หลายคนยังคงจำภาพข่าวเหตุการณ์กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง และกลุ่มสนับสนุนโรงถลุงเหล็กเครือสหวิริยา ปะทะกันที่บริเวณหมู่ 1 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่ทางบริษัทบางปะกง จำกัด นำรถแบ๊คโฮจะเข้าขุดคลองป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่เอกสารสิทธิ์ของบริษัทประจวบพัฒนา ดีเวลล๊อปเม้นท์ จำกัด ทำให้ นายรักศักดิ์ คงตระกูล อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ 7 ต.ธงชัย อ.บางสะพาน ถูกยิงด้วยอาวุธปืน .38 เข้าที่กลางหลังทะลุหน้าอก เสียชีวิต และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน เมื่อวันที่ 24 ม.ค.51 ที่ผ่านมา
หลังเกิดเหตุผ่านพ้นไป 1 วัน พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิ์วงษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ พร้อมกับตั้งกองอำนวยการร่วม ที่โรงเรียนบ้านดอนสำราญ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ต.วิรัช วัชรขจร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ , พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผกก.สภ.บางสะพาน และได้สรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตลอดจนวิเคราะห์สถานการณ์ในระยะต่อไป โดยที่เน้นดูแลความปลอดภัยให้กับทั้งสองกลุ่ม และวางมาตรการต่าง ๆ ทั้งปรับการทำงานในด้านการข่าว การสืบสวนสอบสวน รวมไปถึงการจัดชุดออกลาดตระเวนตั้งจุดตรวจค้นทั้งกลางวันและกลางคืน
ส่วนประเด็นการเสียชีวิตของ นายรักศักดิ์ คงตระกูล เหยื่อผู้บริสุทธิ์ ณ.วันนั้น พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิ์วงษ์ พูดเสียงดังฟังชัดว่า จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ใครผิดต้องถูกจับกุมดำเนินคดี
30 มกราคม 51 ถือเป็นฤกษ์ดีของกลุ่มคัดค้าน นายบำรุง สุดสวาท อายุ 33 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ จ.59/2551 เมื่อวันที่ 26 ม.ค.2551 ข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ในคดีฆ่า นายรักษ์ศักดิ์ คงตระกูล เดินทางเข้ามอบตัวเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง ต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)โดยมีนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น เดินทางมาให้กำลังใจ
ขณะที่ นายบำรุง สุดสวาท ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเสียชีวิตของนายรักษ์ศักดิ์ แต่อย่างใด เนื่องจากในวันเกิดเหตุไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าวันนั้นอยู่ไหน โดยขอให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมยื่นประกันตัวโดยใช้ตำแหน่ง ส.ส.ของ นายไกรศักดิ์ ประกัน ซึ่งพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วว่าผู้ต้องหาได้ติดต่อเข้ามอบตัวเอง และไม่มีพฤติกรรมหลบหนีแต่อย่างใด จึงได้ให้ประกันตัวออกไป พร้อมได้นัดให้มาสอบปากคำอีกครั้งในวันที่ 20 ก.พ.2551
“การมามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากไม่มั่นใจในการทำงานของตำรวจในท้องที่และความปลอดภัย เพราะคดีในพื้นที่เกิดแล้วเกิดอีก ส่วนคดีนี้ใครจะเป็นคนร้ายผมไม่ทราบ แต่คิดว่าฝ่ายตรงกันข้ามน่าจะรู้ว่าใครเป็นคนทำ” นายบำรุง กล่าว
