใช้งบประมาณจำนวนมาก อาจทำให้เกิดการขาดแคลนงบประมาณในอนาคต ก็ให้ชะลอไว้และตั้งกรรมการขึ้นมาทบทวน เรื่องแรก เป็นเรื่องการก่อสร้างอาคารกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1-9 ที่ใช้งบฯจำนวนมาก บางอย่างก็เป็นงบผูกพันไปแล้ว โดยตั้งให้ พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายป้องกันอาชญากรรม พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ที่ปรึกษา (สบ 10) ฝ่ายความมั่นคง พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร.ไปศึกษาทบทวนว่าควรดำเนินการต่อหรือไม่ อย่างไร
โฆษก ตร.กล่าวว่า นอกจากนี้ ให้ พล.ต.อ.ชาญวุฒิ วัชรพุกก์ รองผบ.ตร.ฝ่ายบริหารไปทบทวนเรื่องการเพิ่มเครื่องแบบตำรวจชุดใหม่ เนื่องจากตร.มีงบประมาณสนับสนุนกำลังพลสำหรับการตัดเครื่องแบบใหม่เพิ่ม ไม่มากพอ ดังนั้น ผู้ที่ต้องรับผลกระทบคือตำรวจระดับปฏิบัติ ที่มีมากกว่า 170,000 นาย โดยให้ไปสอบถามความเห็นของข้าราการตำรวจเหล่านี้เสียก่อน เนื่องจากที่ผ่านมาการกำหนดให้มีเครื่องแบบใหม่ ออกมาจากที่ประชุมของผู้บริหารเท่านั้น และที่สำคัญก็มองว่าเครื่องแบบเดิมของตำรวจก็ใช้ได้อยู่
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวอีกว่า รรท.ผบ.ตร.มอบหมายให้ รอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.ทุกท่านไปทบทวนเรื่องการแบ่งงานตาม 7 สายงาน ซึ่งประกอบด้วย บริหาร ป้องกันอาชญากรรม สืบสวนปราบปรามอาชญากรรม กิจการพิเศษ สืบสวนสอบสวนและกฎหมาย ความมั่นคง และจเรตำรวจแห่งชาติ ว่าการปฏิบัติงานามการแบ่งงานของ ผบ.ตร.ท่านเดิมนั้น มีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร โดยให้มีความเห็นเสนอมาที่ รรท.ผบ.ตร.ทั้งนี้ หากเห็นว่าควรต้องปรับเปลี่ยน ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงสายการกันใหม่ ให้เหมาะสมกับความเดือดร้อนของประชาชน เมื่อเปลี่ยนระดับตร.แล้วก็จะปรับในระดับสถานีตำรวจให้สอดคล้องกันด้วย โดย รรท.ผบ.ตร.จะพูดคุย สอบถามความเห็นจากผู้บังคับบัญชากรับกองบัญชาการที่รับผิดชอบโดยตรง โดยในที่ประชุมมีการชี้ประเด็นเรื่องการตั้งงานสืบสวนปราบปรามอาชญากรรม ว่ามีความซ้ำซ้อนกับงานอื่น หรือไม่ อย่างไร
“พล.ต.อ.พัชรวาท ยังมอบหมายให้ รอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.ไปศึกษาร่างพระราชกฤษฎีกา แบ่งส่วนราชการ ตร.หรือโครงสร้างใหม่ ที่ขณะนี้อยู่ในขั้นการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ว่ามีความเห็นอย่างไร สอดคล้องกับ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2547 หรือไม่ โดยให้พิจารณาในมุมที่ว่า โครงสร้างใหม่ควรต้องกระจายอำนาจตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2547 หรือควรทำให้ ฝ่ายอำนวยการ ของ ผบ.ตร.เข้มแข็ง โดยมอบให้แต่ละท่าน ทำความเห็นเสนอแนะขึ้นมา ในขั้นนี้ตร.ไม่ได้ไปดึงร่างพ.ร.ฎ.แบ่งส่วนราชการฯ กลับมาทบทวน แต่จะเสนอแนะความเห็นขึ้นไป” โฆษก ตร.กล่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 10.00 น.พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ได้เรียกประชุม รอง ผบ.ตร. และผู้ช่วย ผบ.ตร. หารือมอบนโยบายหลังจากได้รับคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง โดยใช้เวลาในการประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง
ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า การประชุมในวันนี้เป็นการหารือนายตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.เท่านั้นไม่มีอะไร โดยประชุมเรื่องงานใน ตร. ให้แก้ไขในส่วนที่มีปัญหา ส่วนที่ดีก็ให้เร่งดำเนินการต่อทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการพูดคุยกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี แล้วหรือยัง พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ตนยังไม่ได้พบกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แต่ถ้าหากได้พบก็คงมีการพูดคุยกัน เพราะตนกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็เหมือนเป็นพี่น้องกัน โดยงานทุกอย่างที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่ทำไว้อะไรที่ดีก็จะรีบดำเนินการต่อ