พัทลุง – ชาว อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง เข้าร้องเรียนต่อสื่อ เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีญาติเข้ารักษาตัวที่ รพ.พัทลุง ผ่าตัดไส้ติ่ง คนไข้ไม่ฟื้น จนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นางนวลวรรณ สุทธิสินทอง อายุ 34 ปี พร้อมครอบครัวพร้อมมูล ได้เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชน กรณี นางหนูเสียน พร้อมมูล อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 510 หมู่ที่ 1 ตำบลฝาละมี อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง พี่สาวเข้าทำการผ่าตัดไส้ติ่ง ที่ รพ.พัทลุง หลังแพทย์ผ่าตัดเสร็จ ปรากฏว่า นางหนูเสียน คนไข้กลับไม่ฟื้น กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ซ้ำหนักแพทย์ที่ทำการผ่าตัดยืนยันว่าคนไข้ไม่ได้เป็นไส้ติ่งอักเสบ ในขณะที่ นางหนูเสียน คนไข้ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
นางนวลวรรณ น้องสาวผู้ตาย เล่าเหตุการณ์ว่า นางหนูเสียน ได้ใช้สิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า เข้าทำการรักษาตัวที่ รพ.ปากพะยูน เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา ด้วยอาการปวดท้องและแน่นหน้าอก โดยต้องไปนอนรอที่ รพ.ปากพะยูน 1 คืน เพราะเป็นวันหยุด ที่ รพ.ปากพะยูน ไม่มีหมอ จนกระทั่งสายวันที่ 28 มิถุนายน หมอ รพ.ปากพะยูน จึงเข้าตรวจอาการ พร้อมส่งรักษาตัวต่อที่ รพ.พัทลุง ซึ่งในขณะนั้น ผู้ป่วยก็ยังคงพูดจากับญาติได้ปกติมีเพียงอาการปวดท้องเท่านั้น
ต่อมา หมอ รพ.พัทลุง ได้ตรวจอาการพร้อมระบุว่า นางหนูเสียน ผู้ป่วยเป็นไส้ติ่งอักเสบต้องเข้ารับการผ่าตัดในสายวันที่ 29 มิถุนายน หลังจากที่หมอทำการผ่าตัดแล้วเสร็จ ปรากฏว่า นางหนูเสียนคนไข้ กลับไม่ฟื้นอีกเลย แพทย์ต้องนำเข้ารักษาตัวที่ห้อง ไอ ซี ยู พร้อมกับบอกกับญาติคนไข้ ว่า นางหนูเสียน ไม่ได้เป็นไส้ติ่งอักเสบ แต่กลับเป็นโรคลำไส้อักเสบ
ล่าสุด มีอาการตับแข็ง ม้ามโต มีน้ำในท้องเยอะ ซึ่งในขณะนั้นผู้ป่วยมีอาการแย่ลงตามลำดับ ทางญาติพยายามจะขอย้ายผู้ป่วยไปทำการรักษาตัวต่อที่ รพ.ในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพราะเริ่มไม่มีความมั่นใจ แต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยง จนกระทั่งสุดท้ายเวลา 11.00 น.ของวันที่ 1 กรกฎาคม คนไข้ได้เสียชีวิต โดยที่หมอก็ไม่ได้ลงมาชี้แจงถึงสาเหตุการตายกับญาติ ทำให้บรรดาญาติมีความคลางแคลงใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเข้าร้องเรียนกับสื่อเพื่อขอความเป็นธรรม
นางนวลวรรณ ยังระบุทั้งน้ำตาน้องหน้าด้วยว่า อยากให้เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์ ต้องการให้แพทย์ได้ดูแลและเอาใจใส่ผู้ป่วยมากกว่านี้ พร้อมเรียกร้องให้ทางรัฐบาลได้เข้ามาดูแล ถึงวิธีการรักษาผู้ป่วย ยัง รพ.ในต่างจังหวัดบ้าง ไม่ใช่ให้รักษาแบบตามมีตามเกิด จนกระทั่งเป็นเหตุให้คนไข้ต้องเสียชีวิตก่อนเวลากันสมควร
