ตำรวจนัด ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สอบปากคำเพิ่มเติม คดียิงกลุ่มหนุนโรงถลุงเหล็ก วันพรุ่งนี้ ระบุ ตามแนวทางการสืบสวนและสอบสวน มีพยานหลักฐานบ่งชี้ว่า ผู้ต้องหาเป็นผู้ที่ลงมือยิงผู้ตาย ด้าน สหวิริยา ยันโรงถลุงเหล็ก ไม่กระทบสิ่งแวดล้อม ระบุ กลุ่มอนุรักษ์มั่วแหล่งวางไข่ปลาทูแม่รำพึง
วันนี้ (19 ก.พ) พ.ต.อ.วรภัทร วัฒนวิศาล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี นายรักศักดิ์ คงตระกูล อายุ 36 ปี กลุ่มสนับสนุนโรงถลุงเหล็กเครือสหวิริยา ถูกยิงเสียชีวิต ขณะเกิดเหตุปะทะกันกลับกลุ่มคัดค้าน ที่บริเวณหมู่ 1 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 24 ม.ค.2551 ที่ผ่านมา โดยมี นายบำรุง สุดสวาท อายุ 33 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตกเป็นผู้ต้องหา และขณะนี้อยู่ระหว่างการประกันตัว ว่า ขณะนี้รอเพียงผลการชันสูตรศพ จากสถาบันนิติเวชวิทยา ที่ยังไม่ส่งกลับมายังชุดพนักงานสอบสวน รวมทั้งต้องรอพิสูจน์อาวุธปืน และผลการเปรียบเทียบกระสุนปืน จากผู้ต้องสงสัยรายอื่นอยู่ แต่ยังไม่มีการออกหมายเรียกใครมาสอบสวนเพิ่มเติม
พ.ต.อ.วรภัทร ยืนยันด้วยว่า ชุดพนักงานสอบสวน ค่อนข้างมีความมั่นใจว่า ตามแนวทางการสืบสวนและสอบสวน ซึ่งพยานหลักฐานบ่งชี้ว่า ผู้ต้องหาเป็นผู้ที่ลงมือยิงผู้ตาย โดยยังไม่มีพยานหลักฐานที่จะบ่งชี้ไปที่ผู้ต้องสงสัยรายอื่น ซึ่งในวันที่ 20 ก.พ.นี้ พนักงานสอบสวน จะเรียก นายบำรุง มาสอบปากคำอีกครั้ง และหากผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธเช่นเดิม ก็ถือเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะกระทำได้ ขณะที่ทางตำรวจก็จะดำเนินการไปตามแนวทางการสอบสวนเป็นหลัก
“ปัญหาความขัดแย้งในพื้นขณะนี้ ยังไม่พบ ทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติ ผู้ต้องหาก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ตำรวจไม่ได้มีการตามประกบหรือกดดันใดๆ โดยในวันที่ 20 ก.พ.นี้ ผู้ต้องหาคงมาพบพนักงานสอบสวนตามนัด ทุกอย่างปกติครับ ไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้ง 2 ฝ่าย” พ.ต.อ.วรภัทร กล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีผู้เสียชีวิต ตำรวจในฐานะพนักงานสอบสวน ก็ต้องดำเนินการไขความจริงให้กระจ่าง ไม่ว่าผู้เสียชีวิตจะมีแนวคิดขึ้นอยู่กับฝ่ายไหนก็ตาม และผู้กระทำผิดต้องถูกนำตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย
วันเดียวกัน นายเอกลักษณ์ สังข์ทอง ผู้จัดการศูนย์บริหารจัดการและส่งเสริมสิ่งแวดล้อมเครือสหวิริยา เปิดเผยถึงกรณีปัญหาความขัดแย้ง โครงการโรงถลุงเหล็กเครือสหวิริยา โดยล่าสุดมีการอ้างจากกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง ซึ่งคัดค้านโครงการ ว่า โรงถลุงเหล็ก มีผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะแหล่งวางไข่ของปลาทูในอ่าวไทย โดยอ้างว่า กรมประมง ระบุ ปากอ่าวแม่รำพึงเป็นแหล่งวางไข่ที่ใหญ่ที่สุดของปลาทูในอ่าวไทย ว่า โครงการโรงถลุงเหล็กจะมีระบบการดูแลด้านสิ่งแวดล้อมขั้นสูง มีมาตรการดูแลผลกระทบผลภาวะและมีการติดตามตรวจสอบแบบออนไลน์รอบโรงงานตลอด 24 ชั่วโมง
ดังนั้น เชื่อมั่นไม่มีผลกระทบกับส่งแวดล้อมในพื้นที่ โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดการน้ำทิ้ง จะไม่มีระบายน้ำออกนอกโรงงาน แต่จะมีกระบวนการรีไซเคิลนำกลับมาใช้ ดังนั้น จะไม่มีผลต่อมลภาวะรอบโรงงานและท้ายน้ำ ส่วนจุดวางไข่ของปลาทูและพื้นที่หนาแน่นของปลาทู นั้นจากงานวิจัยของกรมประมงนั้นอยู่ห่างจากชายฝั่งถึง 75 ไมล์ทะเล หรือ 65 กิโลเมตร แต่ที่ผู้คัดค้านนำไปอ้างคือปลาทูวางไข่ที่แหล่งน้ำตื้นบริเวณ ปากคลองแม่รำพึงซึ่งไม่เป็นความจริง
นายเอกลักษณ์ กล่าวถึงปัญหาการเดินหน้าของโครงการโดยขุดคลอง-ถมดินลุกล้ำพื้นที่ป่าพรุ โดยไม่สนใจรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม จนเกิดความขัดแย้งในพื้นที่ ว่าบริษัทพยายามแก้ปัญหามาโดยตลอด โดยขณะนี้บริษัทได้หยุดดำเนินการถมดิน เพื่อรอผลข้อหารือจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ในประเด็นการถมดิน และผลกระทบ ซึ่งที่กล่าวหาว่าลุกล้ำพื้นที่ป่าพรุนั้นไม่เป็นความจริงเพราะพื้นที่ป่าพรุอยู่คนละพื้นทีกับที่ดินของโครงการ และยืนยันว่าไม่เคยมีการลุกล้ำป่าพรุตามที่กลุ่มอนุรักษ์กล่าวหา
ผู้จัดการศูนย์บริหารจัดการและส่งเสริมสิ่งแวดล้อมเครือสหวิริยา ยังปฏิเสธถึงกรณีกลุ่มอนุรักษ์ระบุว่ามีน้ำมันเตารั่วไหลเมื่อปี 2546 จากโรงงานเดิมของเครือสหวิริยาทำให้ปลาตายในคลองแม่รำพึงว่าไม่เป็นความจริง โดยได้รับการยืนจากกรมโรงงานอุตสหกรรม ซึ่งเข้ามาตรวจสอบว่า ไม่มีน้ำมันเตารั่วแต่อย่างใด