xs
xsm
sm
md
lg

ไต่สวนชันสูตรศพ “น้องฟลุ๊ค” ศาลไม่ชี้ ตร.ผิด “ดีเอสไอ” เดินหน้าสางคดี

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ไต่สวนชันสูตรศพ “น้องฟลุ๊ค” เหยื่อฆ่าตัดตอนยาบ้า ศาลไม่ชี้ตำรวจผิด ระบุได้แค่สาเหตุตายเพราะหัวใจ-ปอดฉีกขาดจากกระสุนปืน ขณะการปฏิบัติหน้าที่ แต่ศาลยังไม่เชื่อคำเบิกความ ตำรวจอ้างมีคนร้ายยิง ญาติหวังดีเอสไอคลี่คลายคตีต่อ

วันนี้ (22 ก.พ.) ที่ห้องพิจารณาคดี 707 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 10.00 น.ศาลมีคำสั่งคดีดำหมายเลข อช.24/2549 คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนชันสูตรพลิกศพเพื่อพิสูจน์การเสียชีวิตของ ด.ช.จักรพันธ์ ศรีสอาด หรือ น้องฟลุ๊ค อายุ 9 ปี ว่า ผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อใด และพฤติการณ์ที่ตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.150 โดยฝ่ายผู้ตาย ร้องว่า ด.ช.จักรพันธ์ หรือ น้องฟลุ๊ค เสียชีวิตขณะเจ้าหน้าที่ สน.บางชัน ล่อซื้อยาบ้าจาก นายสถาพร บิดา บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์ปารีส ตลาดสะพานขาว แต่ นางพรวิภา เกิดรุ่งเรือง มารดา ด.ช.จักรพันธ์ ได้ขับรถยนต์หลบหนี ทำให้ตำรวจชุดจับกุมยิงสกัดการหลบหนี จนเป็นเหตุให้กระสุนพลาดไปโดน ด.ช.จักรพันธ์ ที่นอนหลับอยู่เบาะหลังรถยนต์ เสียชีวิต

โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย ซึ่งร่วมจับกุม เบิกความเมื่อวันที่ 23 ก.พ.2546 เวลา 19.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ล่อซื้อยาบ้าจาก นายสถาพร โดยจับกุมได้พร้อมยาบ้าจำนวน 6,000 เม็ด มูลค่า 150,000 บาท ที่ริมถนนหลานหลวง บริเวณหน้าบ้านมนังคสิลา ซึ่งขณะนั้น นางพรวิภา ได้ขับรถยนต์ทะเบียน วม 6176 กทม.จากที่เกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจวิ่งไล่ตามและขับรถปาดสกัดด้านหน้า ซึ่งระหว่างนั้นมีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์แล้วยิงไปที่รถคันดังกล่าว ขณะที่ฝ่ายผู้ตาย มี นายสถาพร เบิกความยืนยันว่า หลังถูกจับกุมเห็นว่าเจ้าหน้าที่ได้ยิงสกัดรถยนต์จากด้านหลังรถ ซึ่งขณะนั้นบุตรชายนอนหลับอยู่ที่เบาะหลังของรถ คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า กระสุนปืนที่ยิงถูก ด.ช.จักรพันธ์ นั้นเกิดจากฝ่ายใด

โดยเมื่อพิจารณาหลักฐานทางการแพทย์แล้ว ระบุว่า วิถีกระสุนที่ยิงโดนอกของ ด.ช.จักรพันธ์ ยิงเข้าจากหลังไปหน้า ทะลุจากซ้ายไปขวา และบนลงล่าง ขณะที่การตรวจร่องรอยวิถีกระสุนของรถที่เกิดเหตุ พบว่า มีรูกระสุนยิงที่ด้านหลังรถจำนวน 3 นัด ซึ่งสูงจากพื้นถนนระดับหนึ่งโดยไม่ตรงกับลักษณะการยิงของคนร้ายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเบิกความ แต่เมื่อนำหัวกระสุนปืนที่ยิงโดน ด.ช.จักรพันธ์ ตรวจพิสูจน์ เปรียบเทียบกับอาวุธปืนที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่อ้างว่านำมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นายในที่เกิดเหตุแล้ว รายงานผลปรากฏหัวกระสุนไม่ตรงกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นายดังกล่าว ดังนั้น เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างนำพยานหลักฐานมานำสืบยืนยันโดยยังรับฟังไม่ได้เป็นที่ยุติ ว่า กระสุนปืนนั้นเป็นของฝ่ายใด ซึ่งทางนำสืบก็ไม่ได้มีพยานหลักฐานโต้แย้งว่า มีการสับเปลี่ยนอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ที่ใช้ในวันเกิดเหตุหรือไม่ ดังนั้น ศาลจึงมีคำสั่งว่า ด.ช.จักรพันธ์ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2546 เวลา 21.15 น.ที่โรงพยาบาลมิชชั่น ถ.หลานหลวง จากสาเหตุหัวใจและปอดฉีกขาดด้วยกระสุนปืนขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ดี คำสั่งศาลดังกล่าวถือเป็นที่สุดแล้ว โดยคู่ความไม่สามารถยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์ หรือศาลฎีกา ได้อีก แต่ทั้งนี้ คำสั่งเป็นที่สุดของศาลดังกล่าวจะไม่กระทบสิทธิที่คู่ความจะยื่นฟ้องคดีเองได้ หากเห็นว่าการเสียชีวิตเกิดจากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่มิชอบตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันนี้ มีเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มานั่งฟังคำสั่งศาลเพื่อเตรียมนำไปประกอบการพิจารณาสรุปสำนวนคดีฆ่าตัดตอนยาเสพติด ที่ตำรวจทั้ง 3 นายตกเป็นผู้ต้อง ซึ่งพนักงานสอบสวนดีเอสไอ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ได้มีการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไว้จำนวนมากแล้ว เมื่อทราบคำสั่งศาลแล้ว คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนคดีได้ภายใน 1-2 เดือนนี้

ภายหลัง นายสมชาย เกิดรุ่งเรือง ลุงของ ด.ช.จักรพันธ์ กล่าวว่า คดีชันสูตรถือเป็นอันยุติ แต่ตนก็ยังสงสัยอยู่ว่าจะมีการเปลี่ยนอาวุธปืนของกลางในคดีนี้หรือไม่ เพราะศาลไม่เชื่อว่ามีกลุ่มคนร้ายขับรถจักรยานยนต์มายิงใส่รถแม่น้องฟลุ๊ค และไม่ทราบว่ากระสุนออกจากปืนของใคร แต่ตนก็ไม่อยากกล่าวหาโดยที่ไม่มีพยานหลักฐาน ดังนั้น ต่อไปจึงเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่รับผิดชอบสำนวนคดีฆ่าตัดตอนในช่วงสงครามยาเสพติด ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ ฆ่าตัดตอนแม่น้องฟลุ๊ค และหลานชายตนหรือไม่ และอยากให้ดีเอสไอช่วยพิสูจน์ประเด็นการเปลี่ยนอาวุธปืนด้วย

“หลานชายผมต้องมาตาย น้องสาวผมสูญหายไปจะครบ 5 ปี ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ โดยไม่มีโอกาสได้ต่อสู้ แม้จะมีพยานที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของอยู่บริเวณที่เกิดเหตุเห็นตำรวจอุ้มแม่น้องฟลุ๊คขึ้นรถปิคอัพหายไป แต่ก็ไม่มีใครกล้าบอกชื่อจริงและมาเป็นพยานในศาล ปัจจุบันตำรวจทั้ง 3 นาย ก็ยังคงรับราชการอยู่” นายสมชาย กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น