“ทวี” เตรียมพร้อมรับ “ทักษิณ” เข้ามอบตัวคดีซุกหุ้นเอสซีแอสเสท ทันทีที่กลับไทย เรียกประชุมรองอธิบดี-ผู้บัญชาการสำนักคดีดีเอสไอ พร้อม แสดงจุดยืนทำงานไม่เอื้อประโยชน์ให้ใคร
วันนี้ (26 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ช่วยราชการในตำแหน่งรักษาการอธิบดีดีเอสไอ เดินทางมายังอาคารดีเอสไอ แห่งใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณศูนย์ราชการถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อดูความพร้อมในการขนย้ายอุปกรณ์อาคารสำนักงานจากอาคารสุขประพฤติที่เป็นที่ตั้งของอาคารดีเอสไอเดิม นอกจากนี้ พ.ต.อ.ทวี ยังได้เรียกประชุมรองอธิบดีดีเอสไอ และผู้บัญชาการสำนักคดีต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 28 ก.พ.นี้ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของดีเอสไอในคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท เอสซีแอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการประสานอย่างเป็นทางการว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 28 ก.พ.นี้ หาก พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับมา ตามขั้นตอน พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องเดินทางมาที่ดีเอสไอเพื่อมอบตัวในคดีปกปิดโครงสร้างหุ้นเอสซี แอสเสทฯ โดยตนเป็นห่วงว่าขณะนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างการย้ายสำนักงาน ซึ่งต้องย้ายให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 10 มี.ค. ตนจึงได้เรียกประชุมเพื่อหารือร่วมกับนายพรชัย อัศววัฒนาพร รองอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวว่าจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มามอบตัวที่อาคารใหม่ หรืออาคารเก่า
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีหุ้นเอสซี แอสเสท พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความคิดในหัวเรื่องการปรับย้ายหัวหน้าพนักงานสอบสวน และยืนยันว่าจะไม่เกิดผลกระทบใดๆต่องานคดี เนื่องจากคดีหุ้นเอสซี แอสเสท พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องและส่งสำนวนการสอบสวนให้อัยการไปแล้ว หากอัยการสั่งให้สอบเพิ่ม พนักงานสอบสวนจะต้องสอบสวนเฉพาะในประเด็นที่สั่งให้สอบเพิ่มเท่านั้น
“ผมขอยืนยันในจุดยืนว่าการทำงานในดีเอสไอจะให้ความเป็นธรรมกับประชาชน และจะปฏิบัติตามเจตนารมย์ของกฎหมายสอบสวนคดีพิเศษ คือทำให้ดีเอสไอเป็นแหล่งรวบรวมผู้เชี่ยวชาญงานสืบสวนสอบสวน เพื่อทำคดีที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ ไม่คิดเอื้อประโยชน์ให้ใคร แต่จะขอปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ และพร้อมจะรับเอาคำแนะนำจากผู้ใหญ่ และครูอาจารย์ไปปฏิบัติ” พ.ต.อ.ทวีกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ในปี 2527 เป็น นรต.รุ่น 37 หลังจากนั้นเริ่มรับราชการในตำแหน่งรองสารวัตรสอบสวน สภ.อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี จากนั้นในปี 2529 ย้ายมาเป็นรองสารวัตรสอบสวน สภ.นางเลิ้ง และเติบโตอยู่ในกองบังคับการกองปราบปราม จนก้าวขึ้นเป็นรองผู้กำกับการกองปราบปราม ในปี 2545 จากนั้น พ.ต.อ.ทวีได้ตัดสินทิ้งอาชีพตำรวจ โดยขอโอนย้ายมาเป็นข้าราชการพลเรือนในตำแหน่งรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรมในปี 2547 และถูกโยกย้ายพ้นจากดีเอสไอไปเป็นรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ในวันที่ 4 พ.ค.2550 จนกระทั้งพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พ.ต.อ.ทวีจึงถูกโยกมารักษาการในตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ
วันนี้ (26 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ช่วยราชการในตำแหน่งรักษาการอธิบดีดีเอสไอ เดินทางมายังอาคารดีเอสไอ แห่งใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณศูนย์ราชการถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อดูความพร้อมในการขนย้ายอุปกรณ์อาคารสำนักงานจากอาคารสุขประพฤติที่เป็นที่ตั้งของอาคารดีเอสไอเดิม นอกจากนี้ พ.ต.อ.ทวี ยังได้เรียกประชุมรองอธิบดีดีเอสไอ และผู้บัญชาการสำนักคดีต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 28 ก.พ.นี้ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของดีเอสไอในคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท เอสซีแอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการประสานอย่างเป็นทางการว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 28 ก.พ.นี้ หาก พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับมา ตามขั้นตอน พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องเดินทางมาที่ดีเอสไอเพื่อมอบตัวในคดีปกปิดโครงสร้างหุ้นเอสซี แอสเสทฯ โดยตนเป็นห่วงว่าขณะนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างการย้ายสำนักงาน ซึ่งต้องย้ายให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 10 มี.ค. ตนจึงได้เรียกประชุมเพื่อหารือร่วมกับนายพรชัย อัศววัฒนาพร รองอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวว่าจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มามอบตัวที่อาคารใหม่ หรืออาคารเก่า
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีหุ้นเอสซี แอสเสท พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความคิดในหัวเรื่องการปรับย้ายหัวหน้าพนักงานสอบสวน และยืนยันว่าจะไม่เกิดผลกระทบใดๆต่องานคดี เนื่องจากคดีหุ้นเอสซี แอสเสท พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องและส่งสำนวนการสอบสวนให้อัยการไปแล้ว หากอัยการสั่งให้สอบเพิ่ม พนักงานสอบสวนจะต้องสอบสวนเฉพาะในประเด็นที่สั่งให้สอบเพิ่มเท่านั้น
“ผมขอยืนยันในจุดยืนว่าการทำงานในดีเอสไอจะให้ความเป็นธรรมกับประชาชน และจะปฏิบัติตามเจตนารมย์ของกฎหมายสอบสวนคดีพิเศษ คือทำให้ดีเอสไอเป็นแหล่งรวบรวมผู้เชี่ยวชาญงานสืบสวนสอบสวน เพื่อทำคดีที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ ไม่คิดเอื้อประโยชน์ให้ใคร แต่จะขอปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ และพร้อมจะรับเอาคำแนะนำจากผู้ใหญ่ และครูอาจารย์ไปปฏิบัติ” พ.ต.อ.ทวีกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ในปี 2527 เป็น นรต.รุ่น 37 หลังจากนั้นเริ่มรับราชการในตำแหน่งรองสารวัตรสอบสวน สภ.อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี จากนั้นในปี 2529 ย้ายมาเป็นรองสารวัตรสอบสวน สภ.นางเลิ้ง และเติบโตอยู่ในกองบังคับการกองปราบปราม จนก้าวขึ้นเป็นรองผู้กำกับการกองปราบปราม ในปี 2545 จากนั้น พ.ต.อ.ทวีได้ตัดสินทิ้งอาชีพตำรวจ โดยขอโอนย้ายมาเป็นข้าราชการพลเรือนในตำแหน่งรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรมในปี 2547 และถูกโยกย้ายพ้นจากดีเอสไอไปเป็นรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ในวันที่ 4 พ.ค.2550 จนกระทั้งพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พ.ต.อ.ทวีจึงถูกโยกมารักษาการในตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ
