สมาชิกแชร์ข้าวสาร 50 คน แห่ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมอัยการสั่งคดี ประธานบริษัท อีซี่ เน็ตเวิร์ค ยันธุรกิจไม่ผิดกฎหมาย ยังหวังจะได้เงินคืน หากธุรกิจเดินหน้าต่อ
วันที่ 18 ก.พ. เมื่อเวลา 14.00 น.ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก กลุ่มสมาชิกบริษัท อีซี่ เน็ตเวิร์ค มาร์เก็ตติ้ง จำกัด หรือแชร์ข้าวสาร ประมาณ 50 คน เดินทางเข้าพบ นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้กับ นายปฐม อัญสกุล อายุ 28 ปี ประธานกรรมการผู้จัดการ และอดีตหัวหน้าพรรคไทยร่ำรวย ผู้ต้องหาที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งสำนวนสมควรสั่งฟ้อง 3 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่ฉ้อโกงประชาชน และไม่ดำเนินกิจการให้เป็นไปตามแผนจ่ายผลตอบแทนที่ยื่นจดต่อนายทะเบียน ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงิน พ.ศ.2527 และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบขายตรง พ.ศ.2545 ให้อัยการเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ภายหลังรับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมแล้ว นายเศกสรรค์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้ นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เจ้าของสำนวนคดี เป็นผู้พิจารณา
ด้าน นางปภาพิณท์ บุญศรี อายุ 50 ปี ตัวแทนกลุ่มสมาชิกแชร์ข้าวสาร กล่าวว่า กลุ่มสมาชิกที่ลงชื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ได้มาจากการรวบรวมรายชื่อสมาชิก 776 รายทั่วประเทศ โดยสมาชิกทั้งหมดเห็นว่า นายปฐม ประกอบธุรกิจซื้อ-ขายข้าวสารตามธุรกิจทั่วไป ไม่ได้โกง หรือหลอกลวงสมาชิก จึงไม่น่าจะผิดกฎหมายและไม่ได้มากดดันการทำงานของพนักงานอัยการ แต่อยากให้มีการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม ซึ่งภายหลัง นายปฐม ถูกดีเอสไอ จับกุมเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2550 ทำให้บริษัทต้องปิดกิจการลง และส่งผลให้สมาชิกส่วนหนึ่งได้รับความเดือนร้อน ซึ่งนายปฐมได้แจ้งกับสมาชิกว่าหากได้รับการปล่อยตัวก็จะคืนเงินให้กับสมาชิกทั้งหมด
“ตอนนี้สมาชิกหวังเพียงว่า ให้ นายปฐม ได้รับการประกันตัว และออกมาดำเนินธุรกิจต่อไป และขอยืนยันว่า สมาชิกที่มาวันนี้ไม่ได้โดนหลอก แต่ทุกคนมากันด้วยความสมัครใจ เราไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ เราซื้อสินค้าได้สินค้าจริงๆ แล้วบริษัทได้กำไรจากการขายสินค้า แล้วเอากำไรมาแบ่งคืนให้เรา ไม่ใช่เอาเงินของคนใหม่ มาให้คนเก่า ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่แบบนั้น ซึ่งเป็นลักษณะของการแบ่งปันแบบสหกรณ์ ตรงนี้เป็นประเด็นที่อยากให้ผู้ใหญ่รู้ และมองเห็นว่าเราเดือดร้อน ช่วยกรุณาปล่อย หรือพิจารณาคุณปฐมให้ถูกต้องหน่อย” นางปภาพิณท์ กล่าว
ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ก.พ. นางปภาพิณท์แจ้งเพิ่มเติมว่า ได้มีสมาชิกมายื่นขอความเป้นธรรมให้กับนายปฐมเพิ่มขึ้นอีก 13,038 คน ทำให้มีผู้ยื่นรวมแล้ว 13,814 คน ขณะนี้อัยการอยู่ระหว่างการพิจารณาและจะวินิจฉัยชี้ขาดในวันที่ 20 ก.พ.นี้
วันที่ 18 ก.พ. เมื่อเวลา 14.00 น.ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก กลุ่มสมาชิกบริษัท อีซี่ เน็ตเวิร์ค มาร์เก็ตติ้ง จำกัด หรือแชร์ข้าวสาร ประมาณ 50 คน เดินทางเข้าพบ นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้กับ นายปฐม อัญสกุล อายุ 28 ปี ประธานกรรมการผู้จัดการ และอดีตหัวหน้าพรรคไทยร่ำรวย ผู้ต้องหาที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งสำนวนสมควรสั่งฟ้อง 3 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่ฉ้อโกงประชาชน และไม่ดำเนินกิจการให้เป็นไปตามแผนจ่ายผลตอบแทนที่ยื่นจดต่อนายทะเบียน ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงิน พ.ศ.2527 และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบขายตรง พ.ศ.2545 ให้อัยการเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ภายหลังรับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมแล้ว นายเศกสรรค์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้ นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เจ้าของสำนวนคดี เป็นผู้พิจารณา
ด้าน นางปภาพิณท์ บุญศรี อายุ 50 ปี ตัวแทนกลุ่มสมาชิกแชร์ข้าวสาร กล่าวว่า กลุ่มสมาชิกที่ลงชื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ได้มาจากการรวบรวมรายชื่อสมาชิก 776 รายทั่วประเทศ โดยสมาชิกทั้งหมดเห็นว่า นายปฐม ประกอบธุรกิจซื้อ-ขายข้าวสารตามธุรกิจทั่วไป ไม่ได้โกง หรือหลอกลวงสมาชิก จึงไม่น่าจะผิดกฎหมายและไม่ได้มากดดันการทำงานของพนักงานอัยการ แต่อยากให้มีการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม ซึ่งภายหลัง นายปฐม ถูกดีเอสไอ จับกุมเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2550 ทำให้บริษัทต้องปิดกิจการลง และส่งผลให้สมาชิกส่วนหนึ่งได้รับความเดือนร้อน ซึ่งนายปฐมได้แจ้งกับสมาชิกว่าหากได้รับการปล่อยตัวก็จะคืนเงินให้กับสมาชิกทั้งหมด
“ตอนนี้สมาชิกหวังเพียงว่า ให้ นายปฐม ได้รับการประกันตัว และออกมาดำเนินธุรกิจต่อไป และขอยืนยันว่า สมาชิกที่มาวันนี้ไม่ได้โดนหลอก แต่ทุกคนมากันด้วยความสมัครใจ เราไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ เราซื้อสินค้าได้สินค้าจริงๆ แล้วบริษัทได้กำไรจากการขายสินค้า แล้วเอากำไรมาแบ่งคืนให้เรา ไม่ใช่เอาเงินของคนใหม่ มาให้คนเก่า ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่แบบนั้น ซึ่งเป็นลักษณะของการแบ่งปันแบบสหกรณ์ ตรงนี้เป็นประเด็นที่อยากให้ผู้ใหญ่รู้ และมองเห็นว่าเราเดือดร้อน ช่วยกรุณาปล่อย หรือพิจารณาคุณปฐมให้ถูกต้องหน่อย” นางปภาพิณท์ กล่าว
ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ก.พ. นางปภาพิณท์แจ้งเพิ่มเติมว่า ได้มีสมาชิกมายื่นขอความเป้นธรรมให้กับนายปฐมเพิ่มขึ้นอีก 13,038 คน ทำให้มีผู้ยื่นรวมแล้ว 13,814 คน ขณะนี้อัยการอยู่ระหว่างการพิจารณาและจะวินิจฉัยชี้ขาดในวันที่ 20 ก.พ.นี้