ถัดมา 31 มกราคม 51 นายสุวรรณ ทองกลอย ประธานสภาทนายความจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย นางผิน คงตระกูล อายุ 60 ปี นางลำพู แสงทอง อายุ 37 ปี ด.ญ.พรพินิจ คงตระกูล อายุ 8 ปี มารดา ภรรยา และลูกสาวนายรักษ์ศักดิ์ คงตระกูล พนักงานบริษัทในเครือสหวิริยา ที่ถูกยิงเสียชีวิต เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.เช่นเดียวกัน
โดย นายสุวรรณ ให้เหตุผลการร้องขอความเป็นธรรมว่า หลังจาก นายบำรุง ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวและได้รับการประกันตัวออกไป ก็หวั่นเกรงว่าพยานในคดีจะถูกคุกคาม จากกลุ่มอิทธิพลที่กำลังจะช่วยให้ผู้ต้องหาหลุดพ้นคดี พร้อมกับวิงวอนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดีกับผู้ต้องหา และดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นทุกวันจากการกระทำของกลุ่มที่คัดค้าน
ขณะที่ นายธีรยุทธ เจริญยิ่ง อายุ 25 ปี พนักงานชั่วคราว บริษัท เอสทีคอนแทร็คเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับเหมาปรับพื้นที่สร้างโรงถลุงเหล็ก และเป็นเพื่อนร่วมงานของผู้ตาย ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เล่านาทีระทึกให้กับผู้สื่อข่าวประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติฟังว่า "วันเกิดเหตุตนพร้อมคนงานอื่นๆ รวมทั้งผู้ตายได้เข้าไปทำงานปรับพื้นที่ตามปกติ โดยก่อนเข้างานได้ถูกตรวจค้นอาวุธจากตำรวจที่ตั้งด่าน เนื่องจากมีการชุมนุมของม็อบคัดค้าน โดยระหว่างทำงานได้ถูกกลุ่มม็อบดังกล่าวทำร้ายโดยใช้หนังสติ๊กยิงใส่ และพูดจายั่วยุ ทำให้พวกตนทนไม่ไหวมีการตอบโต้ ไปบ้าง กระทั่งกลุ่มม็อบได้พยายามบุกเข้ามาในพื้นที่ของบริษัทและทำลายทรัพย์สิน พวกตนจึงเข้าไปขัดขวาง ระหว่างนั้นได้มีชายฉกรรจ์ 5 คน ได้ชักอาวุธปืนยิงมาทางพวกตน ทำให้ตนและเพื่อนคนงานต่างตกใจวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น จังหวะนั้นผู้ตายเองก็กำลังหันหลังวิ่งแต่ถูกยิงจนล้มฟุบไปกองกับพื้น ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา"
หลังนายรักศักดิ์ เสียชีวิต ทางคณะผู้บริหารเครือสหวิริยา นำโดย นายไพโรจน์ มกร์ดารา ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการพิเศษ ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับกล่าวว่าทางเครือสหวิริยามิได้นิ่งนอนใจ โดยเบื้องต้นได้ให้การช่วยเหลือ นางผิน คงตระกูล มารดาของนายรักศักดิ์ ภรรยา และบุตรสาววัย 8 ขวบ ด้วยการมอบเงินจำนวน 1 แสนบาท พร้อมมอบการอุปการะเลี้ยงดูและให้ทุนการศึกษาจนกว่า เด็กหญิงพรพินิจ คงตระกูล หรือน้องเม็ดฝ้าย จะจบการศึกษาขั้นสูงสุด และรับภรรยาของนายรักศักดิ์ เข้าเป็นพนักงานในเครือสหวิริยา เพื่อให้มีรายได้จุนเจือครอบครัวที่ขาดเสาหลักไปแล้ว
เหตุการณ์ร้ายของคนแม่รำพึงในครั้งนี้ ทางพล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับหน้าที่ รับเรื่องร้องเรียนของทั้งฝ่ายผู้ต้องหา และฝ่ายผู้เสียหาย ยืนยันว่า คดีที่เกิดขึ้น ทาง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ผบ.ตร.กำชับให้ทำการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาตามกรอบของกฎหมาย ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พร้อมกับมอบหมายให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบสะสางคดี
