“หมอชุ่ย” ลืมผ้าก๊อซทิ้งในท้องคนไข้นานเกือบปี หลังผ่าตัดมดลูกทิ้ง จนปวดท้องรุนแรง ญาติฟ้องแพทยสภา กองการประกอบโรคศิลปะ เอาผิดอาญา ฟ้องตำรวจ ด้านผอ.โรงพยาบาลยอมรับผิด ระบุขอไกล่เกลี่ย ยืนดีรับผิดชอบแต่ผู้เสียหายไม่ยอม ยันแพทย์ที่ผ่าตัดเป็นคนดี ผิดพลาดครั้งแรก ด้านกองประกอบโรคศิลปะพร้อมให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 3 เมษายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร.อ.โกศัย ชำนาญกิจ ทนายความจากสำนักงานทนายความ นันทน์ ชำนาญกิจและเพื่อน พร้อมด้วยผู้เสียหายอีก 2 คน ได้เข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวประจำกระทรวงสาธารณสุข ภายหลังจากได้เข้ายืนหนังสือร้องเรียนต่อแพทยสภา โดยมีนพ.ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภารับเรื่องร้องเรียน และได้เข้าร้องเรียนต่อชินะกาญจน์ ผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กรณีได้รับความเสียหายจากการเข้ารับรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลวิภาวดี ปิยะราษฎร์ จ.สุพรรณบุรี
ร.อ.โกศัย กล่าวว่า ตนได้รับติดต่อจากญาติของ นางศิญามล สุวัฒนมงคลชัย อายุ 48 ปี ให้ช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยกับโรงพยาบาลวิภาวดี ปิยะราษฎร์ เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการรักษาพยาบาล ซึ่งทางแพทยสภารับปากว่าจะดูแลให้และจะนัดเจรจาไกล่เกลี่ย แต่เมื่อได้ร้องเรียนกับผู้อำนวยการกองประกอบโรคศิลปะกลับไม่ได้การช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้รู้สึกผิดหวังอย่างมาก เพราะผู้อำนวยการกองฯ ใช้คำพูดรุนแรงคล้ายดูถูกเหยียดหยาม
ร.อ.โกศัย กล่าว่า สำหรับการรักษาที่ผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับ นางศิญามล มาจากมีปัญหาสุขภาพมีประจำเดือนมามากผิดปกติ และปวดท้องรุนแรง แพทย์เจ้าของไข้ รพ.วิภาวดีฯ จึงวินิจฉัยให้ผ่าตัดมดลูกทิ้ง โดยเข้ารับการผ่าตัดในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2549 ซึ่งหลังผ่าตัดเกิดผลข้างเคียง คือปวดท้องเป็นประจำ และปวดหนักขึ้นเรื่อยๆ สลับกับมีไข้ตลอดเวลา จึงได้ปรึกษาแพทย์คนเดิมแต่ก็ไม่ได้รับการดูแลดีเท่าทีควร จนกระทั่งอาการเริ่มรุนแรงขึ้น แพทย์คนเดิมจึงได้ให้ไปเอ็กซเรย์ช่องท้อง แต่ไปเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาลอื่น เพราะที่โรงพยาบาลวิภาวดีฯ ไม่มีเครื่องเอกซเรย์ช่องท้อง โดยฟิล์มเอกซเรย์ พบก้อนกลมๆ ที่ท้องน้อย สันนิษฐานว่าเป็นเนื้องอก
รศ.โกศัย กล่าวว่า ต่อมาญาติของผู้ป่วยไม่มั่นใจในการรักษาของแพทย์คนเดิม จึงได้ส่งตัวผู้ป่วยมารับรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพฯ โดยเข้าผ่าตัดเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2550 ซึ่งญาติคนไข้ได้ขอเข้าไปร่วมดูอาการด้วยพร้อมบันทึกภาพ โดยขณะที่แพทย์ลงมีดกรีดหน้าท้อง ปรากฏว่า มีหนองไหลออกมาจำนวนมากประมาณ 2 แก้วน้ำ เมื่อดูดหนองออกหมดช่องท้อง ก็ต้องตกใจเพราะพบก้อนผ้าก๊อซทำแผลจำนวนหนึ่ง ซึ่งแพทย์สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสาเหตุทำให้คนไข้ปวดท้องเป็นประจำ
