เหยื่อ ตชด.คนละแก๊งกับผู้กองณัฏฐ์ โผล่ร้องอีก ระบุถูกแก๊งตำรวจนอกรีต ล็อกแขนใส่กุญแจมือยัดยาบ้า บังคับให้รับสารภาพจนต้องอพยพหนีไปอยู่บ้านเมียเพราะถูกตามข่มขู่
วันนี้ (5 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) นายปราโมทย์ พรหมรักษ์ อายุ 44 ปี อาชีพขับรถบรรทุก อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ 2 ต.หน้าเมือง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นางทองเพียร เสียงดัง อายุ 40 ปี และ ด.ช.จักรวาล พรหมรักษ์ อายุ 14 ปี ภรรยา และบุตรชาย เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.มาโนชญ์ อุปสินธุ์ พงส.(สบ.2) กลุ่มงานสอบสวน บก.ปปป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ ร.ต.ท.เชาวลิต ฆังคะรัตน์ หน.ศตส.ร้อย ตชด.ที่ 417 และพวก ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และกลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทางอาญา
นายปราโมทย์ ให้การว่า เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2550 ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 7-8 คน อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบภายหลังว่า เป็นชุดของ ร.ต.ท.เชาวลิต ได้บุกเข้ามาในบ้านพักเลขที่ 40 หมู่ 6 ต.วัดประดู่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมดไม่มีใครแต่งเครื่องแบบและแสดงหมายค้นจากศาล โดยอ้างเพียงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ซึ่งสามารถเข้าตรวจค้นยาเสพติดได้โดยไม่ต้องมีหมายค้น และเป็นการขยายผลคดียาเสพติดจากการจับกุม นางวิสูตร ถี่ถ้วน ป้าของตนซึ่งให้การซัดทอดว่า ตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาบ้าด้วย แต่เมื่อตนบอกว่าที่บ้านไม่มียาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายใดๆ หนึ่งในนั้นซึ่งตนทราบชื่อว่า “จ่าดล” กลับเข้ามาล็อกแขนตนใส่กุญแจมือพร้อมกับบอกว่า “มึงไม่มีแต่กูมี” จากนั้นก็หยิบถุงผ้าใบเล็ก ซึ่งเป็นถุงของชำร่วยแล้วนำยาบ้ายัดใส่เข้าไปจำนวน 50 เม็ด
นายปราโมทย์ กล่าวต่อว่า ขณะที่ถูกยัดยาบ้ามีเพียงตนที่เห็นเหตุการณ์ แต่ก็ไม่กล้าร้องเอะอะโวยวาย เนื่องจากเกรงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตน ภรรยาและลูก จากนั้นทั้งหมดได้พาตนนั่งรถไปยังเซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง ก่อนจะบังคับให้ตนเขียนคำให้การรับสารภาพคดียาเสพติดด้วยลายมือ พร้อมกับขู่ว่า ถ้าไม่ยอมรับสารภาพจะดำเนินคดีกับภรรยาด้วย ตนจึงยอมรับสารภาพ เพราะไม่ต้องการให้ลูกอยู่เพียงลำพัง ต่อมาได้ถูกส่งไปดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ระหว่างสืบพยานในชั้นศาล
“หลังจากได้รับการประกันตัวแล้ว ผมก็ย้ายครอบครัวไปอยู่ที่ จ.แพร่ ไปค้าขายเสื้อผ้าที่บ้านภรรยา โดยไม่กล้ากลับบ้าน ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย เพราะเห็นชายกลุ่มดังกล่าวคอยมาป้วนเปี้ยนบริเวณหน้าบ้าน นอกจากนี้ ตนยังสงสัยว่าเรื่องดังกล่าวอาจมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เพราะก่อนหน้านี้ ด.ช.จักรวาล บุตรชาย ได้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับลูกชายของ จ่าดล มาก่อน ซึ่งคาดว่า น่าจะเป็นสาเหตุที่จ่าดล เข้ามาจับตนยัดยาบ้าก็เป็นได้” นายปราโมทย์ กล่าว
ส่วน นางทองเพียร กล่าวว่า หลังถูกจับกุมเจ้าหน้าที่ถามว่ามีเงินเท่าไหร่ ตนบอกกลับไปว่าไม่มี กลุ่มชายดังกล่าวถึงบอกกลับมาว่า ถ้าอย่างนั้น ก็ช่วยไม่ได้ หลังเกิดเหตุทุกคนในครอบครัวต่างหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกรงจะถูกกลุ่ม ร.ต.ท.เชาวลิต ข่มขู่ ต่อมาเมื่อทราบข่าวว่า เจ้าหน้าที่ ตชด.ถูกตำรวจนครบาลจับกุมหลังจับ 3 แม่ลูกเรียกค่าไถ่ พร้อมทั้งมีเจ้าทุกข์หลายรายเข้าร้องเรียนว่าถูกยัดยา จึงเข้าแจ้งความเจ้าหน้าที่ บก.ปปป.ดังกล่าว
ด้านพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ บก.ปปส.ว่า ในวันและเวลาเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ร่วมจับกุมด้วยหรือไม่ พร้อมทั้งเตรียมส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดต่อไป
