xs
xsm
sm
md
lg

รพ.ตำรวจ ป้อง 21 ตร.ไม่มีเอี่ยวอมเงินฉีดศพ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


รพ.ตำรวจ แจงยักยอกเงินฉีดศพ 21 ตร.ไม่มีเอี่ยว เชื่อลูกจ้าง 3 คนแอบสอดไส้ใบเสร็จ แต่ต้องแจ้งเอาผิดอาญาตามกฎหมาย ต้องรับผิดชอบเพราะเซ็นเบิก พร้อมให้ชดใช้คืนเงินหลวงกว่า 1 ล้าน

วันนี้ (14 ก.พ.) เมื่อเวล 14.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วันที่ 14 ก.พ. พล.ต.ต.สมยศ ดีมาก รองแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ในฐานะโฆษก รพ.ตำรวจ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ เสวคนธ์ ผบก.นต.รพ.ตร.ได้แถลงข่าวชี้แจงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจและลูกจ้างชั่วคราวรวม 24 รายพัวพันยักยอกเงินค่าฉีดศพเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ว่า เรื่องนี้เป็นการตรวจสอบของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ต้องมีการตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินทุกปี ว่า มีการเบิกจ่ายถูกต้องหรือไม่ และปีที่ผ่านมาก็พบความผิดปกติที่สถาบันนิติเวชวิทยา เรื่องเงินค่าฉีดศพ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2547 – มีนาคม 2549 โดยทาง สตง.ได้ทำกรสอบไปถึงญาติคนไข้ พบว่า ใบเสร็จจำนวนเงินไม่ตรงกัน จึงได้แจ้งมาให้ทาง ตร.ทราบเพื่อทำการตรวจสอบ ซึ่งความผิดปกติที่เกิดขึ้นพบว่าเกิดจากลูกจ้างชั่วคราว 3 คน ประกอบด้วย นายสุพจน์ หรือ ปาน บุญภิรมย์ นางเบญจวรรณ หรือ อ้อย อยู่ยง และ นางสุภัทรา หรือ หน่อย พรหมพิชัย ซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราวด้านการเงิน โดยพฤติกรรมจะนำใบเสร็จค่าฉีดศพมาให้ร้อยเวร หรือสิบเวร เป็นคนเซ็น เนื่องจากลูกจ้างไม่มีอำนาจเซ็น ก็เป็นที่มาว่าคนที่เซ็นชื่อจะต้องรับผิดชอบ จำนวน 21 คนตามที่เป็นข่าว ซึ่งเป็นคนเซ็นชื่อในใบเสร็จไป

พล.ต.ท.สมยศ กล่าวว่า การดำเนินดคีอาญา และวินัยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน และทางแพ่งก็ต้องชดใช้เงินให้กับหลวงตามจำนวนที่หายไปทั้งหมดรวมเป็นเงิน 1,148,400 บาท โดยจะแบ่งให้ทุกคนชดใช้ตามจำนวนที่ได้เซ็นในใบเสร็จรับเงิน จะจ่ายลักษณะใดก็ค่อยว่ากันอีกที ส่วนลูกจ้างทั้งสามคนได้หนีไปหมดแล้ว ทั้ง 21 คนก็ต้องชดใช้เงินแทน ส่วนในทางคดีอาญาทั้ง 21 คน ก็ผิดกรณีประพฤติมิชอบ และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งถ้ามีหมายเรียกก็ต้องไปรับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอนของกฏหมาย แต่ยังถือว่าเป็นแค่ผู้ถูกกล่าวหาเท่านั้นยังไม่ได้ตัดสินว่าเป็นคนผิด

โฆษก รพ.ตร.กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ทางลูกจ้าง 3 คน กระทำการโดยใช้ใบเสร็จ ตบแต่งค่าฉีดศพ ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียม 300 บาท ค่าฉีดฟอร์มาลิน 600 บาท แต่เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอดไส้ใบเสร็จ ใช้กระดาษแข็งรองตรงสำเนาไม่ให้ติด แล้วนำใบเสร็จตัวจริงให้ญาติจำนวนเต็ม 900 บาท แต่ในสำเนาเบิกจ่ายจะระบุว่าไม่ฉีดฟอร์มาลิน ส่งเบิก 300 บาท ยักยอกส่วนต่างไป 600 บาท ซึ่งกระทำการมาตลอด 2 ปี แต่ไม่ได้ทำทุกวันทุกราย อาจจะทำวันละ 1-2 ราย โดยเฉพาะวันหยุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เซ็นชื่อก็มาเซ็นโดยดูเพียงใบปะหน้าซึ่งถูกต้อง ไม่ได้ตรวจสอบทุกใบ และก็หมุนเวียนกันเข้าเวร และไม่มีความรู้ด้านการเงิน และไม่ได้เป็นคนจับเงินจำนวนดังกล่าวเลย เพราะเป็นหน้าที่ของพนักงานการเงิน