“แต่เมื่อติดต่อกลับไปยังแพทย์ที่ผ่าตัดมดลูกครั้งแรกแจ้งให้ทราบเรื่องพบผ้าก๊อซในช่องท้อง แพทย์ก็รับปากว่าจะมาเยี่ยม และจะออกค่าผ่าตัดครั้งใหม่ให้ แต่สุดท้ายก็ไม่มา และจนถึงขณะนี้ก็ไม่เคยมาเยี่ยมคุณศิญามลแต่อย่างใด แถมยังบอกด้วยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องปกติ ไม่รุนแรงอะไร”ร.อ.โกศัย กล่าว
ร.อ.โกศัย กล่าวอีกว่า ทีแรกญาติคนไข้ต้องการแค่เจรจาไกล่เกลี่ยให้แพทย์ที่ผ่าตัดผิดพลาดแสดงความรับผิดชอบเท่านั้น แต่เมื่อข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ใน สธ.กลับแสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยามใส่ ทั้งที่พวกตนเป็นผู้เดือดร้อนมาขอความเป็นธรรม กลับมาบอกว่ากระบวนการร้องเรียนไม่เกี่ยวกับตน หากต้องการให้ชดใช้หรือรับผิดชอบให้ไปร้องเรียน หรือฟ้องร้องใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเอาเอง
“เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น ผมและญาติๆ ได้ตัดสินใจจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับแพทย์คนดังกล่าว ที่ สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ซึ่งมีความผิดอาญา และจะพิจารณาฟ้องทางแพ่งด้วย เพราะผู้เสียหายได้เสียค่าใช้จ่ายไปจำนวนมาก รวมถึงจะร้องเรียนพฤติกรรมของผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะด้วย ซึ่งประสบการณ์การเป็นทนายความที่ผ่านมายังไม่เคยข้าราชการประพฤติตนแย่ๆ อย่างนี้” ร.อ.โกศัย กล่าว
ด้านนพ.ทรงกิจ สุทธิกาญจน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิภาวดีปิยะราษฎร์ กล่าวว่า ได้รับทราบกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทราบจากลูกสาวของผู้เสียหายได้ร้องเรียน ซึ่งทางผู้บริหารของโรงพยาบาลและแพทย์ผู้ที่ทำการผ่าตัดได้เดินทางไปเยี่ยมผู้เสียหายพร้อมกับขอโทษ และยินดีชดเชยค่าเสียหายทุกอย่าง และพยายามที่จะประนีประนอมกับผู้เสียหาย แต่ก็ไม่เป็นผล อีกทั้งท่าทีของผู้เสียหายก็แข็งกร้าวและเรียกร้องค่าเสียหายสูงถึง10 ล้านบาท ทั้งที่ภายหลังจากผู้เสียหายได้ผ่าตัดเอาผ้าซับเลือดออกจากร่างกายแล้วก็ไม่เกิดผลกระทบพิการหรือเป็นอันตรายกับชีวิตใดๆ ทั้งสิ้น
“แพทย์ที่ดำเนินการผ่าตัดให้เป็นแพทย์ที่ดี และตลอดที่โรงพยาบาลเปิดมา 14 ปี และแพทย์คนดังกล่าวผ่าตัด 300-400 รายก็ไม่เคยผิดพลาดเลย เพิ่งเป็นรายแรกทุกคนในโรงพยาบาลก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นหากเป็นเรื่องจริง อยากให้สังคมเข้าใจและให้อภัยเราบ้าง จึงอยากเรื่องเหล่านี้จบ เพื่อไม่บั่นทอนกำลังใจในการทำงานของแพทย์”นพ.ทรงกิจ กล่าว
ด้านนพ.ธารา ชินะกาญจน์ ผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า กรณีมีญาติผู้เสียหายร้องเรียนที่กองการประกอบโรคศิลปะ เนื่องจากทำการผ่าตัด แล้วพบมีผ้าก็อตอยูที่บริเวณท้องน้อยนั้น ได้รับเรื่องไว้ จากนั้นจึงดำเนินการนำเข้าอนุกรรมการรับเรื่องราวร้องทุกข์ และให้ทั้ง 2 ฝ่าย นำพยานหลักฐานข้อเท็จจริงมาแสดง หากพิสูจน์พบว่า มีผ้าก็อตอยู่ในร่างกายจริง ก็จะต้องมาพิจารณาว่า เป็นความผิดของแพทย์ที่ประมาทเลินเล่อหรือโรงพยาบาลขาดความพร้อม ซึ่งหากพบว่า สาเหตุมาจากแพทย์ก็จะนำเรื่องส่งต่อให้กับแพทยสภาเรื่องมาตรฐานการรักษา คงต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก