“เสรีพิศุทธ์” สั่ง บช.ก.งดรับร้องคดี พร้อมสางคดีเก่า ทำตัวให้ว่างรอรับคำสั่งจาก บช.และ ตร.ตามโครงสร้างใหม่
วันนี้ (18 ก.พ.) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ประชุมมอบนโยบาย ให้แก่ตำรวจในสังกัด บช.ก. นานกว่า 4 ชั่วโมง โดยกล่าวภายหลังมอบนโยบาย ว่า วันนี้มารับฟังว่าตำรวจสอบสวนกลางได้ทำงานตามแผนพัฒนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) 5 ปีหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ก่อนจะมีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ และเปลี่ยนโครงสร้างกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางโดยจะแยกเป็น 2 กองบัญชาการ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เราได้มีการปรับโครงสร้างภายในบช.ก.บางส่วน หลาย บก.โดยแบ่งงานครอบคลุมพื้นทั้งประเทศเป็นฝ่ายปฏิบัติการ 1-10
“สั่งให้ บช.ก.ไปสั่งเคลียร์งานที่คั่งค้างต่างๆ ให้เรียบร้อย คดีต่างๆ ที่ค้างอยู่ไปจัดการ ไม่ต้องรับคดีใหม่ ตั้งแต่วันนี้เลย คดีต่างๆ ให้พื้นที่รับผิดชอบ โดยโฉมใหม่ของ บช.ก.ไม่ว่าจะในโครงสร้างที่แยก บช.ใหม่ หรือโครงสร้างปัจจุบันนี้ก็ตาม จะมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่ง นโยบายผู้บังคับบัญชาเท่านั้น ไม่มีหน้าที่เหมือนสถานีตำรวจทั่วไปแล้ว ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหารกรุงรัง พูดง่ายๆ ทำตัวให้ว่าง จะรอรับนโยบายจากข้างบนทำคดีที่พิเศษ ต่อไปจะไม่รับคดีเล็กๆ น้อยๆ พวกคดีหมิ่น คดีฉ้อโกงแล้ว เพราะตามหน้าที่จริงก็ไม่มี แต่เวลาเปลี่ยนก็เปลี่ยนไป บางที่ก็คิดเรื่องผลประโยชน์เข้ามา ไปรับทำคดี มันเลยมั่วกันไป เป็นเรื่องที่ถึงเวลาต้องสะสางกัน ต่อไปประชาชนไม่ต้องมาร้องทุกข์ที่กองปราบปรามแล้ว มีคดีอะไรที่ไม่ต้องการให้ท้องที่ทำ ก็ไปร้องที่กองบังบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด หรือกองบัญชาการตำรวจภูธร ซึ่งเป็นไปตามหลักกระจายอำนาจ” ผบ.ตร.กล่าว
ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า ต่อไป บช.ก.จะทำคดีตามที่ ตร.และ บช.ก.เห็นว่าควรไปทำ ยกตัวอย่างคดีแก๊งตำรวจตระเวนชายแดนอุ้มรีด ที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ หลาย บช.เข้ามาเกี่ยวข้อง มันนอกเหนืออำนาจของนครบาล ที่งานเยอะอยู่แล้วทำไม่ไหว ตรงนี้ก็ให้ ตร.รับมาทำ ซึ่งต่อไปกองสารนิเทศต้องไปประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่าต่อไปไม่ต้องมาร้องทุกข์ที่กองปราบปรามแล้ว ซึ่งจากนี้ บช.ก.ต้องสางคดีเก่าในความรับผิดชอบให้หมดโดยให้ พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.ก.ไปกำหนดกรอบเวลาเอง
วันนี้ (18 ก.พ.) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ประชุมมอบนโยบาย ให้แก่ตำรวจในสังกัด บช.ก. นานกว่า 4 ชั่วโมง โดยกล่าวภายหลังมอบนโยบาย ว่า วันนี้มารับฟังว่าตำรวจสอบสวนกลางได้ทำงานตามแผนพัฒนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) 5 ปีหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ก่อนจะมีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ และเปลี่ยนโครงสร้างกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางโดยจะแยกเป็น 2 กองบัญชาการ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เราได้มีการปรับโครงสร้างภายในบช.ก.บางส่วน หลาย บก.โดยแบ่งงานครอบคลุมพื้นทั้งประเทศเป็นฝ่ายปฏิบัติการ 1-10
“สั่งให้ บช.ก.ไปสั่งเคลียร์งานที่คั่งค้างต่างๆ ให้เรียบร้อย คดีต่างๆ ที่ค้างอยู่ไปจัดการ ไม่ต้องรับคดีใหม่ ตั้งแต่วันนี้เลย คดีต่างๆ ให้พื้นที่รับผิดชอบ โดยโฉมใหม่ของ บช.ก.ไม่ว่าจะในโครงสร้างที่แยก บช.ใหม่ หรือโครงสร้างปัจจุบันนี้ก็ตาม จะมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่ง นโยบายผู้บังคับบัญชาเท่านั้น ไม่มีหน้าที่เหมือนสถานีตำรวจทั่วไปแล้ว ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหารกรุงรัง พูดง่ายๆ ทำตัวให้ว่าง จะรอรับนโยบายจากข้างบนทำคดีที่พิเศษ ต่อไปจะไม่รับคดีเล็กๆ น้อยๆ พวกคดีหมิ่น คดีฉ้อโกงแล้ว เพราะตามหน้าที่จริงก็ไม่มี แต่เวลาเปลี่ยนก็เปลี่ยนไป บางที่ก็คิดเรื่องผลประโยชน์เข้ามา ไปรับทำคดี มันเลยมั่วกันไป เป็นเรื่องที่ถึงเวลาต้องสะสางกัน ต่อไปประชาชนไม่ต้องมาร้องทุกข์ที่กองปราบปรามแล้ว มีคดีอะไรที่ไม่ต้องการให้ท้องที่ทำ ก็ไปร้องที่กองบังบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด หรือกองบัญชาการตำรวจภูธร ซึ่งเป็นไปตามหลักกระจายอำนาจ” ผบ.ตร.กล่าว
ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า ต่อไป บช.ก.จะทำคดีตามที่ ตร.และ บช.ก.เห็นว่าควรไปทำ ยกตัวอย่างคดีแก๊งตำรวจตระเวนชายแดนอุ้มรีด ที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ หลาย บช.เข้ามาเกี่ยวข้อง มันนอกเหนืออำนาจของนครบาล ที่งานเยอะอยู่แล้วทำไม่ไหว ตรงนี้ก็ให้ ตร.รับมาทำ ซึ่งต่อไปกองสารนิเทศต้องไปประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่าต่อไปไม่ต้องมาร้องทุกข์ที่กองปราบปรามแล้ว ซึ่งจากนี้ บช.ก.ต้องสางคดีเก่าในความรับผิดชอบให้หมดโดยให้ พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.ก.ไปกำหนดกรอบเวลาเอง