“มาร์ค” ติง “เพ็ญ” สับสนบทบาท ระวังกระทบเสรีภาพสื่อ

“หน.ปชป.” พร้อมให้ข้อมูล มท.1 ดับไฟใต้ ห่วงส่งสัญญาณผิดรื้อฟื้นคดีฆ่าตัดตอนติง “เจ๊เพ็ญ” อย่าบทบาทสับสน เกรงกระทบเสรีภาพสื่อ

วันนี้ (22 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแนวนโยบายของรัฐบาลว่า รู้สึกพอใจกับการชี้แจงของ ครม.แต่มี 2 เรื่องที่กังวล คือ 1.เรื่องสื่อสารมวลชน ที่คำชี้แจงของรัฐมนตรีทำให้ยิ่งกังวล ว่า การใช้อำนาจของรัฐที่จะไปกระทบสิทธิเสรีภาพของสื่อมากน้อยเพียงไร ต้องตามเป็นพิเศษ 2.เรื่อง รมว. มหาดไทย คือในคำพูด ยืนยันว่าอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย แต่ท่วงทำนองที่แสดง ในบางคำพูด อาจจะทำให้ส่งสัญญาณที่ผิด ดังนั้น ตนอยากให้ ร.ต.อ.เฉลิม ย้ำให้ชัดในเรื่องที่ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายในการทำหน้าที่ต่างๆ หากเป็นเช่นนั้นก็จะไม่เกิดปัญหาอะไร แต่อยากให้มีการย้ำเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง เนื่องจาก ร.ต.อ.เฉลิม บอกว่า จะมีการรับฟังความคิดเห็นของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน และมีการแลกเปลี่ยน กิติดตามต่อไป

เมื่อถามว่า อาจจะมีการหารือกันเดือนละ 1 ครั้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องรอดูว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะดำเนินการอย่างไร ซึ่งตนก็เคยพูดไปแล้วว่า ในส่วนของ ส.ส.พรรคไม่ได้ขัดข้อง เราอยากที่จะให้ข้อมูล โดยไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการ แค่เชิญไปแลกเปลี่ยนข้อมูลพรรคก็พร้อมอยู่แล้ว

ส่วนที่อาจมีการนำนโยบายปราบปรามยาเสพติดในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาใช้นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า บังเอิญว่า ร.ต.อ.เฉลิม ใช้คำว่าภายใต้กรอบของกฎหมาย ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร แต่อย่างที่บอกคือบางคำพูด ถ้าไปส่งสัญญาณในทางที่จะไปใช้ความรุนแรงนอกขอบเขตของกฎหมาย เราก็อยากจะทักท้วงไว้ ไม่อยากให้ซ้ำรอยเดิม

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุถึงความไม่เป็นกลางของสื่อมวลชนบางฉบับ ว่า การประเมินสถานการณ์ของรัฐมนตรีเกี่ยวกับสื่อมวลชนน่าจะเปลี่ยน โดยเห็นว่าควรดูสาเหตุต้นตอที่ชัดเจนว่า ที่สื่อมวลชนมีลักษณะของการเลือกข้างมากขึ้น เป็นเพราะอะไร จะได้ไม่ซ้ำรอยปัญหาเดิม ขณะเดียวกัน ท่าทีที่ยังไม่มีคำตอบเกี่ยวกับปัญหาการแทรกแซงสื่อ โดยผ่านกลไกเรื่องธุรกิจจะทำอย่างไร แต่กลับไปพูดว่าสื่อควรจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ จะทำให้เกิดความสับสนในหน้าที่ และอาจกระทบต่อสิทธิเสรีภาพ ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับความเหมาะสมของผู้ทีได้รับการสรรหาเป็น ส.ว.นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ แต่โดยภาพรวมแล้วเห็นว่า ส.ว.ที่ได้จากการสรรหาครั้งนี้ ยังไม่มีความหลากหลายในเรื่องของสาขาอาชีพ ซึ่งควรจะมีความหลากหลายมากกว่านี้