วันนี้ นายบำรุง ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างการประกันตัว และรอสอบปากคำเพิ่มเติมในวันนี้ (20 ก.พ.) ขณะที่ ญาติผู้เสียชีวิต ยังคงหวั่นวิตกในเรื่องความปลอดภัย รวมทั้ง เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม
พ.ต.อ.วรภัทร วัฒนวิศาล รองผบก.ประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ บอกถึงความคืบหน้าของคดีว่า ขณะนี้ รอเพียงผลการชันสูตรศพ จากสถาบันนิติเวชวิทยา ที่ยังไม่ส่งกลับมายังชุดพนักงานสอบสวน รวมทั้ง ต้องรอพิสูจน์อาวุธปืน และผลการเปรียบเทียบกระสุนปืน จากผู้ต้องสงสัยรายอื่นอยู่ แต่ยังไม่มีการออกหมายเรียกใครมาสอบสวนเพิ่มเติม
พ.ต.อ.วรภัทรยืนยันด้วยว่า ชุดพนักงานสอบสวน ค่อนข้างมีความมั่นใจว่า ตามแนวทางการสืบสวนและสอบสวน ซึ่งพยานหลักฐานบ่งชี้ว่า ผู้ต้องหา เป็นผู้ที่ลงมือยิงผู้ตาย โดยยังไม่มีพยานหลักฐานที่จะบ่งชี้ไปที่ผู้ต้องสงสัยรายอื่น ซึ่งในวันที่ 20 ก.พ.นี้ พนักงานสอบสวน จะเรียกนายบำรุง มาสอบปากคำอีกครั้ง และหากผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธเช่นเดิม ก็ถือเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะกระทำได้ ขณะที่ทางตำรวจก็จะดำเนินการไปตามแนวทางการสอบสวนเป็นหลัก
"ปัญหาความขัดแย้งในพื้นขณะนี้ ยังไม่พบ ทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติ ผู้ต้องหาก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ตำรวจไม่ได้มีการตามประกบหรือกดดันใดๆ โดยในวันที่ 20 ก.พ.นี้ ผู้ต้องหาคงมาพบพนักงานสอบสวนตามนัด ทุกอย่างปกติครับ ไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆทั้ง 2 ฝ่าย"พ.ต.อ.วรภัทรกล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีผู้เสียชีวิต ตำรวจ ในฐานะพนักงานสอบสวน ก็ต้องดำเนินการไขความจริงให้กระจ่าง ไม่ว่า ผู้เสียชีวิตจะมีแนวคิดขึ้นอยู่กับฝ่ายไหนก็ตาม และผู้กระทำผิดต้องถูกนำตัวมาดำเนินการตามกฏหมาย
หลังเกิดเหตุผ่านพ้นไป 1 วัน พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิ์วงษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ พร้อมกับตั้งกองอำนวยการร่วม ที่โรงเรียนบ้านดอนสำราญ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ต.วิรัช วัชรขจร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ , พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผกก.สภ.บางสะพาน และได้สรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตลอดจนวิเคราะห์สถานการณ์ในระยะต่อไป โดยที่เน้นดูแลความปลอดภัยให้กับทั้งสองกลุ่ม และวางมาตรการต่าง ๆ ทั้งปรับการทำงานในด้านการข่าว การสืบสวนสอบสวน รวมไปถึงการจัดชุดออกลาดตระเวนตั้งจุดตรวจค้นทั้งกลางวันและกลางคืน
ส่วนประเด็นการเสียชีวิตของ นายรักศักดิ์ คงตระกูล เหยื่อผู้บริสุทธิ์ ณ.วันนั้น พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิ์วงษ์ พูดเสียงดังฟังชัดว่า จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ใครผิดต้องถูกจับกุมดำเนินคดี