สำหรับเหตุการณ์ ผู้ป่วยรายนี้นับเป็นรายที่ 2 ที่ต้องเสียชีวิตจากการวางยาสลบของ รพ.พัทลุง ในรอบ 6 เดือน
นางนวลวรรณ สุทธิสินทอง อายุ 34 ปี พร้อมครอบครัวพร้อมมูล ได้เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชน กรณี นางหนูเสียน พร้อมมูล อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 510 หมู่ที่ 1 ตำบลฝาละมี อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง พี่สาวเข้าทำการผ่าตัดไส้ติ่ง ที่ รพ.พัทลุง หลังแพทย์ผ่าตัดเสร็จ ปรากฏว่า นางหนูเสียน คนไข้กลับไม่ฟื้น กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ซ้ำหนักแพทย์ที่ทำการผ่าตัดยืนยันว่าคนไข้ไม่ได้เป็นไส้ติ่งอักเสบ ในขณะที่ นางหนูเสียน คนไข้ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
นางนวลวรรณ น้องสาวผู้ตาย เล่าเหตุการณ์ว่า นางหนูเสียน ได้ใช้สิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า เข้าทำการรักษาตัวที่ รพ.ปากพะยูน เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา ด้วยอาการปวดท้องและแน่นหน้าอก โดยต้องไปนอนรอที่ รพ.ปากพะยูน 1 คืน เพราะเป็นวันหยุด ที่ รพ.ปากพะยูน ไม่มีหมอ จนกระทั่งสายวันที่ 28 มิถุนายน หมอ รพ.ปากพะยูน จึงเข้าตรวจอาการ พร้อมส่งรักษาตัวต่อที่ รพ.พัทลุง ซึ่งในขณะนั้น ผู้ป่วยก็ยังคงพูดจากับญาติได้ปกติมีเพียงอาการปวดท้องเท่านั้น
ต่อมา หมอ รพ.พัทลุง ได้ตรวจอาการพร้อมระบุว่า นางหนูเสียน ผู้ป่วยเป็นไส้ติ่งอักเสบต้องเข้ารับการผ่าตัดในสายวันที่ 29 มิถุนายน หลังจากที่หมอทำการผ่าตัดแล้วเสร็จ ปรากฏว่า นางหนูเสียนคนไข้ กลับไม่ฟื้นอีกเลย แพทย์ต้องนำเข้ารักษาตัวที่ห้อง ไอ ซี ยู พร้อมกับบอกกับญาติคนไข้ ว่า นางหนูเสียน ไม่ได้เป็นไส้ติ่งอักเสบ แต่กลับเป็นโรคลำไส้อักเสบ
ล่าสุด มีอาการตับแข็ง ม้ามโต มีน้ำในท้องเยอะ ซึ่งในขณะนั้นผู้ป่วยมีอาการแย่ลงตามลำดับ ทางญาติพยายามจะขอย้ายผู้ป่วยไปทำการรักษาตัวต่อที่ รพ.ในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพราะเริ่มไม่มีความมั่นใจ แต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยง จนกระทั่งสุดท้ายเวลา 11.00 น.ของวันที่ 1 กรกฎาคม คนไข้ได้เสียชีวิต โดยที่หมอก็ไม่ได้ลงมาชี้แจงถึงสาเหตุการตายกับญาติ ทำให้บรรดาญาติมีความคลางแคลงใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเข้าร้องเรียนกับสื่อเพื่อขอความเป็นธรรม
นางนวลวรรณ ยังระบุทั้งน้ำตาน้องหน้าด้วยว่า อยากให้เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์ ต้องการให้แพทย์ได้ดูแลและเอาใจใส่ผู้ป่วยมากกว่านี้ พร้อมเรียกร้องให้ทางรัฐบาลได้เข้ามาดูแล ถึงวิธีการรักษาผู้ป่วย ยัง รพ.ในต่างจังหวัดบ้าง ไม่ใช่ให้รักษาแบบตามมีตามเกิด จนกระทั่งเป็นเหตุให้คนไข้ต้องเสียชีวิตก่อนเวลากันสมควร
สำหรับเหตุการณ์ ผู้ป่วยรายนี้นับเป็นรายที่ 2 ที่ต้องเสียชีวิตจากการวางยาสลบของ รพ.พัทลุง ในรอบ 6 เดือน