วันนี้ (5 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) นายปราโมทย์ พรหมรักษ์ อายุ 44 ปี อาชีพขับรถบรรทุก อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ 2 ต.หน้าเมือง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นางทองเพียร เสียงดัง อายุ 40 ปี และ ด.ช.จักรวาล พรหมรักษ์ อายุ 14 ปี ภรรยา และบุตรชาย เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.มาโนชญ์ อุปสินธุ์ พงส.(สบ.2) กลุ่มงานสอบสวน บก.ปปป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ ร.ต.ท.เชาวลิต ฆังคะรัตน์ หน.ศตส.ร้อย ตชด.ที่ 417 และพวก ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และกลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทางอาญา
นายปราโมทย์ ให้การว่า เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2550 ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 7-8 คน อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบภายหลังว่า เป็นชุดของ ร.ต.ท.เชาวลิต ได้บุกเข้ามาในบ้านพักเลขที่ 40 หมู่ 6 ต.วัดประดู่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมดไม่มีใครแต่งเครื่องแบบและแสดงหมายค้นจากศาล โดยอ้างเพียงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ซึ่งสามารถเข้าตรวจค้นยาเสพติดได้โดยไม่ต้องมีหมายค้น และเป็นการขยายผลคดียาเสพติดจากการจับกุม นางวิสูตร ถี่ถ้วน ป้าของตนซึ่งให้การซัดทอดว่า ตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาบ้าด้วย แต่เมื่อตนบอกว่าที่บ้านไม่มียาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายใดๆ หนึ่งในนั้นซึ่งตนทราบชื่อว่า “จ่าดล” กลับเข้ามาล็อกแขนตนใส่กุญแจมือพร้อมกับบอกว่า “มึงไม่มีแต่กูมี” จากนั้นก็หยิบถุงผ้าใบเล็ก ซึ่งเป็นถุงของชำร่วยแล้วนำยาบ้ายัดใส่เข้าไปจำนวน 50 เม็ด
นายปราโมทย์ กล่าวต่อว่า ขณะที่ถูกยัดยาบ้ามีเพียงตนที่เห็นเหตุการณ์ แต่ก็ไม่กล้าร้องเอะอะโวยวาย เนื่องจากเกรงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตน ภรรยาและลูก จากนั้นทั้งหมดได้พาตนนั่งรถไปยังเซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง ก่อนจะบังคับให้ตนเขียนคำให้การรับสารภาพคดียาเสพติดด้วยลายมือ พร้อมกับขู่ว่า ถ้าไม่ยอมรับสารภาพจะดำเนินคดีกับภรรยาด้วย ตนจึงยอมรับสารภาพ เพราะไม่ต้องการให้ลูกอยู่เพียงลำพัง ต่อมาได้ถูกส่งไปดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ระหว่างสืบพยานในชั้นศาล
“หลังจากได้รับการประกันตัวแล้ว ผมก็ย้ายครอบครัวไปอยู่ที่ จ.แพร่ ไปค้าขายเสื้อผ้าที่บ้านภรรยา โดยไม่กล้ากลับบ้าน ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย เพราะเห็นชายกลุ่มดังกล่าวคอยมาป้วนเปี้ยนบริเวณหน้าบ้าน นอกจากนี้ ตนยังสงสัยว่าเรื่องดังกล่าวอาจมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เพราะก่อนหน้านี้ ด.ช.จักรวาล บุตรชาย ได้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับลูกชายของ จ่าดล มาก่อน ซึ่งคาดว่า น่าจะเป็นสาเหตุที่จ่าดล เข้ามาจับตนยัดยาบ้าก็เป็นได้” นายปราโมทย์ กล่าว
ส่วน นางทองเพียร กล่าวว่า หลังถูกจับกุมเจ้าหน้าที่ถามว่ามีเงินเท่าไหร่ ตนบอกกลับไปว่าไม่มี กลุ่มชายดังกล่าวถึงบอกกลับมาว่า ถ้าอย่างนั้น ก็ช่วยไม่ได้ หลังเกิดเหตุทุกคนในครอบครัวต่างหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกรงจะถูกกลุ่ม ร.ต.ท.เชาวลิต ข่มขู่ ต่อมาเมื่อทราบข่าวว่า เจ้าหน้าที่ ตชด.ถูกตำรวจนครบาลจับกุมหลังจับ 3 แม่ลูกเรียกค่าไถ่ พร้อมทั้งมีเจ้าทุกข์หลายรายเข้าร้องเรียนว่าถูกยัดยา จึงเข้าแจ้งความเจ้าหน้าที่ บก.ปปป.ดังกล่าว
ด้านพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ บก.ปปส.ว่า ในวันและเวลาเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ร่วมจับกุมด้วยหรือไม่ พร้อมทั้งเตรียมส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดต่อไป