30 มกราคม 51 ถือเป็นฤกษ์ดีของกลุ่มคัดค้าน นายบำรุง สุดสวาท อายุ 33 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ จ.59/2551 เมื่อวันที่ 26 ม.ค.2551 ข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ในคดีฆ่า นายรักษ์ศักดิ์ คงตระกูล เดินทางเข้ามอบตัวเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง ต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)โดยมีนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น เดินทางมาให้กำลังใจ
ขณะที่ นายบำรุง สุดสวาท ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเสียชีวิตของนายรักษ์ศักดิ์ แต่อย่างใด เนื่องจากในวันเกิดเหตุไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าวันนั้นอยู่ไหน โดยขอให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมยื่นประกันตัวโดยใช้ตำแหน่ง ส.ส.ของ นายไกรศักดิ์ ประกัน ซึ่งพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วว่าผู้ต้องหาได้ติดต่อเข้ามอบตัวเอง และไม่มีพฤติกรรมหลบหนีแต่อย่างใด จึงได้ให้ประกันตัวออกไป พร้อมได้นัดให้มาสอบปากคำอีกครั้งในวันที่ 20 ก.พ.2551
“การมามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากไม่มั่นใจในการทำงานของตำรวจในท้องที่และความปลอดภัย เพราะคดีในพื้นที่เกิดแล้วเกิดอีก ส่วนคดีนี้ใครจะเป็นคนร้ายผมไม่ทราบ แต่คิดว่าฝ่ายตรงกันข้ามน่าจะรู้ว่าใครเป็นคนทำ” นายบำรุง กล่าว
ถัดมา 31 มกราคม 51 นายสุวรรณ ทองกลอย ประธานสภาทนายความจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย นางผิน คงตระกูล อายุ 60 ปี นางลำพู แสงทอง อายุ 37 ปี ด.ญ.พรพินิจ คงตระกูล อายุ 8 ปี มารดา ภรรยา และลูกสาวนายรักษ์ศักดิ์ คงตระกูล พนักงานบริษัทในเครือสหวิริยา ที่ถูกยิงเสียชีวิต เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.เช่นเดียวกัน
โดย นายสุวรรณ ให้เหตุผลการร้องขอความเป็นธรรมว่า หลังจาก นายบำรุง ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวและได้รับการประกันตัวออกไป ก็หวั่นเกรงว่าพยานในคดีจะถูกคุกคาม จากกลุ่มอิทธิพลที่กำลังจะช่วยให้ผู้ต้องหาหลุดพ้นคดี พร้อมกับวิงวอนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดีกับผู้ต้องหา และดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นทุกวันจากการกระทำของกลุ่มที่คัดค้าน
ขณะที่ นายธีรยุทธ เจริญยิ่ง อายุ 25 ปี พนักงานชั่วคราว บริษัท เอสทีคอนแทร็คเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับเหมาปรับพื้นที่สร้างโรงถลุงเหล็ก และเป็นเพื่อนร่วมงานของผู้ตาย ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เล่านาทีระทึกให้กับผู้สื่อข่าวประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติฟังว่า "วันเกิดเหตุตนพร้อมคนงานอื่นๆ รวมทั้งผู้ตายได้เข้าไปทำงานปรับพื้นที่ตามปกติ โดยก่อนเข้างานได้ถูกตรวจค้นอาวุธจากตำรวจที่ตั้งด่าน เนื่องจากมีการชุมนุมของม็อบคัดค้าน โดยระหว่างทำงานได้ถูกกลุ่มม็อบดังกล่าวทำร้ายโดยใช้หนังสติ๊กยิงใส่ และพูดจายั่วยุ ทำให้พวกตนทนไม่ไหวมีการตอบโต้ ไปบ้าง กระทั่งกลุ่มม็อบได้พยายามบุกเข้ามาในพื้นที่ของบริษัทและทำลายทรัพย์สิน พวกตนจึงเข้าไปขัดขวาง ระหว่างนั้นได้มีชายฉกรรจ์ 5 คน ได้ชักอาวุธปืนยิงมาทางพวกตน ทำให้ตนและเพื่อนคนงานต่างตกใจวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น จังหวะนั้นผู้ตายเองก็กำลังหันหลังวิ่งแต่ถูกยิงจนล้มฟุบไปกองกับพื้น ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา"
หลังนายรักศักดิ์ เสียชีวิต ทางคณะผู้บริหารเครือสหวิริยา นำโดย นายไพโรจน์ มกร์ดารา ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการพิเศษ ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับกล่าวว่าทางเครือสหวิริยามิได้นิ่งนอนใจ โดยเบื้องต้นได้ให้การช่วยเหลือ นางผิน คงตระกูล มารดาของนายรักศักดิ์ ภรรยา และบุตรสาววัย 8 ขวบ ด้วยการมอบเงินจำนวน 1 แสนบาท พร้อมมอบการอุปการะเลี้ยงดูและให้ทุนการศึกษาจนกว่า เด็กหญิงพรพินิจ คงตระกูล หรือน้องเม็ดฝ้าย จะจบการศึกษาขั้นสูงสุด และรับภรรยาของนายรักศักดิ์ เข้าเป็นพนักงานในเครือสหวิริยา เพื่อให้มีรายได้จุนเจือครอบครัวที่ขาดเสาหลักไปแล้ว
เหตุการณ์ร้ายของคนแม่รำพึงในครั้งนี้ ทางพล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับหน้าที่ รับเรื่องร้องเรียนของทั้งฝ่ายผู้ต้องหา และฝ่ายผู้เสียหาย ยืนยันว่า คดีที่เกิดขึ้น ทาง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ผบ.ตร.กำชับให้ทำการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาตามกรอบของกฎหมาย ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พร้อมกับมอบหมายให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบสะสางคดี
วันนี้ นายบำรุง ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างการประกันตัว และรอสอบปากคำเพิ่มเติมในวันนี้ (20 ก.พ.) ขณะที่ ญาติผู้เสียชีวิต ยังคงหวั่นวิตกในเรื่องความปลอดภัย รวมทั้ง เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม
พ.ต.อ.วรภัทร วัฒนวิศาล รองผบก.ประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ บอกถึงความคืบหน้าของคดีว่า ขณะนี้ รอเพียงผลการชันสูตรศพ จากสถาบันนิติเวชวิทยา ที่ยังไม่ส่งกลับมายังชุดพนักงานสอบสวน รวมทั้ง ต้องรอพิสูจน์อาวุธปืน และผลการเปรียบเทียบกระสุนปืน จากผู้ต้องสงสัยรายอื่นอยู่ แต่ยังไม่มีการออกหมายเรียกใครมาสอบสวนเพิ่มเติม
พ.ต.อ.วรภัทรยืนยันด้วยว่า ชุดพนักงานสอบสวน ค่อนข้างมีความมั่นใจว่า ตามแนวทางการสืบสวนและสอบสวน ซึ่งพยานหลักฐานบ่งชี้ว่า ผู้ต้องหา เป็นผู้ที่ลงมือยิงผู้ตาย โดยยังไม่มีพยานหลักฐานที่จะบ่งชี้ไปที่ผู้ต้องสงสัยรายอื่น ซึ่งในวันที่ 20 ก.พ.นี้ พนักงานสอบสวน จะเรียกนายบำรุง มาสอบปากคำอีกครั้ง และหากผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธเช่นเดิม ก็ถือเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะกระทำได้ ขณะที่ทางตำรวจก็จะดำเนินการไปตามแนวทางการสอบสวนเป็นหลัก
"ปัญหาความขัดแย้งในพื้นขณะนี้ ยังไม่พบ ทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติ ผู้ต้องหาก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ตำรวจไม่ได้มีการตามประกบหรือกดดันใดๆ โดยในวันที่ 20 ก.พ.นี้ ผู้ต้องหาคงมาพบพนักงานสอบสวนตามนัด ทุกอย่างปกติครับ ไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆทั้ง 2 ฝ่าย"พ.ต.อ.วรภัทรกล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีผู้เสียชีวิต ตำรวจ ในฐานะพนักงานสอบสวน ก็ต้องดำเนินการไขความจริงให้กระจ่าง ไม่ว่า ผู้เสียชีวิตจะมีแนวคิดขึ้นอยู่กับฝ่ายไหนก็ตาม และผู้กระทำผิดต้องถูกนำตัวมาดำเนินการตามกฏหมาย