“ผู้ที่ถูกกล่าวหาบางคนเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ เคมี ตรวจดีเอ็นเอ ไม่มีคววมรู้เรื่องใบเสร็จหรือเรื่องเงินแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะประพฤติมิชอบ ที่พูดแบบนี้ก็ไม่ได้เป็นการปกป้องลูกน้อง แต่เห็นว่าเป็นการมาเซ็นตามเวรเฉยๆ ไม่ได้เงินส่วนแบ่งอะไร ก่อนหน้านี้ ทางโรงพยาบาลตำรวจได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนไปแล้วครั้งหนึ่งเสร็จสิ้นปี พ.ศ.2550 สรุปว่าเป็นความผิดของลูกจ้างทั้ง 3 คน ซึ่งตอนนี้ยังเป็นลูกจ้างอยู่ แต่หลังจากเกิดเรื่อง นายสุพจน์และ นางเบญวรรณ ได้หนีไป ส่วน นางสุภัทรา ได้ทำงานเรื่อยมาจนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทาง สตง.ได้รื้อเรื่องขึ้นมาจึงมีคำสั่งให้เลิกจ้างทำให้ลูกจ้างคนนี้ก็ออกไป ตอนนี้ตำรวจทั้ง 21 คนได้ไปแจ้งความเอาผิดลูกจ้างทั้ง 3 คนไว้แล้วฐานทำให้เสียหาย และทั้ง 3 คนก็ถูกออกหมายจับไปแล้ว” โฆษก รพ.ตร.กล่าว

พล.ต.ต.สมยศ กล่าวต่อว่า ส่วนนายตำรวจทั้ง 21 คนจากการสอบครั้งนั้นพบว่าไม่มีเจตนาโกงกินเพราะเมื่อเทียบแล้วก็เป็นเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและไม่เคยมีประวัติอย่างนี้มาก่อน ซึ่งเชื่อว่า ไม่มีความผิดร้ายแรงต่อหน่วยงาน ดูแล้วมีเจตนาบริสุทธิ์มากกว่า ส่วนจะลงโทษอย่างไร จะให้อยู่ในราชการต่อหรือไม่ก็เป็นดุลพินิจของ พล.ต.ท.นพ.เลี้ยง หุยประเสริฐ แพทย์ใหญ่ รพ.ตร.

“กรณีที่ ผบก.นต.ไปแจ้งความเอาผิดกับตำรวจทั้ง 21 นาย ที่ สน.ปทุมวัน ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งน้องเป็นคำสั่งของ ตร.ให้ดำเนินการตามขั้นตอน ในสัปดาห์หน้าจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีละเมิด เพื่อให้ทุกคนชดใช้เงินคืนให้หลวงตามจำนวนที่ถูกยักยอกไป ซึ่งเราจะให้ความเป็นธรรมกับตำรวจทั้ง 21 นาย โดยถ้าคิดว่าตัวเองบริสุทธิ์ก็สามารถชี้แจงต่อจเรตำรวจซึ่งเป็นคนสอบสวนวินัยว่าตนเองไม่ผิดอย่างไร สามารถอุทธรณ์เรื่องได้ แสดงหลักฐานตามที่เป็นจริง” พล.ต.ต.สมยศ กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ทางสถาบันนิติเวชวิทยาได้แก้ปัญหาการทุจริตโดยได้ให้ตำรวจชั้นประทวนลงไปทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่การเงินแทนไปก่อน ไม่ใช้ลูกจ้างชั่วคราว ให้เป็นข้าราชการแทน แต่ก็ไม่ได้ให้ตำรวจประทวนทำตลอดต่อไปก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนได้
กำลังโหลดความคิดเห็น